ตอนที่ 785 สร้างโลกใหม่โดยจินตนาการ
เมื่อบวกกับเมื่อเช้าวานนี้ที่ทุกคนเห็นเขาที่ใต้ตึก สีหน้าของเขาก็ดูไม่ค่อยดีจริงเสียด้วย
การคาดเดาของทุกคน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุมีผล
เหนียนเสี่ยวมู่เดินถือถาดไปยังมุมห้องอาหารของพนักงาน เมื่อตัวเองเจอที่นั่งว่างจึงนั่งลงไป
พอตักข้าวเข้าปากไปได้คำเดียว ในสมองของเธอ ก็เอาแต่คิดว่าอวี๋เยว่หานนั้นจะป่วยจริงๆ หรือ
เขาคนนั้น ก็ดูเหมือนเป็นคนร่างกายแข็งแรงที่อย่างกับควบคุมโลกทั้งใบอยู่กำมือ แต่จริงๆ แล้วพออยู่กันสองต่อสองเขาก็เหมือนเด็กดื้อคนหนึ่งเท่านั้นแหละ เผลอๆ ยังดูแลตัวเองแย่กว่าเธอเสียอีก แถมยังมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อีก
ตัวอย่างเช่น กินข้าวไม่ตรงเวลา เวลางานยุ่งก็มักจะลืมกินข้าว
หรือเช่นว่า ป่วยแล้วไม่ชอบกินยา ไม่ว่าจะป่วยหนักแค่ไหน ก็จะอดทน แถมยังเอะอะโวยวายว่าการกินยาน้อยๆ จะทำให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้นได้อีก
ดีกับผีน่ะสิ! เขาคงได้ตายก่อนที่ภูมิคุ้มกันจะดีขึ้นล่ะสิไม่ว่า!
เหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังตำหนิเขาในใจ แล้วตักข้าวเข้าปากอีกคำ เคี้ยวไปได้สองคำ เธอก็ไม่รู้รสชาติอาหารแล้ว
แม้ว่าเธอจะว่าเขาอย่างเมามัน แต่ในใจก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้ว่าเวลานี้ เขาจะกินข้าวหรือยัง แล้วเสี่ยวลิ่วลิ่วล่ะ
เสี่ยวลิ่วลิ่วที่ตื่นขึ้นมาไม่เห็นเธอ จะว่านอนสอนง่ายไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว หรือว่าจะอยู่ที่บ้านกับคนป่วยอย่างอวี๋เยว่หานกันนะ
ถ้าเสี่ยวลิ่วลิ่วยังอยู่ที่บ้านล่ะ งั้นตอนนี้พวกเขาสองพ่อลูกคงแนบอิงกายให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันอย่างน่าสงสารอยู่หรือเปล่านะ…
ต้องบอกเลยว่า จินตนาการของผู้หญิงนั้นช่างน่าทึ่ง
เมื่อเธอตกลงไปในห้วงความคิดฟุ้งซ่านแล้ว เธอก็จะสามารถสร้างโลกใหม่ได้โดยการจินตนาการของตัวเอง และเมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งมองโลกในแง่ร้าย
สุดท้ายแล้วเหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่ได้กินข้าวมื้อเที่ยงนี้ต่อ เพราะใจที่มัวเป็นห่วงคนป่วยบางคนอยู่ตลอดเวลา แถมยังอาการหนักซะมากจนไม่สามารถมาทำงานที่บริษัทได้
เรื่องแบบนี้ ตั้งแต่เธอเข้ามาทำงานที่บริษัทตระกูลอวี๋จนถึงตอนนี้ เดิมทีก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ผู้จัดการเหนียน เอกสารทั้งหมดพร้อมแล้วค่ะ จะประชุมช่วงบ่ายสามโมงเหมือนอย่างเคยใช่ไหมคะ”เลขาที่เดินถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานของเธอถามขึ้น
เหนียนเสี่ยวมู่นึกถึงอาการป่วยของอวี๋เยว่หานอยู่ ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปากพูดว่า “ขอประชุมก่อนกำหนดเป็นบ่ายสองโมงนะ วันนี้ฉันมีธุระ บ่ายนี้อยากเลิกงานให้เร็วขึ้นหน่อยน่ะ ”
“รับทราบค่ะ”เลขาไม่ถามอะไรมาก แล้วถือแฟ้มหันกลับออกไปบอกเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
ในห้องทำงานผู้จัดการ เหลือเพียงเหนียนเสี่ยวมู่คนเดียว ที่กำลังถือโทรศัพท์ในมือ อยากจะโทร.หาอวี๋เยว่หานอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่กล้า
สุดท้ายก็โทร.หาผู้ช่วยของเขา แต่ไม่มีคนรับสาย จึงพยายามโทร.อยู่สองสามครั้ง จนในที่สุดผู้ช่วยก็รับสาย
แต่เสียงในสายทางนั้นมีเสียงรบกวนดังไม่หยุด และเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ ราวกับว่าอยู่ในสถานที่ที่มีสัญญาณไม่ดี
