ตอนที่ 793 ความลับที่ซ่อนเร้นไว้
คนในปัจจุบันนี้ ปกติรูปสมัยเด็กก็ไม่น่ามีน้อยแล้ว
แต่ถานเปิงเปิงนั้นแปลกมาก
อย่าแม้แต่พูดถึงรูปสมัยเด็กของเธอเลย รูปหลังจากเธอโตแล้วก็ยังน้อยอยู่ดี
นอกจากรูปถ่ายอาชีพสองสามใบ ก็แทบไม่มีรูปอื่นของเธอ
ตามระดับเทรนด์ถ่ายเซลฟีในปัจจุบัน ซอฟต์แวร์การถ่ายรูปต่างๆ ก็มีแนวโน้มโผล่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย ชีวิตของถานเปิงเปิงช่างดูจำเจคล้ายคนโบราณเสียจริง
เขาสามารถหารูปพวกนี้ได้ ก็เสียแรงพอๆ กับวัวเก้าตัวและเสืออีกสองตัวมารวมกันแหนะ
แทบไม่ต่างกับการบุกน้ำลุยไฟ
“คุณชายหานครับ ตอนนี้ถานเปิงเปิงหายตัวไป จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่แน่ชัด ทำไมจู่ๆ ท่านถึงต้องหารูปเธอสมัยเด็กด้วยเหรอครับ ถ้าพวกเราจะตามหาคน ก็ควรจะพกรูปตอนนี้ของเธอไปหาด้วยสิครับ”
ผู้ช่วยถามด้วยความที่ไม่รู้เหตุผล
จากคำพูดดังกล่าว นัยน์ตาดำขลับของอวี๋เยว่หานก็หุบต่ำลงเล็กน้อย
แล้วลากเมาส์ไปที่รูปที่ชัดสุดใบหนึ่งจากกองรูปทั้งหมด แล้วปริปากแผ่วเบาว่า “ฉันสงสัยว่าถานเปิงเปิงไม่ได้เพิ่งรู้จักกับเหนียนเสี่ยวมู่เมื่อสามปีก่อน”
“อะไรนะครับ” ผู้ช่วยตื่นตกใจ
แต่อวี๋เยว่หานกลับไม่ได้อธิบาย แล้วสั่งให้เขาไปหารูปถานเปิงเปิงสมัยเด็กต่อ
ในขณะเดียวกันก็เปิดโทรศัพท์ของตัวเอง นำรูปที่ฟ่านอวี่ถ่ายมาตอนแรกมาวางหน้าคอมพิวเตอร์แล้วทำการเปรียบเทียบ
จากการพูดของเหนียนเสี่ยวมู่ ถานเปิงเปิงก็ทำดีกับเธอเป็นอย่างมาก
มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
หากตัดเรื่องที่ทั้งสองถูกคอกันจริงๆ เช่นนั้นก็ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ก็คือพวกเขารู้จักกันมานานแล้ว!
ความรู้สึกเขาที่มีต่อสิงลี่กับสิงฟาง ก็ไม่เหมือนกับเด็กผู้หญิงที่สวมชุดดำนั่น ซึ่งก็คือถานเปิงเปิง…
แววตาอวี๋เยว่หานนั้นแฝงแสงสว่างอันริบหรี่
กระทั่งแค่รูปสมัยเด็กใบเดียวยังหาไม่ได้ ถ้าถานเปิงเปิงไม่ได้ซ่อนตัวอย่างง่ายๆ ก็คงอธิบายได้
สรุปแล้วหรือว่าถานเปิงเปิงจะบอกว่าบ้านถานทั้งบ้านกำลังซ่อนตัวกันอยู่นะ
อวี๋เยว่หานที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ก็ค่อยๆ กำแน่นขึ้น
แล้วนำทุกรูปภาพมาเปรียบเทียบอย่างจริงจัง ทว่าน่าเสียดายที่รูปพร่ามัวมากไปจริงๆ จนมองคนในรูปไม่ชัดไปหมดเลย
ผ่านเวลาที่เนิ่นนานไป เขาก็ได้แค่วางโทรศัพท์ลง
แล้วเคาะนิ้วที่เรียวยาวบนโต๊ะ เผชิญหน้ากับรูปที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด…
-
อีกทางด้านหนึ่ง
เหนียนเสี่ยวมู่ที่หนีเหมือนโดนหมาไล่ หนีออกจากคฤหาสน์ตระกูลอวี๋อย่างบ้าคลั่งตลอดทาง แล้วกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ของถานเปิงเปิง
ทันทีที่ผลักเปิดประตูนั้น ก็เป่าปากด้วยความโล่งอก
ในหัวยังมีแต่ฉากที่เกือบจะโดนอวี๋เยว่หานเจอตัวเมื่อกี้นี้…
