ตอนที่ 749 ดื่มสักหน่อย จะได้ลดความโกรธ!
อย่างไรก็ตามพอนึกถึงตอนที่อวี๋เยว่หานสงสัยในตัวเธอ หัวใจก็แสบร้อน
เธอใช้แรงกัดริมฝีปากจนริมฝีปากแทบแตก
เมื่อเธอกำลังหมุนตัวออกจากห้องทำงานท่านประธาน จู่ๆก็มีเงามืดพาดลงมาที่เหนือศีรษะและแผ่คลุมเธอไว้
เหนียนเสี่ยวมู่ตัวแข็งทื่อพลางเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อวี๋เยว่หานเดินไปตรงหน้าเธอ ดวงตาสีเข้มที่ราวกับบ่อน้ำลึกลึกจนไม่เห็นก้นบึ้งคู่นั้นเต็มไปด้วยแสงสว่างที่เธอมองไม่ออก แต่ในสายตาเขาไม่มีความรังเกียจ ไม่มีข้อสงสัย…
เมื่อเผชิญหน้ากับแววตาไม่รู้อีโหน่อีเหน่ของเธอ อวี๋เยว่หานก็เอื้อมมือกดท้ายทอยเธอเข้ามาในอ้อมกอดของเขา
ใช้แรงกอดแน่นๆ
แน่นราวกับว่าเขากำลังจะบีบเธอเข้ามาในร่างของตัวเอง
น้ำเสียงอึมครึมอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน พูดเป็นพักๆ
“ได้ ผมจะอยู่กับคุณจนกว่าเปิงเปิงจะกลับมาอธิบาย”
ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่ได้ยินเธอปฏิเสธ เขาดีใจมากแค่ไหน
ยิ่งเขารักเธอมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกลัวว่าเรื่องทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับเธอ
ตราบใดที่คนในวิดีโอไม่ใช่เธอ ไม่ว่าเธอพูดอะไร เขาจะเชื่อ
“อวี๋เยว่หาน…”
“ผมหิวแล้ว ไปทานข้าวกับผมนะ” อวี๋เยว่หานพูดตัดบทเธอ ริมฝีปากบางอ้าเล็กน้อย
“แต่ฉันเอาเอกสารมาให้คุณเซ็น” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดเขาพร้อมกับคร่ำครวญถึงแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
หลังจากอวี๋เยว่หานโมโห เขาก็กวาดทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะลงพื้น จึงเหลือเพียงแฟ้มเอกสารไม่กี่ชุดที่เธอหอบมา มันอยู่บนโต๊ะอย่างโดดเดี่ยว
อวี๋เยว่หานมองไปตามสายตาเธอ เขาปล่อยมือแล้วเดินไป
หยิบปากกาขึ้นมาจากพื้น พลิกเปิดเอกสารแล้วเซ็นลงไปบนนั้น
หลังจากเซ็นเอกสารทั้งหมดที่เธอนำมา เขาก็วางปากกาและสั่งให้ผู้ช่วยส่งกลับไปที่แผนกประชาสัมพันธ์ จากนั้นเขาก็เดินกลับมาหาเธอแล้วถามว่า
“ตอนนี้ไปทานข้าวกันได้หรือยัง?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เขาเป็นท่านประธาน คำพูดเขาเป็นใหญ่
อวี๋เหยว่หานจูงมือเธอออกจากบริษัทตระกูลอวี๋แล้วพาไปร้านอาหารส่วนตัวที่ครอบครัวของพวกเขาเคยไปทานกันมาก่อน
ยังเช้าไปหน่อย
คนที่มาทานอาหารที่นี่จึงไม่เยอะเท่ามื้อเย็น
อวี๋เยว่หานมีห้องส่วนตัวสุดพิเศษอยู่ที่นี่ ไม่มีใครเข้ามารบกวนพวกเขาได้
เขาไม่ยอมปล่อยมือเธอจนกว่าจะนั่ง