เมื่อได้ยินเธอถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของอวี๋เยว่หาน ผู้ช่วยก็อ้ำๆ อึ้งๆ และพูดว่า “ที่จริงคุณชายหานยังไม่สบายอยู่นิดหน่อย”แล้วจู่ๆ คลื่นสัญญาณก็ขาดหายไป
ด้วยเหตุนี้ ฝั่งของเหนียนเสี่ยวมู่ จึงมีเพียงเสียง “ตู๊ด ตู๊ด”เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในสาย
ซึ่งเหนียนเสี่ยวมู่พยายามโทรอีกครั้ง แต่ก็โทรไม่ติด
แต่คำพูดของผู้ช่วยนั้น ก็เหมือนเป็นการพิสูจน์การคาดเดาและความคิดในหัวของเธอแล้ว
ในความคิดของเธอ ก็วาดจินตนาการอย่างคร่าวๆ ว่าเขาอนาถสุดๆ กำลังนอนอยู่บนเตียงคนเดียว โดยไม่มีผู้ช่วยอยู่เคียงข้าง จนกระทั่งสภาพที่น่าสงสารที่ไม่มีใครรินน้ำให้เขาที่กำลังกระหายน้ำ… หัวใจก็บีบรัดแน่นทันที!
อยู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างได้ เธอเลยตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง
เหลวไหลน่า พ่อบ้านของบ้านพักตากอากาศอวี๋ก็ทำงานดีอย่างหาตัวจับยากไม่เป็นรองใคร อวี๋เยว่หานจะไม่ได้รับการดูแลได้อย่างไรล่ะ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลด้วยซ้ำ
แม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่หากไม่ได้ไปดูว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรด้วยตัวเอง เธอก็ไม่สามารถวางใจได้
ตอนสี่โมงเย็น ทันทีที่การประชุมเสร็จสิ้น เธอก็เก็บเอกสารไปด้วยบอกเลขาไปด้วยว่าให้ลากิจแทนเธอ เพราะเธอจะออกจากงานก่อนเวลา
ตอนที่ 786 ต้องใจเย็น ต้องนิ่งๆ เข้าไว้
เมื่อเดินออกบริษัทตระกูลอวี๋ เหนียนเสี่ยวมู่ก็โทรศัพท์หาแม่บ้าน
ไม่ได้ถามสภาพของอวี๋เยว่หานตรงๆ แต่ถามไปว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วได้ไปโรงเรียนหรือเปล่า
ก็ได้รู้จากปากแม่บ้านว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วอยู่ที่โรงเรียน หล่อนตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “วันนี้ฉันไม่มีงานพอดี คงไปรับเธอที่โรงเรียนนะ ฉันจะไปเล่นเป็นเพื่อนเธอเสียหน่อย แล้วค่อยไปส่งเธออีกทีได้ไหมคะ”
พอจะรู้ว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วชอบให้เธออยู่เล่นเป็นเพื่อน แม่บ้านจึงไม่มีข้อกังขาใดๆ
เหนียนเสี่ยวมู่โบกแท็กซีคันหนึ่ง ไปที่โรงเรียน
เป็นเวลาเหมาะเจาะที่เลิกเรียนพอดี เมื่อถึงประตูทางเข้าก็ชุลมุนมาก
ผู้ปกครองก็ต่างมารับลูกตอนเลิกเรียนทั้งนั้น แถมภายในโรงเรียนยังมีเหล่าเด็กๆ ที่พุ่งพรวดออกมากันอย่างคึกครื้นอีก
หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่ทำการทักทายคุณครูแล้ว ก็เตรียมจะไปที่ห้องเรียนของเสี่ยวลิ่วลิ่ว แต่เจ้าก้อนแป้งข้าวเหนียวน้อยก็เดินออกมาพร้อมกับสะพายกระเป๋าแล้ว
ใบหน้าเล็กอันละเมียดละไมแดงอยู่เล็กน้อย
เส้นผมที่อ่อนนุ่ม วันนี้ไม่ได้มัดทรงผมบัน แต่ถักเปียเล็กๆ แสนน่ารักสองข้างแทน
ขณะที่เธอกำลังเดินมา ก็เปล่งประกายยิ่งน่ารักซะเสียจนทำเอาคนอยากจะหวีดร้องใบหน้าเล็กๆ ของเธอ…
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ทันได้เปิดปากพูด ก็พบว่ามีเด็กชายตัวน้อยสองสามคนตามหลังเสี่ยวลิ่วลิ่วมาด้วย
ดูเหมือนว่าจะอายุราวสามขวบเหมือนกัน ดูใสซื่อไร้เดียงสา ที่อยากจะช่วยเสี่ยวลิ่วลิ่วถือกระเป๋า
แถมยังให้ลูกอมเม็ดหนึ่งกับเสี่ยวลิ่วลิ่วอีกด้วย…
เหนียนเสี่ยวมู่ก็อึ้งปากค้างไปชั่วขณะหนึ่ง
มองดูเสี่ยวลิ่วลิ่วทำหน้านิ่งที่โดนล้อมรอบอยู่ตรงกลาง
และได้ยินเสียงเบาๆ ของเหล่าเด็กชายว่า
“ฉันถือกระเป๋าให้เธอได้นะ…”
“ลูกอมอันนี้อร่อยมากเลย เธออยากกินเปล่า ฉันมีอีกเยอะเลย…”
“บ้านเธอไกลจากโรงเรียนไหม ถ้าไม่งั้น พวกเราจะไปเล่นที่บ้านเธอกัน…”
จากการสนทนาทั้งหมด เหมือนเสี่ยวลิ่วลิ่วจะไม่ได้ฟัง ก็เม้มปากพลางเดินไปข้างหน้า
“หม่าม้า!”
