ตอนที่ 753 มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
เหนียนเสี่ยวมู่ทรุดตัวอยู่หน้าบันได ตั้งแต่ได้ยินข่าวอุบัติเหตุของถานเปิงเปิง สมองของเธอก็ว่างเปล่าอยู่ตลอดเวลา แต่จู่ๆก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย
มีภาพมากมายปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา ยุ่งเหยิงจนมองไม่ชัด
แต่เธอก็ยังจำไม่ได้…
นั่นคืออดีตของเธอใช่ไหม?
ทำไมถึงต่างจากที่เธอจินตนาการเอาไว้ กลับเหมือนผู้หญิงที่อยู่ในวิดีโอมากถึงเพียงนี้
แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และทะเยอทะยาน…
ถ้ามันเป็นตู้นิรภัยที่เธอไปเช่าที่ธนาคารจริงๆ ก็เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นลูกสาวของเธอ แล้วทำไมต้องเก็บผลตรวจ DNA ไว้ในธนาคารด้วยล่ะ?
แล้วยังมีเสี่ยวลิ่วลิ่วอีก…
นั่นเป็นลูกที่เธออุตส่าห์คลอดออกมา ทำไมเธอถึงยอมส่งไปให้คนอื่น?
มีคำถามมากมายที่แม้แต่เธอเองก็ยังคิดไม่ตก
แต่ในสายตาของทุกคน นี่เป็นแผนการที่คิดเอาไว้อย่างรอบคอบ
เธอแอบคลอดลูกสาวของอวี๋เยว่หานแล้วส่งลูกไปอยู่กับเขา ส่วนตัวเองก็แกล้งทำเป็นความจำเสื่อมเพื่อเข้าไปคลุกคลีอยู่ใกล้ๆพวกเขาสองพ่อลูกที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋ สุดท้ายก็เล่นละครที่เตรียมเอาไว้อย่างชาญฉลาดโดยการแสร้งทำเป็นว่าบังเอิญเจอผลตรวจDNAในตู้นิรภัยธนาคารจนได้เป็นแม่ของเสี่ยวลิ่วลิ่วและเป็นคู่หมั้นของอวี๋เยว่หานอย่างประจวบเหมาะ…
อวี๋เยว่หานก็คิดแบบนี้ใช่ไหม?
ไม่ เขาบอกว่าเขาเชื่อเธอ
เขาเต็มใจอยู่กับเธอจนกว่าถานเปิงเปิงจะกลับมา
แต่ถานเปิงเปิงไม่ได้กลับมา…
เธอไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับสายตาที่สิ้นหวังของเขาอย่างไร
พอนึกถึงวันเวลาที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาด้วยความหวาดระแวงในอนาคต เธอก็เสียใจจนแทบหายใจไม่ออก
เธอจะต้องตามหาถานเปิงเปิง จะต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
เหนียนเสี่ยวมู่กลับมากล้าหาญได้อีกครั้ง เธอลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินเข้าห้องนอนด้วยก้าวที่มั่นคง
เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบว่าตัวเองถูกอวี๋เยว่หานหลอกหลอนเข้าแล้ว เธอหยิบเสื้อผ้าออกมาจากชั้นแรกเพียงนิดเดียว ในหัวก็ปรากฏภาพความหวานชื่นอันนับไม่ถ้วน การแยกจากกันในเบื้องหน้าทำให้เธอทุกข์ใจอย่างเห็นได้ชัด
เหนียนเสี่ยวมู่ส่ายหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองลังเล เธอเก็บกระเป๋าเดินทางง่ายๆแล้วเธอลงไปข้างล่าง
พอลงมาถึงชั้นล่างก็อดไม่ได้ที่จะลากกระเป๋าเข้าไปในห้องนอนเสี่ยวลิ่วลิ่ว
ห้องนอนเด็กที่เป็นสีชมพูซะส่วนใหญ่เข้ากับอุปนิสัยน่ารักน่าเอ็นดูของเสี่ยวลิ่วลิ่ว
เสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นเด็กดีมาก เป็นเด็กที่ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง พอเล่นของเล่นเสร็จก็เก็บเข้าที่ด้วยตัวเอง
ภาพขีดเขียนที่อยู่บนโต๊ะ แม้ว่าจะละเลงได้เพียงครึ่งเดียว ตราบใดที่ไม่ได้วาดก็จะเก็บดินสอสีใส่ในกล่องอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
มีเพียงตุ๊กตาลูกหมูที่เรียงแถวบนหัวเตียงเท่านั้นที่ทำให้ดูออกว่าเธอเหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบ…
เหนียนเสี่ยวมู่เดินไปถอดแม่หมูที่แขวนอยู่บนกระเป๋าเดินทางของเธอแล้ววางไว้ข้างๆแถวลูกหมูที่อยู่บนหัวเตียงของเธอ
พลางพึมพำกับตัวเอง “เสี่ยวลิ่วลิ่วเด็กดี ให้แม่หมูอยู่กับหนูแทนแม่ไปสักพักนะ รอจนกว่าแม่จะตามหาน้าเปิงเปิงเจอ แล้วตามเธอกลับมาด้วยกัน…”
ใช่
เธอไม่เชื่อว่าถานเปิงเปิงจะตาย
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่เชื่อว่าถานเปิงเปิงจะตายไปแล้วจนกว่าเธอจะเห็นศพของถานเปิงเปิง
เหนียนเสี่ยวมู่กวาดตามองห้องนอนเด็กอย่างอาลัยอาวรณ์ ขอบตาแดงเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว เธอจึงลากกระเป๋าออกไป
ทันทีที่ออกจากคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ก็นั่งแท็กซี่ตรงไปที่บ้านถานเปิงเปิง
หลังจากช่วยถานเปิงเปิงไถ่บ้านมาได้แล้ว ถานเปิงเปิงก็ให้กุญแจเธอหนึ่งชุดเพื่อให้เธอไปหาได้ตามสบาย
ตอนนั้นเธอยังหัวเราะเยาะถานเปิงเปิงและยังบอกว่าเธอไม่อยู่บ้าน ตัวเองจะไปทำอะไร
แต่พอเห็นว่าเธอยืนยันจะมอบให้ตัวเองจึงเก็บเอาไว้
เธอไม่เคยใช้กุญแจชุดนี้มาก่อน
“คุณคะ อาคารเล็กๆข้างหน้านี้แหละค่ะ”
ตอนที่ 754 เธออ่านให้ฉันฟังอีกรอบ
พอรถจอด เหนียนเสี่ยวมู่ก็ลากกระเป๋าไปในอาคารอพาร์ตเมนต์เล็กๆของถานเปิงเปิง
หลังจากหาบ้านถานเปิงเปิงเจอแล้วก็ใช้กุญแจไขประตูเข้าบ้าน
ห้องไม่ได้ใหญ่มาก มีห้องนอนสองห้อง ห้องนั่งเล่นหนึ่ง
ตกแต่งอย่างเรียบง่าย สว่างโล่ง
ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เก็บกวาดสะอาดไร้ฝุ่น ให้ความรู้สึกที่เหมาะกับคนอย่างถานเปิงเปิง
เป็นเพราะถานเปิงเปิงออกไปทำงานนอกสถานที่นานเกินไป พื้นที่คับแคบจึงมีกลิ่นเหม็นอับเล็กน้อย
เหนียนเสี่ยวมู่เดินไปเปิดหน้าต่างที่ห้องนั่งเล่นก่อนเป็นอันดับแรก
จากนั้นก็เข้าไปที่ห้องนอนและเปิดหน้าต่างห้องนอนเพื่อระบายอากาศ
ตอนที่หันกลับมาก็เห็นกระโปรงแขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อในห้องนอน เธอชะงักเท้าไปพักหนึ่งและเอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัว พลางหยิบกระโปรงตัวนั้นขึ้นมา
เธอจำได้ว่านี่คือกระโปรงที่เธอเลือกให้ถานเปิงเปิงตอนที่เธอไปเดินช้อปปิ้งกับถานเปิงเปิงในตอนนั้น
แม้กระโปรงจะดูเปิดเผยและเซ็กซี่มาก แต่มันก็เหมาะกับถานเปิงเปิงมาก
ดังนั้นเธอจึงซื้อให้ถานเปิงเปิงโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