เห็นๆกันอยู่ว่าเขาดูวิดีโอแล้ว
สิ่งที่เหนียนเสี่ยวมู่คิดได้และเรื่องที่สงสัย ไม่มีทางที่เขาจะคิดไม่ได้
แต่ปฏิกิริยาของเขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พวกเขายังคงมีความสัมพันธ์ที่หวานชื่นดังเดิมและเตรียมหมั้นหมายกัน
“คุณอยากทานอะไร?” เหนียนเสี่ยวมู่เปิดเมนูอาหารพลางเอ่ยถาม
“คุณ” อวี๋เยว่หานตอบอย่างไม่ลังเล
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
อวี๋เยว่หาน “คุณสั่งอะไรมาก็ได้ทั้งนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ ทำใจบริสุทธิ์หน่อยสิ อย่าคิดสกปรก”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าเรียกบริกร เธออ้าปากสั่งอาหารหลายอย่างที่เธอชอบ จากนั้นก็ปิดเมนูและชี้ไปทางอวี๋เยว่หาน “เอาข้าวเปล่าให้เขาถ้วยเดียวก็พอแล้ว เขาไม่กินอาหารที่เป็นสีสัน”
เขารู้สึกถึงการแก้แค้นของผู้หญิง
ขณะที่บริกรบันทึกเมนูอาหารและได้ยินที่เธอพูด เขาก็เงยหน้ามองอวี๋เยว่หานโดยไม่ได้ตั้งใจ พอเห็นอวี๋เยว่หานไม่พูด บริกรก็ไม่กล้าพูดมากและไปเตรียมอาหารตามที่เหนียนเสี่ยวมู่สั่ง
ในห้องอาหารส่วนตัวก็เงียบลงไปในชั่วขณะ
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ จากนั้นค่อยๆยกชาเก๊กฮวยบนโต๊ะอาหารรินให้เขาและดันไปตรงหน้าเขา
“อ่ะ ดื่มสักหน่อย จะได้ลดความโกรธ”
ตอนที่ 750 ตะเกียบใคร คนนั้นเป็นใหญ่
“…”
อวี๋เยว่หานมองชาเก๊กฮวยที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง เลิกคิ้วเล็กน้อย ปากบางขมุบขมิบ
“เจ็บมือ ยกถ้วยชาไม่ไหว คุณป้อนผมหน่อยสิ”
ในขณะที่พูดก็ยกฝ่ามือตัวเองที่พันแผลหนาๆขึ้นมา
เหนียนเสี่ยวมู่เป็นคนพันแผลที่ฝ่ามือให้เขา
ตอนนั้นแค่เป็นห่วงเขา กลัวว่าเขาไม่ระวังแล้วจะทำให้เลือดออกได้ ดังนั้นเธอจึงตั้งใจพันแผลให้หนาขึ้นเล็กน้อยและพันผ้ากอซอีกสองรอบ
พอดูแล้วการยกชาก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร อีกเดี๋ยวหยิบตะเกียบทานข้าวก็อาจจะไม่สะดวกมากนัก
“คุณเอามือมาให้ฉัน ฉันจะช่วยถอดผ้ากอซออกสักสองชั้นจะได้ไม่เกะกะ” เหนียนเสี่ยวมู่พูดอย่างช่วยไม่ได้ เธอดึงมือของเขามาแล้วเอาผ้ากอซออกให้อย่างคล่องแคล่ว
จากนั้นผูกปมอีกครั้ง
ตอนที่ผูกปม เธอเกิดนึกสนุกโดยจงใจพลิกผ้ากอซขึ้นมาบนหลังมือเขาแล้วผูกเป็นโบว์
บาดแผลที่น่าสังเวชเมื่อครู่นี้ ในตอนนี้ให้กลิ่นอายในแบบผู้หญิงอย่างบอกไม่ถูก
ใช้เวลาไม่นาน บริกรก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร
เมื่อวางจานลงบนโต๊ะ ก็สังเกตเห็นโบว์ที่หลังมือของอวี๋เยว่หาน การเคลื่อนไหวชะงักลงอย่างเห็นได้ชัด