ทันทีที่เห็นเหนียนเสี่ยวมู่ ใบหน้าที่แสนน่ารักของเสี่ยวลิ่วลิ่วก็ยิ้มแฉ่งขึ้นฉับพลัน แล้วทิ้งเหล่าเด็กชายพวกนั้นแล้ววิ่งปราดเข้ามาหาเธอ
พร้อมกับอ้าแขนกอดต้นขาของเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่รีบอุ้มเธอขึ้นมา แล้วเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าเล็กแทนเธอพลางแหงนมองเด็กชายพวกนั้นที่อึ้งค้างอยู่
จู่ๆ เหล่าเด็กชายใสซื่อไร้เดียงสาพวกนั้นก็ดูเหมือนจะอายขึ้นมาทันที อ้อยอิ่งอยู่ชั่วครู่ ก็หันศีรษะวิ่งหายไปเสียแล้ว
ส่วนเหนียนเสี่ยวมู่ก็นิ่งอึ้ง แล้วก้มมองเสี่ยวลิ่วลิ่ว
“พวกเขาแกล้งหนูหรือเปล่า”
“ไม่ได้แกล้งค่ะ พวกเขาแค่อยากจะเล่นกับเสี่ยวลิ่วลิ่ว ช่วยรินน้ำให้เสี่ยวลิ่วลิ่ว ให้ขนมหวานเสี่ยวลิ่วลิ่วกิน คอยคุยกับเสี่ยวลิ่วลิ่วตลอด เสี่ยวลิ่วลิ่วเหนื่อยจะตายแล้ว…” เสี่ยวลิ่วลิ่วก้มศีรษะน้อยๆ นั้นลง ทำหน้าไร้เดียงสาพลางนับนิ้วไปด้วย
“…”
อวี๋เยว่หาน รีบมาเร็ว เสี่ยวลิ่วลิ่วที่ไร้ที่ติของเรา ที่โรงเรียนก็มีเพื่อนผู้ชายตัวน้อยเสียแล้ว
ไม่สิ จะให้อวี๋เยว่หานรู้ไม่ได้
ถ้าให้ตาขี้หวงนั่นรู้เข้า เจ้าหญิงตัวน้อยของเขายังเด็กขนาดนี้คงมีคนกังวล จนอาจจะได้ซื้อทั้งโรงเรียน แล้วเปิดให้เสี่ยวลิ่วลิ่วเรียนคนเดียวน่ะสิ
แบบนั้นน่ะไม่ดีต่อเด็กที่จะโตเลย
ต้องใจเย็น ต้องนิ่งๆ เข้าไว้
หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่คิดอย่างรอบคอบดีแล้ว ก็อุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วอย่างสงบนิ่งพร้อมกับเดินออกไป
“หม่าม้าจะพาเสี่ยวลิ่วลิ่วไปเล่นเหรอคะ”เสี่ยวลิ่วลิ่วถูไปถูมาในอ้อมอกเธอ ดิ้นด้วยความดีใจ
เมื่อได้ฟังเธอพูด เหนียนเสี่ยวมู่กลับนิ่งงัน
เธอเคยบอกกับแม่บ้านไว้ว่าจะพาเสี่ยวลิ่วลิ่วไปเล่น แต่นั่นก็เป็นข้ออ้าง
ที่จริงเธอคิดว่าจะรีบกลับไปดูอวี๋เยว่หานที่บ้านพักตากอากาศตระกูลอวี๋ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว…
พอโดนตาโตที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเสี่ยวลิ่วลิ่วเข้า เธอก็ไอเบาๆ “เสี่ยวลิ่วลิ่วจ๊ะ หนูรู้สึกไหมว่าเล่นกันสองคนจะน่าเบื่อไปหน่อยน่ะ”