หวานรักจับหัวใจท่านประธาน – ตอนที่ 695 ทั้งดูองอาจและสุขุม / ตอนที่ 696 แสดงได้ดี ผมไม่ถือสาหรอก!

ตอนที่ 695 ทั้งดูองอาจและสุขุม

สิงฟางมองเห็นเธอถูกรับตัวไปด้วยตาตัวเอง ถ้าผู้มีพระคุณคนนี้เคยปรากฏตัวมาก่อน สิงฟางน่าจะจำได้

“วันนั้นฉันสนใจแค่เธอกับลุงใหญ่และป้าสะใภ้ แต่เพราะเธอถูกอุ้มขึ้นรถไป ฉันเลยมองไปที่รถแวบหนึ่ง ฉันจำได้ว่าคนที่นั่งอยู่บนรถไม่ได้มีแค่คนเดียว เหมือนว่าจะมีสองคน ฉันมองเห็นไม่ชัด แต่พวกบอดี้การ์ดที่ล้อมรอบอยู่ดูเหมือนจะระมัดระวังตัวมาก……”

สิงฟางมองดูภาพในมือของเหนียนเสี่ยวมู่แล้วเอ่ยอย่างพยายามนึก

พยายามนึกอย่างละเอียด แต่มันนึกอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ

แต่มิสเตอร์คาติเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลสิง ต่อให้เธอไม่เห็นรูปภาพจากในมือของเหนียนเสี่ยวมู่เธอก็จำเขาได้

มองดูแล้วมิสเตอร์คาติดูเหมือนจะเป็นคนเข้มงวดมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ปรากฏตัวจนถึงวันที่ช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้พวกเธอเสร็จ เขาก็ใส่ชุดสูทสีดำอยู่ตลอดเวลา

ขนาดเนคไทที่ผูกที่คอยังดูเนี๊ยบอยู่ตลอดเวลา

มองดูแล้วทั้งองอาจและสุขุม

แต่นิสัยของเขากลับดูง่ายๆ มีความอดทนเวลาอยู่กับเด็กๆ เพียงแค่ไม่ชอบพูดอะไรเยอะ และกฎระเบียบค่อนข้างมาก

ตอนนั้นครอบครัวสิงเละเทะมาก ทุกคนต่างปรับตัวไม่ได้ มิสเตอร์คาติเป็นเหมือนเทวดาที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น

อย่าว่าแต่ลุงรองสิงที่ซาบซึ้งในบุญคุณของเขาจนต้องเก็บรูปเอาไว้เป็นอย่างดีมาตลอดหลายปีเลย ขนาดเด็กอย่างสิงฟางในตอนนั้นก็ยังจำชายชราที่มีเมตตาคนนั้นได้เป็นอย่างดี

เธอยังจำได้อยู่เลยว่าวันที่มิสเตอร์คาติจากไป เขาลูบศีรษะของเธอแล้วบอกกับเธอว่า “วางใจเถอะ ต่อไปตระกูลสิงจะมีคนคอยดูแลจวบจนพวกหนูโตเป็นผู้ใหญ่”

“คุณจำมิสเตอร์คาติได้ แต่ว่าไม่ได้เห็นเขาอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่มีคนมารับฉันไป อย่างนั้น คนที่มารับฉันก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับมิสเตอร์คาติ”

เหนียนเสี่ยวมู่กำภาพในมือเอาไว้แน่น พูดอย่างผิดหวัง

สิ้นเสียงก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เมื่อกี้คุณบอกว่า มิสเตอร์คาติบอกกับคุณว่าตระกูลสิงจะมีคนคอยดูแล แล้วจากนั้นล่ะ เขาคอยดูแลตระกูลสิงมาโดยตลอดหรือเปล่า”

“ดูแลมาเจ็ดปี” สิงฟางเอ่ยตอบ

มิสเตอร์คาติทำให้ทุกคนในตระกูลสิงอยู่กันอย่างปลอดภัย จากนั้นเขาก็จากไป

ต่อจากนั้นตลอดระยะเวลาเจ็ดปี ตระกูลสิงจะได้รับเงินก้อนหนึ่งในทุกๆ เดือน ช่วงแรกๆ มิสเตอร์คาติก็จะมาเยี่ยมเยียนในช่วยปลายปี ต่อมาก็แทบไม่ค่อยปรากฏตัว”

แต่ว่าโอนเงินมาให้ตรงเวลาตลอด

จนเมื่อสามปีที่แล้ว จู่ๆ มิสเตอร์คาติก็หายไป

ตระกูลสิงก็ไม่ได้รับเงินอีกเลยหลังจากนั้น และใช้ชีวิตกันไปวันๆ แบบนี้

ยังดีที่เด็กๆ เติบโตกันหมดแล้ว

ต่างก็ออกไปทำงาน จึงยังหาพอเลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวได้