อย่างที่คำโบราณว่าไว้ว่า คนเราอย่าได้กระทำผิดมโนธรรม มิเช่นนั้น เรื่องเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำเอาตกใจแทบตายได้
เหนียนเสี่ยวมู่หันตัววางกุญแจไว้บนที่วางรองเท้า แล้วเดินดิ่งเข้าห้องนอน
เนื่องจากตอนเที่ยงเธอที่กังวลเรื่องอวี๋เยว่หาน เดิมทีก็กินข้าวไม่กี่คำอยู่แล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็น แถมยังโดนทำให้ตกใจอีก ตอนนี้เลยหิวจนจะตายอยู่แล้ว จึงเดินมาแบบตัวลอยเบาหวิว
แล้วล้มลงบนเตียงทั้งตัว หยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมจะสั่งอาหารเดลิเวอรี
ขณะนั้นเอง ก็หวนนึกถึงอาหารอันโอชะไร้ที่ติที่จัดทำโดยพ่อครัวของตระกูลอวี๋ขึ้นมา พอนึกถึงน้ำลายก็สอเสียแล้ว
หิวจนท้องเล็กจ้อยนั้นร้องโครกคราก เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งของอาหารเดลิเวอรี ก็รีบลุกขึ้นจากเตียง หันศีรษะและพุ่งออกไป แต่ด้วยความรีบร้อน เท้าเลยไปเตะที่โต๊ะข้างเตียง
ได้ยินเพียงเสียง“โครม” กรอบรูปบนโต๊ะข้างเตียงก็ร่วงหล่นสู่พื้นดัง “ตุ้บ”
เหนียนเสี่ยวมู่ไปรับอาหารเดลิเวอรีด้วยความรีบร้อน นำอาหารวางไว้บนโต๊ะกินข้าว แล้วค่อยกลับมาเก็บกรอบรูป
พอมองดูรูปถานเปิงเปิงที่สวมใส่ชุดบัณฑิตระดับปริญญาตรีแล้ว เลยเช็ดทำความสะอาดกรอบรูปแทนหล่อน แล้ววางไว้ที่หัวเตียงใหม่อีกครั้ง
ขณะที่จะออกไป อยู่ๆ ก็เหลือบเห็นช่องว่างระหว่างโต๊ะข้างเตียงกับเตียงนอน ที่เหมือนว่าจะสอดอัลบัมอัลบัมรูปเล่มหนึ่งเอาไว้
เธอเลยยื่นมือออกไปหยิบโดยไม่รู้ตัว…
ตอนที่ 794 รูปภาพที่ขาดหายไปไหนแล้ว…
เป็นอัลบัมอัลบัมรูปที่เก่ามากแล้ว แต่กลับเก็บรักษาเป็นอย่างดี
ด้านนอกของอัลบัมบัมยังห่อด้วยฟิล์มใสกันรอยชั้นหนึ่ง ก็พอจะมองออกว่าเจ้าของอัลบัมอัลบัมคงจะหวงแหนมันมากน่าดู
เหนียนเสี่ยวมู่หยิบอัลบัมมาวางไว้ในมือ แล้วมองที่ว่างตรงข้างหมอนแวบหนึ่ง ก็ดูออกว่าเดิมทีอัลบัมเล่มนี้ควรจะวางไว้ที่ปลายหัวเตียงของถานเปิงเปิง แต่ไม่ทันระวังเลยตกลงพื้น จากนั้นเลยค้างเติ่งอยู่ระหว่างโต๊ะข้างเตียงกับหัวเตียงอย่างนั้น
ถานเปิงเปิงคงหาอัลบัมไม่ทัน ก็เกิดเรื่องก่อน…
เหนียนเสี่ยวมู่เบะปาก ด้วยท้องที่กำลังหิวโหยอยู่ก็ลืมที่จะวางอัลบัมไว้ ถือติดมือกลับมาที่ด้านหน้าโต๊ะกินข้าว และวางไว้ข้างๆ มือ แล้วไปรื้อกล่องอาหารฟาสต์ฟู้ด
พอตัวเองกินอิ่มจนพุงกางแล้ว ก็หยิบน้ำผลไม้จากในตู้เย็นมาขวดหนึ่ง ทำการเปิดฝาแล้วดื่มอย่างช้าๆ สองอึก จึงค่อยนึกได้ว่าตัวเองลืมอัลบัมรูปที่อยู่ข้างๆ ไปสนิทเลย
จากที่ประมาณเวลาที่เธอกับถานเปิงเปิงได้รู้จักกันก็ไม่น้อยแล้ว เธอเคยมาในบ้านของถานเปิงเปิงออกจะบ่อย แต่อัลบัมเล่มนี้กลับไม่น่าตราตรึงใจเลยสักนิด
เหนียนเสี่ยวมู่หวนนึกถึงจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องของถานเปิงเปิงในยามปกติ ก็อยากรู้ว่าก่อนที่พวกเธอจะได้รู้จักกัน หล่อนจะเป็นแบบไหนนะ
