ตอนที่ 807 หน้าเขียวไปหมดเลย
“จริงด้วย คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อหน้าพวกเรา ใครจะเชื่อ!”
“ถ้าให้ฉันพูดนะ ผู้จัดการเหนียนเก่งที่สุด ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับเธอ ตอนที่พวกเราเพิ่งออกมา เจิ้งเหยียนถึงได้หน้าเขียวไปหมดเลย”
ในขณะที่ทุกคนคุยกันก็หันมามองทางเหนียนเสี่ยวมู่
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
พูดอะไรน่ะเหรอ?
พูดว่าเธอเพิ่งประกาศอำนาจความเป็นเจ้าของอวี๋เยว่หานกับเจิ้งเหยียน?
ไม่ดีมั้ง
แม้ว่าตอนนี้เธอจะโดนเจิ้งเหยียนยุยงด้วยประโยคที่ว่า “แฟนเก่า” จนอยากเปิดลำโพงและตะโกนต่อหน้าทุกคนว่าอวี๋เยว่หานเป็นของเธอ
แต่นั่นก็เป็นความคิดที่อยู่ในใจเท่านั้น
“ผู้จัดการเหนียน พวกเราออกมากันแล้ว คนของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์จะมาเจรจาความร่วมมือกับเราอีกไหม?” เลขาเดินมาข้างๆเหนียนเสี่ยวมู่และถามด้วยความกังวล
โครงการนี้ไม่เพียงแต่สำคัญกับเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์มาก ทั้งยังสำคัญต่อบริษัทตระกูลอวี๋อีกด้วย
ความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน
หากเกิดความผิดพลาดอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางธุรกิจของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์และบริษัทตระกูลอวี๋ได้
“เจิ้งเหยียนคนนี้ไม่ธรรมดา คุณลองหาวิธีช่วยฉันสอบถามข้อมูลของเธอให้หน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง เจิ้งซื่อจะต้องมาแน่นอน”
เหนียนเสี่ยวมู่หรี่ตาและพูดด้วยความมั่นใจ
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็โล่งอกพลางพูดหยอกล้อกันเดินออกไป
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในลานจอดรถของโรงแรมมีรถหรูทรงเตี้ยจอดอยู่ตรงมุมอย่างเงียบๆ
หน้าต่างปิดอย่างหนาแน่น
เมื่อมองดูจากภายนอกจะมองไม่เห็นว่าข้างในมีอะไร แต่อวี๋เยว่หานที่อยู่ในรถกลับมองเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เดินออกจากโรงแรม
“คุณชายหาน ผู้จัดการเหนียนและคนอื่นๆออกมาแล้วครับ!” ทันทีที่ผู้ช่วยเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ก็รีบพูดด้วยความตื่นตัว
ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู อวี๋เยว่หานก็ถลึงตาใส่เขา
ผู้ช่วยหดมือกลับอย่างเงียบๆ
“พวกเราไม่ไปต่อเหรอครับ?”
“ยังเจรจาไม่สำเร็จ” อวี๋เยว่หานไม่ได้ตอบคำถามของผู้ช่วย แต่จู่ๆก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง
น้ำเสียงแน่ใจราวกับว่าเขาไม่ได้เพิ่งมา แต่มีส่วนร่วมในการเจรจาตลอดกระบวนการ
ผู้ช่วยถึงกับผงะอย่างเห็นได้ชัด
พออยากจะถามอะไรบางอย่างก็เห็นเจิ้งเหยียนเดินออกจากโรงแรมช้าไปหนึ่งก้าว
เธอยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า หันหน้ามองไปรอบๆเหมือนกำลังหาอะไร
ผู้ช่วยยังไม่ทันตอบสนองก็ได้ยินเสียงทุ้มของอวี๋เยว่หาน “ออกรถ รีบไปจากที่นี่”
“ตอนนี้?”
ผู้ช่วยผงะ
พวกเขาเพิ่งจะมา
เมื่อกี้บอสของเขายังทำหน้ากังวลอยู่เลยว่าคุณเหนียนจะถูกรังแกก็เลยมาตามเพื่อช่วยประคองสถานการณ์
พอเห็นเจิ้งเหยียนรีบร้อนออกมาในเวลานี้ เกิดอะไรขึ้น?