“จู่ๆ มิสเตอร์คาติก็หายตัวไปแบบนี้ พวกคุณไม่เคยคิดจะตามหาเขาเหรอ อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้มีพระคุณของพวกคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา” เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้น

เพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่ช่วยให้ตระกูลสิงอยู่อย่างสบายหลังจากเกิดเรื่อง นี่มันก็หายากมากแล้ว

แต่มิสเตอร์คาติคนนี้กลับช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ตระกูลสิงทุกเดือนตลอดระยะเวลาเจ็ดปีมานี้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

การกระทำแบบนี้ มันไม่ใช่การกระทำของเพื่อนคนหนึ่งแล้วล่ะ

ทำไมเธอถึงรู้สึกมิสเตอร์คาติคนนี้ดูแปลกๆ อย่างไรก็ไม่รู้……

“เคยตามหาแล้ว แต่ว่าเบอร์โทรศัพท์ที่เขาทิ้งไว้ให้มันโทรไม่ติด และเขาก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย พวกเราตามหาไม่เจอหรอก อีกอย่างมิสเตอร์คาติเคยบอกไว้ว่าเขาจะดูแลตระกูลสิงจนถึงตอนที่เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเท่านั้น ตอนนั้นพวกเราเลยคิดกันว่าเขาอาจจะคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว จึงไม่คิดจะช่วยเหลือให้เงินเราอีก เราเลยไม่ได้คิดอะไรมาก”

สิงฟางพูดอธิบาย

จู่ๆ ก็ขาดคนคอยดูแลให้เงิน ก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกปล่อยกลับสู่ธรรมชาติของมันตามเดิม

ตอนนั้น พวกเขาเอาแต่คิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร ไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดตามหาใครหรอก

ตอนที่ 696 แสดงได้ดี ผมไม่ถือสาหรอก!

นานวันเข้า มิสเตอร์คาติก็ไม่เคยปรากฏตัวอีก พวกเขาก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว

“ถ้าอย่างนั้น มิสเตอร์คาติก็หายตัวไปเมื่อสามปีก่อนเหรอ” ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานสั่นไหวเล็กน้อย ค่อยๆ เอ่ยถามขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่ม ทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขกต่างก็หันไปมองทางเขาเป็นตาเดียว

เมื่อได้สติก็รีบเอ่ยตอบ

“ใช่ สามปีก่อน เรื่องนี้พวกเราไม่มีทางจำผิดแน่ๆ” ลุงรองรีบเอ่ยตอบขึ้นมาเป็นคนแรก

สามปีก่อน……

แววตาปราดเปรียวของเหนียนเสี่ยวมู่เป็นประกายขึ้น เริ่มเข้าใจความหมายของคำถามที่อวี๋เยว่หานถามออกไป

สามปีก่อน เธอได้รับบาดเจ็บและถูกถานเปิงเปิงช่วยเอาไว้ที่แถวๆ โรงพยาบาล……

อีกอย่าง หากเธอโดนรับตัวไปก่อนที่จะเกิดเหตุไฟไหม้กับตระกูลสิงจริงๆ แล้วภาพไฟไหม้ในความทรงจำของเธอมันคืออะไรกันแน่

ในความฝัน ใครเป็นคนร้องบอกให้เธอรีบวิ่งหนีไปกันแน่

มิสเตอร์คาติที่คอยให้ความช่วยเหลือตระกูลสิงหายตัวไปจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เธอความจำเสื่อมหรือเปล่า……

คำถามมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในสมองของเธอ

เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งร่าง

ข้างหูได้ยินคำพูดที่ถานเปิงเปิงมักจะพูดกับเธอ

“คนเรามักจะไขว่คว้าหาในสิ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่เจอ แต่กลับลืมไปว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตที่เหลืออยู่ เรื่องบางอย่างหากลืมไปแล้วก็ควรปล่อยมันไป ในเมื่อนึกไม่ออกบางทีมันอาจจะเป็นชะตาลิขิตเอาไว้ก็ได้”

ตอนที่เธอเพิ่งตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลก็เป็นเหมือนตอนนี้ รีบร้อนอยากจะหาครอบครัวของตัวเองให้เจอ

ตอนนั้นถานเปิงเปิงพูดโน้มน้าวเธออยู่เป็นเวลานาน

จนกระทั่งเธอคิดได้

การปรากฏตัวของสิงลี่ทำให้เธอคิดอยากกลับไปค้นหาครอบครัวของตัวเองอีกครั้ง

เอาแต่คิดอยากจะหาพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองให้เจอ ถามให้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอถูกทอดทิ้ง แล้วทำไมตอนแรกเธอถึงถูกส่งมาอยู่กับตระกูลสิง

