ตอนที่ 811 ร่างกายซื่อสัตย์กว่าสติ
ทุกท่วงท่ามีเสน่ห์ทำให้คนหลงใหลเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการการกินข้าวหรือคีบอาหารล้วนแฝงไปด้วยความสง่างามอย่างที่ตระกูลสูงศักดิ์พึงมี
เหนียนเสี่ยวมู่ทำท่าเอามือประคองแก้มเหมือนเสี่ยวลิ่วลิ่วทำเมื่อกี้นี้โดยไม่รู้ตัว เธอถึงขนาดลืมดื่มซุปและเฝ้าดูเขากินข้าว
เมื่อมองดูแล้วก็แทบอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขา …
ทันใดนั้นอวี๋เยว่หานก็หันมามองเธอ เธอตกใจและชี้ไปที่หมูตุ๋น “วันนี้หมูตุ๋นอร่อยเป็นพิเศษ รสชาติดีกว่าร้านอาหารของพนักงานที่บริษัท”
“…” อวี๋เยว่หานมองตามมือเธอไป หมูตุ๋นในจานก็น่าอร่อยจริงๆ
ในหัวของเขาฉายภาพตอนที่เธอเพิ่งเข้าบริษัทตระกูลอวี๋ครั้งแรก เธอเข้าร้านอาหารพนักงานแล้วแย่งเนื้อของเขาไป
ดวงตาดำขลับรัดแน่นเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อมาหนึ่งชิ้นเพื่อจะป้อนเข้าปากเธอ
“อยากกินไหม?”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะบอกว่าไม่กิน แต่ร่างกายซื่อสัตย์กว่าสติ เมื่อเห็นเขาคีบเนื้อมาชิดที่ริมฝีปากของเธอ เธอก็อ้าปากกัดหมูตุ๋นที่อยู่บนตะเกียบของเขาโดยสัญชาตญาณ
ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูด ก็เอาชิ้นเนื้อเข้าปากทั้งชิ้น
ขณะที่กำลังจะเคี้ยว เมื่อกี้ได้ยินเขาถามเธอว่าอยากกินไหม…นี่มันน่าอายเสียจริงๆ
เหนียนเสี่ยวมู่ชะงัก จากนั้นกินหมูตุ๋นไปทั้งชิ้น ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“อร่อยจริงๆด้วย ไม่เชื่อคุณลองชิมดูสิ”
“หืม”
อวี๋เยว่หานมองตาเธอ สายตาแห่งความรักใคร่แทบปิดไม่มิด
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตากระตือรือร้นของเธอ เขาจึงคีบหมูตุ๋นชิ้นหนึ่งเข้าปาก
รสชาติไม่เลว
แต่ก็ยังไม่อร่อยเท่าร้านอาหารพนักงาน หมูตุ๋นที่แย่งมาจากปากเธอตอนนั้น
เห็นได้ว่าเธอโมโหและอยากจะกัดเขา
นัยน์ตาอวี๋เยว่หานมืดลงโดยไม่พูดอะไรอีก เขากินข้าวเงียบๆและในที่สุดก็กินข้าวเพิ่มอีกหนึ่งถ้วย
หลังจากกินเสร็จแล้วก็ถึงจะตระหนักได้ว่าตัวเองกินจนแน่นไปหน่อย
ในเวลานี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งแล้วที่พวกเขามากินข้าวที่ห้องอาหาร
ถ้ากินต่อก็ดูจะไม่เหมาะ
เหนียนเสี่ยวมู่ผุดลุกขึ้นยืนก่อน “ฉันจะไปดูเสี่ยวลิ่วลิ่วสักหน่อย”
จากนั้นก็เดินออกจากห้องอาหาร
อวี๋เยว่หานยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้จ้องมองไปยังตำแหน่งที่เธอนั่งเมื่อครู่นี้
เธอแทบไม่ได้ดื่มซุปสักคำ คงจะดื่มไม่ไหวแล้ว
เพราะฉะนั้นที่เธออยู่ที่ห้องอาหารก็เพื่อจะอยู่เป็นเพื่อนเขา?
การค้นพบนี้ทำให้ใครบางคนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ความเย็นยะเยือกในดวงตาลดลงไปหลายส่วน เขายืนขึ้นอย่างช้าๆและเดินตามเธอออกจากห้องอาหาร
พอมาถึงห้องนั่งเล่นก็พบว่าสองแม่ลูกไม่อยู่แล้ว
ในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงพ่อบ้านคนเดียว
“คนล่ะ?” อวี๋เยว่หานขมวดคิ้ว มุมปากที่เพิ่งยกขึ้นหลุบลงอีกครั้งเนื่องจากพบว่าตัวเองถูกทิ้ง
“คุณเหนียนบอกว่าคุณหนูเพิ่งกินข้าวอิ่มก็เลยพาเธออกไปเดินย่อยที่สวนครับ”
“……”
พอได้ยินว่าเธอยังไม่ไป แค่พาเสี่ยวลิ่วลิ่วไปเดินเล่นที่สวน สีหน้าอวี๋เยว่หานก็ค่อยๆคลายลง
เขาสอดมือเข้าในกระเป๋ากางเกงโดยไม่หักห้ามใจตัวเอง ก้าวเข้าไปในสวนอย่างสบายใจ
ทันทีที่เดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นผู้ใหญ่หนึ่งเด็กหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้า
เสี่ยวลิ่วลิ่วไข้ลดลงแล้ว หน้าเล็กๆที่ดูอึดอัดมาตลอดช่วงบ่ายกลับมาซนอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้งโดยเดินไปรอบๆเหนียนเสี่ยวมู่เพื่อเล่นซ่อนหา
เหนียนเสี่ยวมู่หันไปคว้าตัวเธอ เธอรีบซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนอย่างออดอ้อนพร้อมกับเรียกแม่ด้วยเสียงเด็กน้อย
การละเล่นไม่ประสีประสามาพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของเสี่ยวลิ่วลิ่ว กลายเป็นความอบอุ่น
พระอาทิตย์ตกที่ปลายภูเขา แสงแดดข้างนอกมืดลงเล็กน้อย
ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะเงยหน้าเรียกเสี่ยวลิ่วลิ่วกลับ เธอก็เผชิญกับดวงตาดำล้ำลึกที่อยู่ไม่ไกลเข้าพอดี
ตอนที่ 812 โมโหมาก แต่พยายามรักษารอยยิ้ม
เพียงแค่สบตากัน ขณะที่เธอหลบสายตาออกไป อวี๋เยว่หานก็เดินเข้ามาจูงมือเสี่ยวลิ่วลิ่ว
เสี่ยวลิ่วลิ่วไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง มือเล็กๆจับเหนียนเสี่ยวมู่ สามคนครอบครัวเดียวกันจูงมือกันเดินเข้าไปข้างใน
อยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่นสักพัก อวี๋เยว่หานก็รับโทรศัพท์และไปจัดการงานที่ห้องหนังสือ ในห้องนั่งเล่นจึงเหลือเพียงเหนียนเสี่ยวมู่และเสี่ยวลิ่วลิ่ว
เมื่อเห็นเขาเดินไป สายตาเหนียนเสี่ยวมู่ก็มองตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งร่างของเขาหายลับไป
พอหันมาก็เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วเอามือปิดปากแอบหัวเราะ
“หม่าม้าห่างจากป่าป๊าไม่ลง แอบมองอยู่ตลอดเลย”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เรื่องบางเรื่องรู้ในใจไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ เสี่ยวลิ่วลิ่ว หนูเข้าใจไหม?
เหนียนเสี่ยวมู่หน้าแดงพร้อมกับอุ้มเจ้าก้อนข้าวเหนียวน้อยบนโซฟาเข้าไปในห้อง
ช่วยเธออาบน้ำ จากนั้นวัดอุณหภูมิและเตรียมนอนลงบนเตียง
ขณะที่กำลังจะหลับ ประตูก็มีเสียงดังขึ้น
คนที่มาเคาะประตูไม่ใช่อวี๋เยว่หานแต่เป็นพ่อบ้าน
“คุณเหนียน คุณชายหานบอกว่าเขายังทำงานไม่เสร็จ ให้พวกคุณหลับกันไปก่อน”
เหนียนเสี่ยวมู่เตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง เจ้าก้อนข้าวเหนียวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนก็เหมือนจะถูกเสียงพ่อบ้านปลุกให้ตื่น เธอคลานขึ้นมานั่งในอ้อมกอดเหนียนเสี่ยวมู่
มืออวบเล็กๆแตะคางพลางพึมพำ
“เตียงเสี่ยวลิ่วลิ่วเล็กเกินไป ป่าป๊านอนไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเป็นเตียงใหญ่…”
เธอพึมพำในปากขณะที่กอดตุ๊กตาลูกหมูสุดที่รักของตัวเอง จากนั้นก็เลื่อนตัวลงจากเตียง
เธอยืนอยู่ข้างเตียงพลางมองเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยตาโตๆ
“หม่าม้า เราไปนอนที่ห้องป่าป๊ากัน แบบนี้จะได้นอนกันสามคนได้!”
ขณะที่พูดก็หันวิ่งขึ้นไปชั้นบนโดยไม่ให้เวลาเหนียนเสี่ยวมู่ได้ตอบ
“เสี่ยวลิ่วลิ่ว!”
เหนียนเสี่ยวรู้สึกตัวก็รีบดึงผ้าห่มลุกออกจากเตียง สวมรองเท้าแตะวิ่งตามออกไป
ชั่วพริบตาเดียว เจ้าก้อนข้าวเหนียวน้อยก็เกาะราวบันไดและขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว
ก้นเล็กๆบิดไปมาและหายวับไปตรงบริเวณหน้าบันได
ได้ยินเพียงเสียงไม่ประสีประสาของเธอเลือนรางเท่านั้น
“จะทิ้งป่าป๊าไว้ไม่ได้ เดี๋ยวป่าป๊าร้องไห้”
“นอนไม่หลับน่าสงสารออก”
“เสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นเด็กดีที่สุด รักทั้งป่าป๊าหม่าม้า มาสิ มานอนด้วยกัน… ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “….” !!
ก่อนที่เธอจะตามไปทัน เสี่ยวลิ่วลิ่วกำลังก้าวเท้า ใช้แรงผลักประตูห้องนอนหลักชั้นสอง ร่างเล็กแง้มประตูแล้วพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงอยู่หน้าประตู เม้มริมฝีปากด้วยความประหม่า
เมื่อเห็นห้องที่คุ้นเคย ภาพตอนที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋ก็ผุดเข้ามาในหัว
ใครบางคนชอบหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาเอาเปรียบเธอ บอกว่าอยากมีน้องชายให้เสี่ยวลิ่วลิ่ว…
นี่เพิ่งออกไปไม่กี่วัน ตอนนี้ยังมายืนอยู่ตรงนี้ เพียงแค่มองไปที่ประตู จู่ๆเธอก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา นี่มันอะไรกัน?
เธอยังไม่ได้ทำให้เรื่องวิดีโอเป็นที่กระจ่าง เขาก็เปิดตัวเจิ้งเหยียนซะแล้ว
ตอนนี้มารังแกเธอโดยไร้เหตุผล คิดว่าเธอไม่กล้าจัดการเขาใช่ไหม?
น่าโมโหจริงๆเลย
เธอยังพยายามรักษารอยยิ้มเพื่อไม่ให้เสียหน้าความเป็นเทพธิดา
เดินไปยืนอยู่หน้าประตู ชะโงกหัวเข้าไปดู เมื่อแน่ใจแล้วว่าอวี๋เยว่หานไม่อยู่ เธอก็ยืดตัวตรงทันทีแล้วค่อยๆผลักประตูเข้าไปข้างใน
ขณะที่เดิน อีกด้านหนึ่งก็คิดไปเรื่อยเปื่อยเพื่อปลุกขวัญตัวเอง
“เสี่ยวลิ่วลิ่ว แม่ยอมนอนห้องนี้เพราะเห็นแก่หนูเท่านั้นนะ หนูอย่าลืมบอกพ่อด้วยล่ะว่าแม่ทำเพื่อหนู…”
ไม่ได้ตระหนักเลยว่าอยู่ในทางเดินเดียวกัน
ทุกการเคลื่อนไหวของเธอล้วนตกสู่สายตาอวี๋เยว่หานที่พิงอยู่ที่หน้าประตูห้องหนังสือ