ตอนที่ 803 เหมือนว่ากำลังล่อให้หลงใหล
“ผู้รับผิดชอบการเจรจาครั้งนี้คือเหนียนเสี่ยวมู่นี่ คนของเธอล่ะ ไปแล้วหรือยัง” ริมฝีปากบางอวี๋เยว่หานขยับเล็กน้อย ด้วยน้ำเสียงที่ดูมีความกังวลเล็กน้อย
ผู้ช่วยนิ่งอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด
เขาได้ยินมาว่าตัวแทนของบริษัทตระกูลเจิ้งในครั้งนี้คือผู้หญิง และยังเป็นลูกสาวของบอสใหญ่ของบริษัทตระกูลเจิ้ง
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ก็คือเส้นสายสินะ
เหนียนเสี่ยวมู่ได้ชื่อเรื่องมีความสามารถในด้านธุรกิจ ย่อมต้องจัดการกับคุณหนูคนนี้ได้แน่นอน คงใช้เวลาไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ
ส่วนผู้ช่วยแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้เอามาใส่ใจเลย
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอวี๋เยว่หานในตอนนี้ จู่ๆ ก็มีอาการหนาวสั่นนิดหน่อยที่หลังขึ้นมา รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังสะเพร่าอยู่เสมอ
พอได้ยินเขาพูด ก็รีบตอบโดยทันที
“เวลาของการเจรจาเปลี่ยนเป็นบ่ายสามโมง ตอนนี้คงจะเริ่มแล้วละ”
“……” อวี๋เยว่หานหรี่ตาของเขา สีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดีนัก
ดูเหมือนกำลังกังวลเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างอยู่
ทันใดนั้นเอง เขาก็ก้าวกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง แล้วหยิบเสื้อคลุมเดินออกไปด้านนอก
เมื่อเห็นผู้ช่วยยืนตะลึงอยู่ที่ปากประตู ก็ส่งเสียงทุ้ม “ยังจะยืนทำอะไรอยู่ ไปขับรถสิ!”
“ครับ!” พอผู้ช่วยได้สติ ก็รีบวิ่งออกไปอย่างลนลาน
-
ห้องพักในโรงแรม.
เมื่อเปิดผ้าม่านออก แสงแดดจากนอกหน้าต่างก็สาดเข้ามา
แสงสีขาวที่อมส้ม เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศยังคงเย็นอยู่เล็กน้อย และมีแสงแดดอุ่น ๆ ของเวลาเกือบบ่ายสี่โมงที่ไม่ร้อนเกินไป
การนอนเอนกายบนเก้าอี้นั่งเล่น และอาบแดดในเวลานี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่สบายที่สุด
ถ้าในเวลานี้ มีไวน์แดงอีกสักแก้วละก็จะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก
ทันทีที่คนกำลังนอนเอนกายขยับตัว เลขาสาวก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อเตือน
“รองประธานคะ ทีมบริษัทตระกูลอวี๋รอเราอยู่ในห้องประชุมเกือบชั่วโมงแล้วค่ะ คุณหนูยังไม่ลงไปเหรอคะ”
“……”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เลขาพูด เจิ้งเหยียนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นอนอย่างช้าๆ
ด้วยใบหน้าที่มีการแต่งหน้าที่สวยงาม และบลัชออนสีแดงสดใสดูสุขภาพดี
มุมตาที่ยกขึ้นเล็กน้อย ช่วยเพิ่มเสน่ห์บนใบหน้าที่โดดเด่นให้กับเธอ
ท่านอนเอนกายที่ค้ำด้วยมือข้างเดียว กับเท้าข้างหนึ่งที่งอเล็กน้อย เผยให้เห็นต้นขาขาวภายใต้กระโปรงสั้น
ซึ่งก็สามารถทำให้ผู้คนกระอักเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีท่าทีเจ็บป่วยออดแอดสักนิด
แต่ท่าทางกลับดูเหมือนนางจิ้งจอกที่มีชีวิตชีวา