วินาทีต่อมาก็โดนอวี๋เยว่หานถลึงตาใส่ จากนั้นก็หลบสายตาโดยแกล้งทำเป็นว่าตัวเองไม่เห็นอะไร
พยายามกลั้นขำเข้าไว้
จนกระทั่งเดินออกจากห้องอาหาร ด้านนอกห้องก็มีเสียงหัวเราะลอยเข้ามา…
เหนียนเสี่ยวมู่ผู้ริเริ่มก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกุมหน้าท้องนั่งอยู่บนเก้าอี้
ภาพลักษณ์ที่ไม่คิดอะไรมากแบบนี้ดูบริสุทธิ์คล้ายกับเด็กคนหนึ่ง
ไม่มีพิษมีภัยเลยสักนิด
ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับผู้หญิงในวิดีโอที่มีสายตาคมกริบราวกับว่ามีเนินเขานับพันในใจของเธอ
หรือว่าคนในวิดีโอนั้นไม่ใช่เธอจริงๆ…
ดวงตาเข้มของอวี๋เยว่หานที่เป็นประกายหลับตาลง ริมฝีปากบางอ้าเล็กน้อย “ป้อนผม”
“ทำไมล่ะ? คุณเองก็มีมือ ฉันถอดผ้ากอซให้คุณแล้ว คุณใช้ตะเกียบได้แล้ว” เหนียนเสี่ยวมู่ยัดเนื้อเข้าปากและพูดด้วยความงุนงง
อวี๋เยว่หานจ้องเธอด้วยสายตาอันเยือกเย็น
“แต่มือยังเจ็บนี่”
“……”
แค่ผูกโบว์ไว้ที่มือเขาอันเดียว เขาก็คิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงจริงๆหรือเนี่ย?
ก็พันแผลไว้ดีแล้ว ยังจะบ่นว่าเจ็บมือจนทานข้าวไม่ได้แล้วให้คนอื่นป้อนอีก
งี่เง่า!
เหนียนเสี่ยวมู่บ่นอุบในใจ แต่ทันทีที่เธอนึกถึงบาดแผลที่เปื้อนเลือดบนฝ่ามือของเขาแล้ว เธอก็นั่งอยู่ข้างๆเขาอย่างเห็นใจ
เอื้อมมือไปหยิบถ้วยข้าวและป้อนข้าวให้เขา
“อยากกินอะไร?” เธอรวบตะเกียบถาม
“ปลา” อวี๋เยว่หานเอนหลังพิงเก้าอี้และยังคงแสร้งทำตัวน่าสงสาร
พอพูดเสร็จ เหนียนเสี่ยวมู่ก็คีบชิ้นเนื้อแล้วยัดเข้าปากเขาหนึ่งชิ้น
จากนั้นก็ป้อนตัวเองหนึ่งชิ้น
อวี๋เยว่หานคิดว่าเธอได้ยินไม่ชัด ตอนที่เธอถามเขาว่าเขาจะกินอะไรเป็นครั้งที่สอง เขาก็พูดอีกครั้งว่า “ปลา”
อย่างไรก็ตามครั้งนี้เนื้อยังคงถูกป้อนเข้าปากเขา
แค่เปลี่ยนจากหมูตุ๋นน้ำแดงเป็นลูกชิ้นทำมือ
ณ เวลานี้ ไม่ว่าอวี๋เยว่หานจะความรู้สึกช้าแค่ไหน แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าเธอจงใจ
ดวงตาสีเข้มจ้องเธอเงียบๆ “เหนียนเสี่ยวมู่ ผมอยากกินปลา”
“ฉันได้ยินแล้ว แต่ฉันอยากกินเนื้อ ใครคีบอาหารคนนั้นเป็นใหญ่ ไม่อย่างงั้นคุณก็มาคีบเองสิ?” เหนียนเสี่ยวมู่พูดได้เต็มปาก
พอพูดจบก็คีบลูกชิ้นเข้าปากตัวเอง
อวี๋เยว่หาน “…”
“งั้นคุณจะถามผมทำไม?”
“ถามเป็นมารยาทน่ะ คุณไม่ต้องจริงจัง อีกอย่างมือคุณก็เป็นแผล กินของทะเลมากๆจะอักเสบได้ง่าย” เหนียนเสี่ยวมู่เบะปาก ทำหน้าราวกับบอกว่า “ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพื่อคุณ”