ตอนที่ 681 คนด้านหน้ากับคนด้านหลัง มีสองคน
อกหักแล้ว! เพื่อน
ใบหน้าที่กำลังสะใจของฟ่านอวี่ ตอนนี้มุมปากที่กำลังยกยิ้มอยู่แข็งทื่อขึ้นมาทันที
แววตาอ่อนโยนของเขา มีแววความสิ้นหวังปรากฏขึ้นแวบหนึ่งแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เหนียนเสี่ยมู่แขยงอัลบั้มภาพถ่ายในมือแล้ว เธอเดินเข้าไปตรงหน้าของฟ่านอวี่ “คุณยั่วโมโหพอแล้วใช่ไหม ตอนนี้บอกเรามาตรงๆ ได้หรือยังว่าคุณค้นพบอะไรกันแน่”
“……”
ฟ่านอวี่เม้มริมฝีปากน้อยๆ หยิบอัลบั้มภาพมาจากมือของหญิงสาว
เปิดออกแล้วพลิกไปที่ด้านท้ายๆ อย่างรวดเร็ว เขาชี้ให้เหนียนเสี่ยวมู่มองไปที่ภาพภาพหนึ่ง
มันเป็นภาพที่ฟ่านอวี่ถ่ายที่บ้านของเขา
หญิงสาวนั่งพาดอยู่ตรงหน้าต่าง ใบหน้าเล็กเปื้อนสกปรกไปหมด มองดูฟ่านอวี่ที่อยู่ในห้องอย่างไม่มีความเอียงอายที่ผู้หญิงควรมี ราวกับกำลังจะถามเขาว่าทำไมไม่เล่นเปียโนให้เธอฟัง
ฟ่านอวี่ถ่ายภาพนี้เอาไว้ได้พอดี
“นี่มันฉันไม่ใช่หรือไง มีอะไรแปลกกัน” เหนียนเสี่ยวมู่มองดูภาพนั้นอย่างละเอียดแวบหนึ่งแล้วบ่นพึมพำออกมา
ทันใดนั้นก็เหมือนจะค้นพบอะไร กอดอัลบั้มภาพเดินกลับไปหาอวี๋เยว่หานอีกครั้ง
“คุณดูตรงนี้สิ มีคนใส่ชุดสีดำอยู่จริงๆ ด้วย!”
แวบแรก มันเป็นเพียงแค่ภาพถ่ายธรรมดาๆ แต่ถ้ามองให้ละเอียด ตอนนั้นเหนียนเสี่ยวมู่นั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ถ้ามองจากมุมของฟ่านอวี่จะสามารถมองเห็นตำแหน่งด้านหลังได้พอดี
ตอนนั้นที่นอกประตูมีคนยืนอยู่!
แม้ว่าระยะทางจะค่อนข้างไกล ไม่อาจถ่ายภาพหน้าตรงเอาไว้ได้ ถ่ายไว้ได้แค่ว่าด้านนอกมีเงาครึ่งหนึ่งของคนยืนอยู่
แต่นี่มันก็พิสูจน์ได้แล้วว่าฟ่านอวี่จำได้อย่างถูกต้อง มีเด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดดำยืนอยู่ที่ด้านนอกประตูจริงๆ
“บางที อาจเป็นสิงลี่” อวี๋เยว่หานกวาดตามองภาพนั้นแวบหนึ่งแล้วเอ่ยพูด
แม้ว่าสไตล์การแต่งตัวจะแตกต่างกันค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
อีกทั้งสิงลี่เมื่อก่อนกับตอนนี้ก็ดูเป็นคนสองหน้าอยู่แล้ว
ราวกับเธอจะเป็นคนหลายบุคลิก อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเธอแต่งชุดที่ไม่เหมือนกับตอนปกติแล้วถูกฟ่านอวี่ถ่ายรูปติดเอาไว้พอดี เลยทำให้เกิดความทรงจำที่ผิดพลาด
“ไม่ใช่เธอ” ฟ่านอวี่เดินเข้ามา รับอัลบั้มไปแล้วพลิกเปิดต่อ
ผ่านไปสองสามภาพ ก็มีภาพอีกภาพหนึ่งที่ถ่ายจากมุมเดียวกัน
ที่ตำแหน่งเดียวกัน มีเด็กผู้หญิงใส่กระโปรงสีสดใสยืนอยู่ ครั้งนี้ถ่ายติดใบหน้าซึ่งก็คือสิงลี่!