คนที่มารับเธอไปคือใคร เธอถูกรับตัวไปอยู่ที่ไหน

ทำไมเมื่อสามปีก่อนถานเปิงเปิงถึงพบเธอได้รับบาดเจ็บเต็มไปด้วยบาดแผลทั่วทั้งร่าง……

“เรื่องที่นึกไม่ออกก็ไม่ต้องรีบร้อนที่จะนึก” เหมือนอวี๋เยว่หานจะมองออกว่าเธอดูไม่ปกติจึงเอื้อมมือมาปิดดวงตาของเธอเอาไว้ แล้วรั้งเธอมาไว้ในอ้อมกอด

น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงด้วยมนต์เสน่ห์ในการควบคุมทุกๆ อย่าง

“กลับบ้านก่อน รอพรุ่งนี้ฟ้าสว่างเมื่อไหร่ค่อยไปถามสิงลี่ที่สถานีตำรวจ”

สิ้นคำพูด ชายหนุ่มก็จูงเหนียนเสี่ยวมู่เดินออกไปจากบ้านตระกูลสิง

พอขึ้นมาบนรถ อวี๋เยว่หานก็โอบหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมกอด กำลังจะปิดประตูลงก็เห็นร่างๆ หนึ่งแทรกตัวเข้ามา

“ลิ่วลิ่ว เราไปทางเดียวกันพอดี คุณไปส่งผมด้วยแล้วกัน ได้ไหม” ดวงตาอ่อนโยนทั้งสองข้างของฟ่านอวี่ มองผ่านอาการกรุ่นโกรธของอวี๋เยว่หาน แล้วมองตรงไปยังเหนียนเสี่ยวมู่

สิ้นคำถาม ดวงตาของอวี๋เยว่หานก็ขรึมลง

เอื้อมมือไปบีบเอวของเหนียนเสี่ยวมู่ทีหนึ่ง ใช้ภาษากายเตือนเธอว่าหากเธอกล้าตอบรับคืนนี้เธออย่าหวังว่าจะได้นอน

เหนียนเสี่ยวมู่ “o(╯□╰)o……”

คุณชายหาน ตอนคุณหึงคุณดูปัญญาอ่อนมาก คุณรู้ตัวหรือเปล่า

เพื่อที่คืนนี้ตัวเองจะได้นอนหลับอย่างสบายๆ เหนียนเสี่ยวมู่ก็เลยกระแอมกระไออกมาอย่างให้ความร่วมมือ “คือว่า คุณก็เอารถมาไม่ใช่เหรอ ขับรถกลับเองน่าสะดวกกว่าไหม”

ไม่ว่าจะอย่างไร ฟ่านอวี่ก็ช่วยเธอเอาไว้ไม่น้อย กระทั่งขับรถไปส่งเขาในตอนนี้ก็ไม่ยินดีจะทำ เหมือนจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เหนียนเสี่ยวมู่พูดปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมมาก

ไม่รู้ว่าฟ่านอวี่ฟังไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ชายหนุ่มเขยิบเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ เธอ “ฟ้ามืดแล้ว ผมขับรถกลับคนเดียวรู้สึกกลัว พวกคุณไปส่งผมน่าจะปลอดภัยกว่า”

เหนียนเสี่ยวมู่ “……”!!

อวี๋เยว่หาน “……”!!

คุณชายฟ่านผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจกลัวความมืด เชื่อเขาเลยจริงๆ!

ฟ่านอวี่ “ไม่อย่างนั้น พวกคุณพาผมกลับไปที่บ้านด้วยก็ได้นะ ผมไม่รังเกียจ”

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
อวี๋เยว่หาน หนุ่มหล่อดีกรีประธานบริษัทอนาคตไกลที่จู่ๆ ก็ค้นพบว่าตัวเองมีลูกโดยไม่รู้ตัวแถมไม่รู้ว่าใครเป็นแม่เด็ก ทั้งผลตรวจดีเอ็นเอก็ดันตรงกับเขาเสียด้วย นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แม้ว่าจะไม่รู้ที่มาของเด็กน้อยแต่อาจเป็นเพราะสายสัมพันธ์อะไรบางอย่างทำให้เขาตัดสินใจเลี้ยงดูเด็กคนนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ลูกสาวของเขาบาดเจ็บจนบังเอิญได้รับความช่วยเหลือจาก เหนียนเสี่ยวมู่ หลังจากนั้น เสี่ยวลิ่วลิ่ว ก็ติดเธอแจ หญิงสาวอ้างตัวว่าเป็นพยาบาลรับจ้างเขาจึงจ้างเธอไว้ แต่เบื้องหลังของเธอกลับลึกลับและมีความสามารถเกินกว่าพยาบาลทั่วๆ ไป เรื่องนี้เขาจะต้องหาทางพิสูจน์ความจริงให้ได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset