ตอนที่ 725 เทพธิดาไม่รักษาหน้าแล้วเหรอ
“อือ ผมแกล้งเชื่อก็ได้” อวี๋เยว่หานเหลือบมองดูหญิงสาวแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน
สิ้นคำพูด เหนียนเสี่ยวมู่ก็ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้อีก ใช้นิ้วชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง
“ฉันพูดจริงๆ นะ ไม่เชื่อคุณก็ดูให้ดีๆ สิ ทรายเข้าตาฉันจริงๆ เมื่อกี้ฉันแค่ระคายตา ไม่ได้ร้องไห้”
เทพธิดาไม่ใช่คนที่ร้องไห้ออกมาได้ง่ายๆ เสียหน่อย
แถมยังเป็นต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ด้วย
หากเอาไปพูด จะขายหน้าแค่ไหนกันนะ……
อวี๋เยว่หานปากเสียขนาดนี้ หากกลับไปบ้านแล้วเขาไปล้อเลียนเธอต่อหน้าเสี่ยวลิ่วลิ่วล่ะ เธอจะเสียภาพลักษณ์ความเป็นแม่ไปขนาดไหนกัน
เธอต้องการเลี้ยงดูให้เสี่ยวลิ่วลิ่วกลายเป็นเทพธิดาเหมือนตัวเอง
สง่างาม สำรวมกิริยา มีรัศมี
ส่วนพวกเรื่องหน้าตาไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก แต่ว่าเธอก็มีพร้อมพอดี
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว อวี๋เยว่หานจึงมองมาที่เธออย่างจริงจังแวบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เอ่ยพูดขึ้น ท่ามกลางสายตาที่ตื่นเต้นของเธอที่มองมา
“ไม่เห็นทราย แต่เห็นขี้ตาอยู่นะ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “……”!!
หญิงสาวสติขาดผึ่ง เอื้อมมือไปขยี้ดวงตาของตัวเอง
วินาทีต่อมาก็ชะงักค้างไป
“อวี๋เยว่หาน คุณหลอกฉันเหรอ”
“อย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องเชื่อ” อวี๋เยว่หานพูดจบก็ล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋าเดินออกจากสนามบินไป
เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ หันหลังกลับมา
เห็นเหนียนเสี่ยวมู่ยังยืนอยู่ที่เดิม กำลังลังเลว่าจะขยี้ตาดีไหม จึงหมุนตัวกลับไปจูงคอเสื้อของเธอแล้วลาออกไป
เหนียนเสี่ยวมู่ได้สติก็รีบยื้อเอาไว้
“คุณปล่อยมือนะ! คนเยอะขนาดนี้ เทพธิดาไม่ต้องรักษาหน้าหรือไง”
“ท่าทางแบบนี้มันคือการจูงคู่หมั้นของคุณหรือไง มันเป็นการจูงหมาชัดๆ!”
“ปฏิบัติกับคู่หมั้นของตัวเองแบบนี้ คุณไม่ละอายใจบ้างหรือไง ถ้ายังไม่ปล่อยมือฉันจะกัดคุณแล้วนะ……”
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันจะพูดขู่จบ แรงที่จับอยู่บนคอเสื้อของเธอก็หายไปแล้ว
เปลี่ยนจากท่าทางเขย่งของเธอ ทันใดนั้นสองเท้าก็ลงไปแตะอยู่บนพื้น ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
เมื่อได้สติขึ้นมาก็มองไปทางอวี๋เยว่หานนิ่งๆ
กำลังจะเอ่ยถามว่าเขาสำนึกได้อย่างไรก็สบกับสายตาข่มขู่ที่ส่งมาพอดี
ใบหน้าเย็นชายากนักที่จะปรากฏสีหน้าล้อเลียน เอื้อมมือไปลูบที่ศีรษะของหญิงสาวแล้วพูดออกมาทีละคำ
“เหนียนเสี่ยวมู่ หมาที่ชอบเอาแต่กัดคน คุณรู้สถานะของตัวเองดีหนิ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “……”!!
คุณอวี๋ ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่านับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คุณไม่มีคู่หมั้นแล้ว
ไม่ใช่สิ นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปต่างหาก
เหนียนสี่ยวมู่โมโหจนควันแทบออกหู กำลังหมุนตัวเดินหน้าไป แต่ก็นึกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งออกอย่างรวดเร็ว
เธอไม่รู้ว่ารถของอวี๋เยว่หานจอดอยู่ที่ไหน
สนามบินใหญ่ขนาดนี้ หาเองไม่ได้หรอก
แต่ถ้าหาไม่เจอก็ต้องไปถามเขา……
เทพธิดาเพิ่งดึงธงขึ้นไป เธอไม่มีทางอ่อนข้อให้อย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นต่อไปต้องโดนเขากินเกลี้ยงแน่นอน!
เธอจะเรียกรถกลับเอง!
เหนียนเสี่ยวมู่หมุนตัวไปทางคนที่ต่อแถวรอรถแท็กซี่กันอยู่ กำลังจะเดินเข้าไปต่อแถว ข้อมือก็ถูกจับเอาไว้เสียก่อน
เหนียนเสี่ยวมู่สะบัดมือนั้นออกอย่างไม่ต้องคิด
“ทำอะไร หมาอย่างฉันไม่คู่ควรไปนั่งรถของคุณหรอก ปล่อยมือ!”
“ผมแค่อยากจะบอกคุณว่าคุณต่อผิดแถวแล้ว แถวนี้สำหรับเด็ก คนแก่และคนพิการ” น้ำเสียงเย็นๆ ขออวี๋เยว่หานดังลอดเข้ามาในโสตหูของเธอ
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งไป หันไปมองป้ายตรงหน้าด้าน
มันเป็นป้ายเขียนบอกว่า “เด็ก คนแก่และคนพิการ” จริงๆ ด้วย
พอเจอกับสายตารอบทิศที่มองมายังเธอ เธอก็รู้สึกกระอักกระอวนขึ้นมาในทันที……
จะยอมรับว่าตัวเองเป็นเด็ก คนแก่และคนพิการ หรือจะยอมรับว่าตัวเองไม่รู้หนังสือดี นี่เป็นปัญหาที่สำคัญมาก
ตอนที่ 726 ไอคิวต่ำมันถ่ายทอดกันได้
“รถมาแล้ว”
อวี๋เยว่หานพูดล้อเลียนหญิงสาว แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือที่จูงเธออยู่
เมื่อเห็นว่าคนขับรถขับรถมาแล้ว จึงเอ่ยพูดนิ่งๆ
สิ้นเสียง เหนียนเสี่ยวมู่ก็กรอกตามอง
เทพธิดาไม่ใช่คนใจแคบ คนจริงจะไม่ยอมโดนเอาเปรียบ
แน่นอนว่าต้องรีบกลับบ้านก่อน
“หึหึ เห็นแก่ว่าคุณเชิญฉันด้วยความจริงใจหรอกนะ ฉันถึงได้ยอมฝืนนั่งรถไปกับคุณ”
หญิงสาวพูดจบก็สะบัดมือของอวี๋เยว่หานออก แล้ววิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็ว
เปิดประตูแล้วแทรกตัวเข้าไปในรถ
หันไปมองทางหน้าต่างก็เห็นร่างสูงสง่าของอวี๋เยว่หานค่อยๆ เดินตามมา
ใบหน้างดงามไร้คู่แข่ง ค่อยๆ ก้มลง ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
สีหน้าดูเคร่งขรึมขึ้น
เหนียนเสี่ยวมู่เห็นก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเข้ามานั่งในรถก็รีบเอ่ยถาม
“มีอะไรเหรอ”
อวี๋เยว่หานเหล่มองหญิงสาวแวบหนึ่ง “ผมกำลังคิดว่า ความจริงเมื่อกี้คุณก็ไม่ได้ต่อแถวผิดหรอก ไอคิวต่ำก็เป็นความพิการอย่างหนึ่ง”
เหนียนเสี่ยวมู่ “……”!!
“รังเกียจคุณก็ไม่ต้องเอาสิ อย่างไรก็ยังไม่ได้หมั้นกัน ถอนหมั้นตอนนี้ก็ยังทัน” เหนียนเสี่ยวมู่เม้มปากจนแก้มป่อง เบิกตากว้างจ้องชายหนุ่มเขม็ง
วินาทีต่อมาก็ถูกรอบตัวเข้าไปกอด
“ไม่รังเกียจ ชอบจะตายอยู่แล้ว”
“……”
“ผมชอบความซื่อบื้อแบบนี้ของคุณ แถมยังคิดว่าไม่มีใครสู้ตัวเองได้อีก”
เหนียนเสี่ยวมู่ “???”
“เปิดเผยดี”
ในที่สุดอยู่อวี๋เยว่หานก็พูดชมเธอออกมาบ้าง แม้จะแค่คำเดียวก็ตาม
เหนียนเสี่ยวมู้เม้มปาก ไม่ถือสาเอาความกับชายหนุ่ม
หาตำแหน่งสบายๆ ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ในสมองยังปรากฏภาพตอนซ่างซินจากไป…..
รู้สึกอึดอัดที่หน้าอก
ตลอดทาง ไม่เอ่ยพูดอะไรเลย
ตอนที่รถใกล้จะจอด จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของอวี๋เยว่หาน “คุณหิวหรือเปล่า ฉันจะทำก๋วยเตี๋ยวให้ทาน”
“……”
เมื่อสบกับดวงตากลมโตเหมือนกวางที่ดูเหมือนจะชื้นไปด้วยน้ำตา อวี๋เยว่หานก็เข้าใจอารมณ์ของหญิงสาว คิ้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ได้”
เหนียนเสี่ยวมู่ยกยิ้มขึ้น ลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์ก็ถามหาวัตถุดิบจากพ่อบ้าน
ข้อบกพร่องในชีวิตของเธอก็คือการทำอาหาร
อาหารชนิดเดียวที่ทำทานแล้วไม่ตายก็คือก๋วยเตี๋ยว
ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจทำออกได้ไม่เลว
เมื่อห็นว่าพ่อบ้านเตรียมวัตถุดิบที่เธอต้องการไว้พร้อมแล้ว ก็เอื้อมมือไปหยิบผ้ากันเปื้อน แต่มือใหญ่ข้างหนึ่งเร็วกว่าเธอ เขาหยิบมันไปไว้ในมือก่อนแล้ว
หมุนตัว ช่วยใส่ผ้ากันเปื้อนให้เธอ
จากนั้นก็ช่วยม้วนแขนเสื้อของเธอขึ้นให้อย่างใส่ใจ
สายตาจริงจังของชายหนุ่ม ราวกับคนที่กำลังจะทำอาหารไม่ใช่เธอแต่เป็นเขาแทน
เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งงันไป กำลังจะเอ่ยพูดอะไรขึ้น แต่ชายหนุ่มช่วยจัดการให้เธอเสร็จเรียบร้อยจากนั้นก็ปล่อยมือออก
ดวงตาดำขลับจ้องมาที่เธอไม่วางตาแวบหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร เดินออกไปที่ห้องอาหารด้านนอกลากเก้าอี้แล้วนั่งลง
บนโต๊ะ ไม่รู้ว่ามีโน้ตบุ๊ควางอยู่เมื่อไหร่
นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มยกขึ้นนำโน้ตบุ๊ควางไว้บนตัก จากนั้นก็กดเปิด
แสงสีฟ้าที่หน้าจอคอมพิวเตอร์สะท้อนกระทบกับใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม
ปรากฏเป็นเงาขึ้นบนใบหน้าคมคาย
ลึกลับ สง่างาม หล่อเหลาจนคนใจละลาย
ท่าทางจริงจังตอนทำงาน ทำเอาคนละสายตาไปจากเขาไม่ได้
เหนียนเสี่ยวมู่ตระหนักได้ว่าตัวเองใจลอย จึงรีบไปหยิบวัตถุดิบ
ทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงแค่นิดเดียว ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง
บรรยากาศอบอุ่นฟุ้งกระจาย……เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
“เพล้ง” เสียงดังขึ้นทำเอาอวี๋เยว่หานรีบเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ มองไปทางห้องครัวอย่างตกใจ