ดวงตาของเหนียนเสี่ยวมู่หรี่หดลง
หยิบภาพทั้งสองออกมาจากอัลบั้มแล้วเอามาวางเทียบบนโต๊ะ
มองดูแบบนี้ การแต่งตัวของทั้งสองคนแตกต่างกันมากจริงๆ
ไม่ใช่แค่ใหญ่เท่านั้น มันให้ความรู้สึกว่าเป็นคนละคนกันจริงๆ
นอกจากเธอจะเป็นคนหลายบุคลิกจริงๆ ไม่อย่างนั้น คนทั้งสองในภาพสองใบนี้ไม่มีทางที่จะคือคนๆ เดียวกัน
อวี๋เยว่หานเดินตรงเข้าไป กวาดตามองดูภาพสองใบบนโต๊ะ ดวงตากระตุกแน่นขึ้น
จากนั้นก็หันไปมองดูภาพๆ แรก
มุมปากราวกับจะยกยิ้มขึ้นแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม
“นอกจากสิงลี่แล้ว มีอีกคนหนึ่ง” อวี๋เยวห่านชี้ไปที่ขอบประตูในภาพถ่าย ตำแหน่งของสองภาพเหมือนกัน ตำแหน่งที่ยืนก็แทบจะเป็นตำแหน่งเดียวกัน
ขนาดความสูงยังพอๆ กันเลย
แต่ว่าถ้ามองดูตรงด้านล่างเท้าให้ดีๆ ตอนนั้นสิงลี่ยืนอยู่บนขอบบันไดตรงหน้าประตู
แต่เด็กผู้หญิงอีกคนไม่ได้ยืนตรงนั้น
ดังนั้น ความจริงแล้วความสูงของคนทั้งสองต่างกันประมาณหนึ่งขั้นบันได!
เวลาที่ปรากฏตอนถ่ายภาพ ห่างกันไม่เกินสิบวัน ความสูงของคนคนหนึ่งไม่อาจเพิ่มได้เร็วขนาดนั้นในเวลาเพียงไม่กี่วัน
สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ ก็คือเด็กผู้หญิงที่ปรากฏตัวที่หลังบ้านของฟ่านอวี่มีสองคนจริงๆ!
“สิงลี่ไม่ชอบสีดำ ฉันจำได้ว่าตอนไปค้นตู้เสื้อผ้าที่บ้านสิง ในตู้เสื้อผ้าของเธอไม่มีเสื้อสีดำเลยแม้แต่ตัวเดียว!”
ตอนที่ 682 พูดย้ำๆ อยู่ประโยคเดียว
จู่ๆ เหนียนเสี่ยวมู่ก็นึกขึ้นมาได้ จึงเอ่ยออกมา
เมื่อเป็นแบบนี้พวกเธอก็มั่นใจได้แล้วว่า ตอนนั้นมีคนสองคนชอบเดินตามเธอ
สิงลี่เป็นเพราะเกลียดเธอ อย่างนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งล่ะ
ทำไมชอบแอบเดินตามเธอหลังไปเงียบๆ ตลอด
“จะใช่สิงฟางหรือเปล่านะ” เหนียนเสี่ยวมู่หันไปทางอวี๋เยว่หาน
ที่สิงฟางเห็นคนมารับตัวเธอไป บางทีอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่อาจเป็นเพราะสิงฟางชอบสะกดรอยตามเธอ……
“หาตัวสิงลี่เจอมาถามก็รู้เองแหล่ะ” อวี๋เยว่หานหรี่ตา เอ่ยพูดขึ้น
ประเด็นสำคัญทั้งหมดมุ่งกลับไปที่สิงลี่อีกครั้ง
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือหาตัวสิงลี่ให้เจอ!
“คุณชายฟ่าน!” พ่อบ้านปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องหนังสือ สีหน้าร้อนรน หอบหายใจแฮกๆ “ด้านนอก จู่ๆ ด้านนอกก็มีนักข่าวแห่กันมามากมาย บอกว่าอยากเจอสิงซิง สัมภาษณ์ความเห็นเธอเรื่องที่สิงลี่ฆ่าตัวตาย……”
“คุณว่าอะไรนะ” ฟ่านอวี่หมุนตัวกลับไปถามอย่างแปลกใจ
ขนาดเขายังไม่รู้เลยว่าเหนียนเสี่ยวมู่กับอวี๋เยว่หานจะมาหาเขา แล้วนักข่าวรู้ได้อย่างไรกัน
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของฟ่านอวี่หรี่แคบลง
สบกับสายตาของอวี๋เยว่หาน เอ่ยพูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน
“สิงลี่เป็นคนจัดฉาก!”
สิงลี่จัดฉากจงใจมาปรากฏตัวแถวคฤหาสน์ส่วนตัวของฟ่านอวี่ ล่อให้เหนียนเสี่ยวมู่กับอวี๋เยว่หานมา แล้วก็คำนวณเวลาปล่อยข่าวการฆ่าตัวตายหลอกๆ ของตัวเองได้อย่างพอดี จากนั้นก็รายงานพวกนักข่าว……
“มิน่าล่ะในที่คุยกันเมื่อกี้ ทั้งๆ ที่ไม่อยากเจอผมแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ปฏิเสธออกมา บอกว่ายังไม่ถึงเวลา สิ่งที่เธอรออยู่ก็คือนักข่าวพวกนี้นี่เอง!” ฟ่านอวี่กัดฟันพูด
พวกเขาประเมินสิงลี่ต่ำเกินไป
สิงลี่ทำอย่างอื่นไม่เป็น แต่เรื่องทำตัวให้น่าสงสารต่อหน้านักข่าวนี่ถนัดนัก
เกรงว่าตอนนี้พวกนักข่าวที่อยู่ด้านนอกต่างก็รอให้เหนียนเสี่ยวมู่ปรากฏตัว เพื่อถามเธอว่าฆ่าพี่สาวตัวเองแล้วจัดฉากว่าเป็นการฆ่าตัวตายได้อย่างไรแน่ๆ
“ฉันไม่เข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าสิงลี่อยากให้นักข่าวเข้าใจผิดว่าฉันเป็นฆาตกรฆ่าเธอ ก็แค่หายตัวไปแล้วปล่อยภาพออกมาก็จบแล้ว ทำไมต้องพยายามล่อให้ฉันมาหาคุณที่นี่ด้วย”
เหนียนเสี่ยวมู่ยืนพิงชิดโต๊ะอยู่ หันหน้าไปมองฟ่านอวี่
เรื่องที่เธอไปมาหาสู่กับฟ่านอวี่ เธอไม่เคยปิดบังอวี๋เยว่หาน สิงลี่ทำแบบนี้ก็ทำลายความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่ได้ และก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยากจะลากฟ่านอวี่ลงมาเดือดร้อนด้วย
อีกอย่าง ที่เธอบอกกับฟ่านอวี่ว่ายังไม่ถึงเวลา มันหมายความว่าอย่างไร
แค่รอนักข่าว หรือว่ากำลังรออะไรอยู่
“ตอนที่คุณคุยกับเธอทางโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอปกติไหม” เหนียนเสี่ยวมู่ถามอย่างสงสัย
ฟ่านอวี่นึกอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ปกติ เธอดูตื่นเต้น พอได้ยินผมถามเรื่องตอนนั้นเธอก็ดูแปลกๆ เอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา”
“พูดว่าอะไร” เหนียนเสี่ยวมู่เริ่มร้อนรน
“ทำไมพวกคุณต้องโดนปั่นหัวกันไปหมด ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าสิงซิงมันเป็นตัวกาลกิณี ใครอยู่ใกล้เธอไม่มีทางมีจุดจบที่ดีแน่ๆ” ฟ่านอวี่เลียนน้ำเสียงของสิงลี่ในตอนนั้นแล้วพูดมันออกมา
เหนียนเสี่ยวมู่ “……”
ตัวกาลกิณี
ที่สิงลี่ทำแบบนี้ เพื่อแค่อยากพิสูจน์ให้ฟ่านอวี่เห็นว่าเธอเป็นตัวกาลกิณีเหรอ
หรือว่า อยากให้ทุกคนเห็นว่าเธอเป็นตัวกาลกิณี
เชื่อมโยงกับการคาดเดาของอวี๋เยว่หานก่อนหน้านี้ จู่ๆ เหนียนเสี่ยวมู่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “ถ้าเกิดสิงลี่เป็นคนทำให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้น แล้วทำให้พ่อแม่ของตัวเองต้องตายจริงๆ ฉันสงสัยว่าเธอจะเป็น PTSD[1]!”
ภาวะป่วยทางจิตหลังจากเจอกับเหตุการณ์ที่รุนแรง
เนื่องจากไม่สามารถเผชิญหน้ากับการตายของพ่อแม่ได้ รับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นตัวต้นเหตุทำให้พ่อแม่ตาย จิตใจของเธอเลยมีปัญหา!
[1] PTSD Post-Traumatic Stress Disorder อาการป่วยทางจิตหลังจากเผชิญหรือได้รับความกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์ที่รุนแรงมา