จึงอดไม่ได้ที่จะวางน้ำผลไม้ในมือลง แล้วยื่นมือไปพลิกเปิดอัลบัมรูป
รูปแรกที่สะท้อนม่านตาทำเอาเธอถึงกับอึ้ง
ครอบครัวที่มีกันสี่คนแสนอบอุ่น
คู่สามีภรรยาที่ดูเหมือนสุภาพเรียบร้อย พร้อมกับลูกสองคน
ลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน
ดูเหมือนว่าเด็กผู้ชายจะอายุประมาณสี่ขวบได้ แต่เด็กผู้หญิงนั้นยังเล็กอยู่มาก ยังอยู่ในผ้าห่อทารกอยู่เลย
ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้ม ที่เหมือนถานเปิงเปิงเอามากๆ ก็น่าจะเป็นเธอสมัยเด็ก
มองดูรูปที่อยู่เบื้องหน้า เหนียนเสี่ยวมู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เผลอกัดริมฝีปากล่างอย่างไม่รู้ตัว
แต่เดิมเธอก็ไม่เคยได้ยินถานเปิงเปิงพูดมาก่อนว่า เธอมีพี่ชาย…
ที่จริงไม่เพียงแค่พี่ชาย กระทั่งพ่อแม่ของเธอเองก็น้อยครั้งที่จะพูดถึง…
เหนียนเสี่ยวมู่พลิกหน้าต่อไป มองดูรูปสองสามภาพก็ตระหนักได้ว่านี่อาจเป็นอัลบัมรูปถานเปิงเปิงและครอบครัวของเธอ
ที่ด้านหลังยังมีคนชราอีกสองคน
ทว่าดูเหมือนว่าเด็กชายอายุสี่ขวบนั่น ระยะหลังจะไม่เห็นแล้ว
เหลือเพียงรูปที่ค่อนข้างน้อยของถานเปิงเปิงและพ่อแม่เธอ อีกทั้งถานเปิงเปิงในรูปกับตัวเธอในตอนนี้ไม่คิดเลยว่าจะเหมือนกันได้จนน่าแปลกใจ
เครื่องหน้าในตอนเด็กไม่ได้โตขนาดนี้ แต่ก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนมากๆ
เป็นสีหน้านิ่งๆ ที่ท่าทางไม่ชอบพูดไม่ชอบยิ้ม
ไม่มีความรู้สึกชีวิตชีวาร่าเริงในวัยเด็ก ซึ่งก็เหมือนเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็กที่ดูขึงขังเป็นพิเศษ
เหนียนเสี่ยวมู่พลิกจนถึงหน้าสุดท้าย พบว่าหน้าสุดท้ายของอัลบัมรูป ไม่รู้ทำไมถึงได้ว่างไว้เยอะมากมาย
ช่วงแรกๆ เธอก็คิดว่าคงไม่ได้ใส่รูปจนเต็ม
ทว่าพอดูอย่างละเอียด ก็เหมือนว่าบนที่ว่างนั้นเคยใส่รูปมาก่อน เพียงแต่ว่าถูกเอาออกในภายหลัง
เธอนับดูแล้ว ในตำแหน่งที่ขาดหายไปน่าจะมีอย่างน้อยๆ สิบรูป
เหนียนเสี่ยวมู่หอบอัลบัมรูปกลับเข้าห้องนอน นอนคว่ำบนพื้น แล้วค้นหาพื้นที่เจออัลบัมรูปรอบหนึ่ง ก็ไม่เจอรูปที่หายไป
พลิกโต๊ะข้างเตียงดูอีกรอบหนึ่งก็ไม่เจอ
เลยวางอัลบัมรูปไว้บนโต๊ะข้างเตียง ส่วนตัวเองที่อาบน้ำมาแล้วก็มุดเข้าใต้ผ้าห่ม
ชำเลืองมองอัลบัมที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงด้วยหางตา เสียงสะท้อนบางอย่างภายในสมองที่กำลังดังไม่หยุดมาโดยตลอด ความรู้สึกคุ้นเคยที่อธิบายไม่ได้ และไม่สามารถบอกได้ว่าคุ้นเคยมาจากที่ใด…
เหนียนเสี่ยวมู่ได้ชื่อว่ามีความจำที่ดีเลิศ
ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่เคยจำมาโดยเฉพาะแล้ว ให้เธอดูอีกรอบ ใส่ใจเพียงเล็กน้อยก็สามารถจำได้แล้ว
ทว่านอกจากถานเปิงเปิงแล้ว เธอก็จำคนในอัลบัมไม่ได้เลย น่าจะเพราะไม่เคยเจอกระมัง
งั้นความรู้สึกคุ้นๆ นี่มาได้ยังไงกันนะ