ผู้ช่วยประหลาดใจ
ทำได้เพียงทำตามคำสั่ง ก่อนที่เจิ้งเหยียนจะพบพวกเขา เขาก็เลี้ยวรถออกจากโรงแรม
หลังจากขับรถออกไปได้สักพัก อวี๋เยว่หานก็สั่งให้ผู้ช่วยหยุดรถ
ลดกระจกลง
ร่างกายสูงยาวพิงข้างหน้าต่าง หยิบบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงแล้วจุดไฟ
สูดหายใจเข้าลึกๆ
ใบหน้าที่เย็นชาเต็มไปด้วยควันจางๆซึ่งบ่งบอกถึงความเหงา
ในหัวเต็มไปด้วยภาพเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ตรงหน้าเมื่อครู่นี้ อยากเดินเข้าไปแต่ก็เดินเข้าไปไม่ได้ ทำได้แต่มองภาพเธอจากที่ไกลๆ
หัวใจเหมือนถูกบีบด้วยมือ เจ็บหน่อยๆ
และไม่พอใจเล็กน้อย
ดูจากท่าทีของเธอ น่าจะได้เจอเจิ้งเหยียนแล้ว
พออวี๋เยว่หานนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา หน้าจอว่างเปล่า
สายเข้า ข้อความ วีแชท อีเมล…ไม่มีอะไรทั้งนั้น
เธอเจอเจิ้งเหยียนแล้ว ไม่มีอะไรอยากจะพูดกับเขาหรือถามเขาบ้างเลยหรือ?
เธอเชื่อใจเขาหรือว่าไม่แคร์เขาแล้ว?
พอคิดถึงความเป็นไปได้สุดท้าย อวี๋เยว่หานก็ขมวดคิ้ว
ขณะนี้โทรศัพท์ดังขึ้นอย่างกะทันหัน!
ตอนที่ 808 หมาป่าอวดหาง
“คุณชาย แย่แล้ว! คุณหนูเป็นไข้ครับ!” น้ำเสียงร้อนใจของพ่อบ้านดังมาจากปลายสาย
อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วและพูดเสียงเข้ม “เรียกหมอมาหรือยัง?”
“คุณหมอมาแล้วครับ เพิ่งทานยาไป ไข้ลดลงแล้วแต่ว่าคุณหนูยังไม่สบายตัวอยู่หน่อยๆ เอาแต่เรียกป่าป๊าหม่าม้าตลอด….”
ป่าป๊ายังพอแก้ได้ มีแค่ป่าป๊าที่กลับไป งั้นหม่าม้าก็…
เมื่อได้ยินดังนั้นอวี๋เยว่หานก็นิ่งไปสักพัก
นัยน์ตาดำขลับเป็นประกาย จากนั้นก็พูดอย่างใจเย็น “โทรหาเหนียนเสี่ยวมู่ ให้เธอไปดูแลเสี่ยวลิ่วลิ่ว”
อวี๋เยว่หานวางสาย ดับบุหรี่และเอนตัวลงบนเบาะ
ท่าทางเงียบเหงาแบบนี้ทำให้ผู้ช่วยนึกสงสาร
อดไม่ได้ที่จะปลอบใจ “อันที่จริงคุณหนูก็รักคุณมาก คุณดูสิ เธอป่วยแล้วยังไม่เพียงแค่นึกถึงแม่ ยังนึกถึงพ่อด้วย”
“แล้วไง?” อวี๋เยว่หานชำเลืองมองผู้ช่วยด้วยสายตาเยือกเย็น
“เพราะฉะนั้นคุณอย่าเสียใจไปเลย ถึงคุณหนูจะป่วย คุณไปดูแลเธอไม่ได้ เธอก็ต้องเข้าใจว่าคุณรักเธอ…” ผู้ช่วยยังไม่ทันพูดจบ อวี๋เยว่หานก็มองแวบหนึ่งอย่างเงียบๆ
“ใครบอกว่าฉันไม่กลับไป”
ผู้ช่วย “? ? ?”