และมอบเป็นของขวัญให้ถานเปิงเปิง
เธอคิดในใจว่าถานเปิงเปิงคงไม่ชอบใส่กระโปรง เพราะแม้แต่กระโปรงแบบอนุรักษ์นิยมก็แทบจะไม่เคยใส่ เธออาจจะเก็บกระโปรงตัวนี้ไว้ก้นกรุมาโดยตลอด
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดที่จะหาเวลาให้ถานเปิงเปิงกลับมาใส่ เธอกลับไม่คิดว่าถานเปิงเปิงจะเคยใส่มันมาแล้ว…
ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่ถือประโปรงไว้ในมือ ภาพที่ปรากฏขึ้นมาในหัวคือตอนที่ถานเปิงเปิงลองกระโปรงตัวนี้อยู่ตรงหน้าเธอในวันนั้น
อันที่จริงวันนั้นเธอก็ได้ลองแล้ว
รูปร่างเธอกับถานเปิงเปิงคล้ายกันมาก ทั้งสองยังสวมไซต์เดียวกันอีกด้วย
แต่น่าเสียดายที่กระโปรงไซต์นี้เหลือเพียงตัวเดียวในร้าน เธอไม่ลังเลที่จะมอบมันให้ถานเปิงเปิงเพื่อจะบังคับให้ถานเปิงเปิงออกนอกกรอบ
พอตอนนี้มาเห็นกระโปรงตัวนี้แล้วก็เหมือนกับว่าได้ย้อนกลับไปตอนที่ทั้งสองคนเดินช้อปปิ้ง กินข้าว และใช้เวลาร่วมกันอีกครั้ง…
เหนียนเสี่ยวมู่วางกระโปรงลงแล้วเดินออกจากห้องนอน
ตอนที่เธอกำลังเตรียมจะหยิบของออกจากกระเป๋าเดินทาง หางตาเขาก็เหลือบไปเห็นชั้นวางรองเท้าที่หน้าประตู
ขณะที่กำลังยกกระเป๋าเดินทางก็ถึงกับชะงัก…
มีรองเท้าสีขาวที่เก่ามากคู่หนึ่งวางอยู่บนชั้นรองเท้า
นี่คือรองเท้าวิ่งสีขาวที่ต้องใช้เชือกผูกรองเท้า
เหนียนเสี่ยวมู่อดไม่ได้ที่จะเดินไปเอารองเท้าคู่นั้นออกมา เมื่อเห็นลวดลายบนรองเท้าขอบตาก็แดงเล็กน้อย
ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาเป็นภาพแบบไหน
เธอในเวลานั้นจำอะไรไม่ได้เลย
จำชื่อตัวเองไม่ได้
จำไม่ได้ว่าตัวเองมีครอบครัวหรือไม่
แม้กระทั่งตัวเองอายุเท่าไหร่ก็จำไม่ได้
ถานเปิงเปิงนั่งอยู่ข้างเตียงแล้วถือบัตรประจำตัวขึ้นมาใบหนึ่ง จากนั้นก็สอนเธออ่านชื่อตัวเองทีละตัว
“เหนียน เสี่ยว มู่…ใช่แล้ว เธออ่านตามฉันอีกครั้ง เหนียนเสี่ยวมู่…”
เสียงพูดของเธอเยือกเย็นและไร้อารมณ์ แต่ให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนมาก
นั่นเป็นคนแรกที่เธอเจอหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา เหมือนกับเด็กแรกเกิดที่เจอแม่เป็นครั้งแรก
แม้เธอจะจำถานเปิงเปิงไม่ได้ แต่เธอเห็นได้ถึงความห่วงใยนัยน์ตาเธอ
ตอนนั้นเธอแย่กว่าตอนนี้มาก
เธอไม่เพียงแค่ลืมทุกเรื่องราวในอดีต แต่ลืมแม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานในการดำรงชีวิต
เธอล้างหน้าแปรงฟันไม่เป็น ไม่รู้วิธีพับเสื้อผ้า แม้แต่การเดิน เธอก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าเดินยังไง…
เหมือนถอยกลับไปในวัยทารกที่ต้องมีคนคอยสอนทุกอย่าง
เพราะมีถานเปิงเปิงคอยอยู่เป็นเพื่อนฟื้นตัวกับเธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ครั้งแรกที่เธอสวมรองเท้าวิ่งก็มีถานเปิงเปิงเป็นคนช่วยสอนผูกเชือกรองเท้าให้…
“ทำเป็นวงก่อนแล้วค่อยเอาอีกอันสอดเข้าไป…”