“แค่ชั่วโมงเดียวเอง รีบไปไหนล่ะ”
เจิ้งเหยียนยิ้มมุมปาก และดวงตาเฉี่ยวอันสง่าดุจนกการเวก เผยให้เห็นถึงความอารมณ์ดีของเจ้านาย
เธอยกมือขึ้นเล็กน้อย แล้วเล่นกับเล็บที่ตัวเองเพิ่งทำมา เหลือบมองเลขาและให้เลขารินไวน์ให้
ท่าทางที่ดูสบายอกสบายใจ ไร้ความตึงเครียดที่จะต้องลงไปเจรจา
“รองประธานคะ ประธานเจิ้งเคยอธิบายแล้วว่าการร่วมมือกับบริษัทตระกูลอวี๋นั้นสำคัญมาก และคุณต้องไม่ทำให้มันยุ่งเหยิง คุณสัญญากับท่านแล้วด้วยนี่คะ แต่ทำไมตอนนี้….” เลขากลับมาพร้อมกับไวน์แดงหนึ่งแก้ว และกำชับด้วยความไม่สบายใจ
พอคิดถึงเรื่องที่ผู้เจรจาของบริษัทตระกูลอวี๋กำลังรออยู่ชั้นล่างแล้ว รองประธานของพวกเขายังฉวยโอกาสจากการเจ็บป่วยมาดื่มในห้องอีก
นั้นทำให้เลขาอยู่ไม่สุขจริงๆ
กลัวว่าจะทำให้ความร่วมมือวุ่นวาย จนไม่มีใครย้อนกลับไปได้น่ะสิ!
“ฉันทำคำสั่งทางการทหารออกไปแล้ว ฉันยังไม่กลัวเลย พวกเธอจะกลัวอะไร” เจิ้งเหยียนยิ้มจนมุมตาอันสง่าเป็นเส้นโค้ง
เดิมทีมันก็เป็นใบหน้าที่งดงามอยู่แล้ว แต่ด้วยรอยยิ้มนี้ และดวงตาเฉี่ยวที่ดุจนกการเวกที่สวยงามคู่นั้น เหมือนกับว่ากำลังล่อให้หลงไหล
เลขาที่เป็นผู้หญิง มองดูด้วยความเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย
ถ้าได้สลับร่างไปเป็นผู้ชายคนไหนก็ตาม เกรงว่าคงจะควบคุมไม่อยู่แน่ๆ
เจิ้งหยียนรู้เสน่ห์ของตัวเองเป็นอย่างดี จิบไวน์แดง แล้วถามขึ้นว่า “คนที่มา เป็นผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทตระกูลอวี๋ ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อเหนียนเสี่ยวมู่ใช่ไหม”
“……ใช่ค่ะ ได้ยินมาว่า เธอเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในบรรดาผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทตระกูลอวี๋ อย่าประเมินเธอต่ำเชียวนะคะ!”
ตอนที่ 804 จงใจยั่วยุ!
เลขาเอ่ยชื่อเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยสายตาเคารพนับถือ
พอเห็นดังนั้นเจิ้งเหยียนก็ทำเสียงไม่พอใจ
เธอดื่มไวน์ในแก้วจนเกลี้ยง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชา
เอื้อมมือไปหยิบเอกสารที่อยู่ข้างๆแล้วดึงรูปของเหนียนเสี่ยวมู่ออกมา
“ส่งผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างเหวินหย่าไต้เข้าคุกได้ก็ถือว่าเธอมีความสามารถอยู่พอตัว แต่น่าเสียดายที่เธอจะหมดโชคเมื่อได้เจอฉัน” เจิ้งเหยียนดีดนิ้วยาว แล้วรูปภาพที่อยู่ในมือก็ตกลงพื้น
จากนั้นก็ลุกขึ้นใช้เท้าเหยียบไปที่หน้าเหนียนเสี่ยวมู่และย่ำอย่างแรง
ทันทีหลังจากนั้นก็มองไปทางเลขา
“ฉันง่วงนิดหน่อย อยากนอนหลับสักตื่น อีกหนึ่งชั่วโมงเธอค่อยมาเรียกฉัน”
“รองประธานคะ แต่ว่าคนของบริษัทตระกูลอวี๋กำลังรออยู่ข้างล่าง…” เลขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจิ้งเหยียนก็เดินไปที่เตียงแล้วมองเธอด้วยสายตาเย็นเฉียบ
เลขาหยุดอย่างรวดเร็วและออกจากห้องด้วยความเกรง
ห้องประชุมชั้นล่าง
เมื่อเวลาผ่านไปตัวแทนเจรจาของบริษัทตระกูลอวี๋ก็ยังไม่ได้กล่าวอะไร คนของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์รอรองประธานของตัวเองจนแทบทนไม่ไหว แต่ละคนถึงกับเหงื่อตก
เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็คิดว่าเธอจะไปแล้ว พวกเขาจึงลุกขึ้นอย่างเคร่งเครียด
“ผู้จัดการเหนียน รองประธานของเราไม่สบายจริงๆ คุณช่วยรออีกสักครู่…” พอชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าพูดจบก็พบว่าเหนียนเสี่ยวมู่แค่จะเปลี่ยนท่านั่ง เขาถึงกับนิ่งอยู่กับที่
บรรยากาศเป็นไปอย่างกระดากอาย
หลังจากรอมาเกือบสองชั่วโมง คนในทีมของเหนียนเสี่ยวมู่ก็หน่ายใจเล็กน้อย
โดยปกติการทำความร่วมมือมีเพียงคนอื่นเป็นฝ่ายรอพวกเขา ไม่เคยมีใครกล้าทำให้บริษัทตระกูลอวี๋รอนานขนาดนี้
ถ้าไม่เป็นเพราะดูออกว่าคนของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์หวั่นเกรงพวกเขามาก พวกเขาก็คงไปนานแล้ว!
ขณะนี้ก็ได้ยินคนของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์หาข้ออ้างแก้ตัวอีกหนึ่งชุดพลางหันมองมาทางเหนียนเสี่ยวมู่
“นี่ก็เย็นมากแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่เหมาะแก่การพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือ รบกวนพวกคุณช่วยพูดกับรองประธานเจิ้งด้วย ให้เธอดูแลตัวเองให้ดี ส่วนเรื่องความร่วมมือไว้ค่อยนัดกันอีกที!”
เหนียนเสี่ยวดูนาฬิกาข้อมือพร้อมกับพูดอย่างสงบเสงี่ยม
ทันทีที่พูดจบก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนถอนตัว
พอคนของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์เห็นว่าพวกเขากำลังจะไปก็ลนลาน
“ผู้จัดการเหนียน รองประธานเราน่าจะใกล้ดีขึ้นแล้ว พวกคุณรออีกหน่อยเถอะ พวกเราจะขึ้นไปเร่งให้…”
พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีคนกล้าผิดสัญญากับบริษัทตระกูลอวี๋ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังต้องเจรจาความร่วมมือ
ขณะนี้มีคนหนึ่งถึงสองคนยืนขึ้นขวางที่หน้าประตูเพื่อต้องการประวิงเวลาออกไปอีกนิด
เหนียนเสี่ยวมู่ชะงักเท้าพลางกวาดตามองคนในคณะตัวแทนของบริษัทเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ กลิ่นอายราชินีที่วนเวียนอยู่รอบตัวเธอทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอใจฝ่อ
“พวกคุณมีเวลาแค่สามนาที ถ้ารองประธานเจิ้งยังไม่ปรากฏตัวล่ะก็…”
ทันทีที่พูดจบ ชายวัยกลางคนก็รีบตอบรับ
“มาทันครับ มาทัน รองประธานของเรามาได้แน่นอน!”
พอพูดเสร็จก็หันหน้าไปเร่งคนให้โทรหาเจิ้งเหยียน
จากนั้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีเขาก็ให้คำตอบยืนยันว่า “ผู้จัดการเหนียน รองประธานเจิ้งจะรีบลงมาทันทีครับ!”
ทุกคนต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มีเพียงเหนียนเสี่ยวมู่เท่านั้นที่มีท่าทีเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
เพียงแค่จ้องไปที่นาฬิกาข้อมือ
นับเวลาอย่างเงียบๆ
เมื่อครบสามนาทีก็ขยิบตาให้เลขา ทุกคนเดินออกจากห้องประชุม
ทันทีที่เดินออกจากห้องประชุมก็เห็นรูปร่างงามสง่าของใครบางคนเดินออกจากลิฟต์
กลิ่นหอมที่โชยมาปะทะใบหน้าทำเอาทุกคนถอนหายใจไปตามๆกัน!