ผู้ช่วย “คุณบอกให้พ่อบ้านแจ้งคุณเหนียนไม่ใช่เหรอครับ ถ้าคุณเหนียนรู้ว่าคุณ…”
ผู้ช่วยพูดไปได้ครึ่งทางก็ถึงจะรู้สึกตัว
เขามองไปทางอวี๋เยว่หานอีกครั้งโดยไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจหรือน่าสงสาร แต่เต็มไปด้วยความระแวดระวังเหมือนมองหมาป่าอวดหาง!
ไม่จำเป็นต้องรอให้อวี๋เยว่หานออกคำสั่ง เขาก็รีบเลี้ยวรถกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลอวี๋
หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่รับสายก็รีบไปที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋ซึ่งแทบจะเป็นเวลาเดียวกับอวี๋เยว่หาน
ทั้งสองบังเอิญเจอกันที่หน้าประตูใหญ่
บรรยากาศโดยรอบตลบอบอวลไปด้วยความแปลกประหลาด
ไม่มีใครเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนเพราะใจพะวงหาแต่เสี่ยวลิ่วลิ่ว ทั้งสองจึงเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกัน
พอเดินมาถึงหน้าประตู เหนียนเสี่ยวมู่ก็สะดุดกับขอบประตูด้วยความรีบร้อนจนเกือบจะล้ม ยังดีที่มีอวี๋เยว่หานที่เป็นคนหูตาไวรีบไปประคองเธอและถือโอกาสคว้าตัวไปกอด
“เป็นอะไรไหม?”
“เปล่า ไม่เป็นไร ฉันจะไปดูเสี่ยวลิ่วลิ่วก่อน” เหนียนเสี่ยวมู่ยืนให้มั่น จากนั้นก็วิ่งไปที่ห้องของเสี่ยวลิ่วลิ่ว
ในห้อง
เจ้าก้อนข้าวเหนียวน้อยที่นุ่มนิ่มกำลังนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร้องละเมอไม่สบายตัว
เธอยังคงกอดตุ๊กตาลูกหมูตัวโปรดไว้ในอ้อมแขนแน่น
ใบหน้าเล็กแดงก่ำเพราะเป็นไข้
หมอกำลังทำการเช็ดตัวลดไข้ให้เธอ
เมื่อเห็นเธอไม่สบายแบบนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็หัวใจปั่นป่วน
เธอเดินเข้าไปพร้อมกับเรียกเบาๆ “เสี่ยวลิ่วลิ่ว”
“หม่าม้า~” ทันทีที่เสี่ยวลิ่วลิ่วได้ยินเสียงของเธอ ดวงตาที่เพิ่งหรี่ลงก็ลืมตาขึ้นมาทันใด จากนั้นก็คลานลงจากเตียงเล็กปีนเข้าไปในอ้อมกอดของเธอ ฮัมเสียงฮึดฮัด
“แม่อยู่นี่!”
เหนียนเสี่ยวมู่กอดเธอแน่นพลางหันไปทางคุณหมอ “ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้างคะ? ไข้ลดลงไหม?”
“คุณหนูไข้ลดลงแล้ว จากที่เห็นก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่ว่าเด็กจะมีไข้กลับมาได้ง่าย ตอนนอนตอนกลางคืนผู้ใหญ่อยู่ดูสักหน่อยก็ดีค่ะ ถ้ามีไข้อีกจะได้ให้เธอทานยาทันเวลาหรือเช็ดตัวลดไข้ด้วย”
ขณะที่คุณหมอพูดก็หันไปมองอวี๋เยว่หานที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นเขาไม่ได้สั่งอะไรก็รีบออกจากห้องไป
เหนียนเสี่ยวมู่นั่งอยู่บนเตียงโดยยังอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วที่กำลังป่วยอยู่ เธอไม่รู้จะพูดดีหรือไม่
“วันนี้ฉันอยู่ดูแลเสี่ยวลิ่วลิ่วได้ไหม?”