ตอนที่ 815 ถานเปิงเปิงยังไม่ตาย!
จนกระทั่งเสี่ยวลิ่วลิ่วล้มป่วยเป็นครั้งแรก
จากเด็กน้อยที่ร่าเริงและซุกซนถึงขนาดทำให้คนทั้งคฤหาสน์เหนื่อยจนลงไปนอนเกลือกกลิ้ง จู่ๆก็นอนอยู่บนเตียงเล็กโดยไม่กระดุกกระดิก
หน้าซีดเซียว แม้แต่ลมหายใจก็เปลี่ยนเป็นอ่อนแรง…
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดกลัวนับตั้งแต่ที่เขาได้กลายมาเป็นประธานบริษัทตระกูลอวี๋
กลัวว่าเจ้าหยกแกะสลักตัวน้อยจะจบชีวิตเพราะตัวเองดูแลไม่ดี
ในขณะนั้นเขาตระหนักถึงความหมายของคำว่า ”พ่อ” สองคำนี้อย่างแท้จริง
เขาอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วตรงไปที่โรงพยาบาลโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เฝ้าเธอที่โรงพยาบาลอยู่หลายวันจนกว่าหมอจะบอกว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วแข็งแรงมากและอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี เขาถึงจะพาลูกกลับบ้าน
ในช่วงเวลานั้นอวี๋เยว่หานได้หาความรู้มากมายเกี่ยวกับการดูแลเด็ก
และคิดมาตลอดว่าผู้หญิงคนไหนที่สามารถทิ้งลูกของเธอได้อย่างเลือดเย็นและไร้ความปราณีแบบนี้…
พอคิดถึงตรงนี้ ภาพในวิดีโอก็ผุดเข้ามาในหัวทันที
อวี๋เยว่หานเริ่มหายใจหนักหน่วง
เหนียนเสี่ยวมู่เองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ตอนที่เสี่ยวลิ่วลิ่วอายุได้หนึ่งขวบ เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร
เธอจำได้ว่าถานเปิงเปิงบอกว่าเธอหมดสติ แต่กล้องวงจรปิดกลับจับภาพว่าเธออุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วไปที่บริษัทตระกูลอวี๋
หากเธอส่งเสี่ยวลิ่วลิ่วไปที่บริษัทตระกูลอวี๋จริงและไม่สนใจใยดีเสี่ยวลิ่วลิ่ว…
“ให้เสี่ยวลิ่วลิ่วนอนต่ออีกสักพัก ฉันจะไปบิดผ้าขนหนูมาเช็ดตัวลดไข้ให้เธอ” เหนียนเสี่ยวมู่แสบจมูกเล็กน้อยและรู้สึกละอายใจต่อสองพ่อลูก เธอรีบลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในห้องน้ำ
พอเธอออกมาอีกครั้ง เสี่ยวลิ่วลิ่วก็นอนบนเตียงแล้ว
แต่ร่างสูงใหญ่ของอวี๋เยว่หานกลับไม่อยู่ในห้อง
เธอหันไปมองรอบๆ ในที่สุดเนื่องจากแสงไฟจากก้นบุหรี่จึงเห็นเขากลมกลืนไปกับความมืดอยู่ที่ระเบียง
อวี๋เยว่หานไม่ได้ติดบุหรี่
เขาจะสูบบุหรี่สักมวนก็ต่อเมื่อว้าวุ่นใจหรืออัดอั้นตันใจอย่างถึงที่สุด
เพราะเธอเข้าใจดี เธอจึงรู้สึกเสียใจอย่างมากที่เห็นเขาเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงเพียงลำพัง
พวกเขากำลังทน
เขาไม่ได้โทษเธอเพราะเรื่องในอดีต
ทว่าเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าจะนึกก้าวข้ามแล้วจะสามารถข้ามผ่านมันไปได้
ตราบใดที่คนสองคนยังอยู่ด้วยกันก็จำต้องเจอหน้ากัน
อวี๋เยว่หานดับก้นบุหรี่ ตอนที่เดินออกมาก็เห็นเหนียนเสี่ยวมู่ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าเตียง
เมื่อเผชิญหน้ากับขอบตาที่แดงเล็กน้อยของเธอ เขาชะงักเท้าแล้วค่อยเดินเข้าไป กอดเธอไว้พร้อมกับพูดเสียงเข้มเล็กน้อย
“นอนไม่หลับมาหลายวัน สูบบุหรี่ให้สดชื่นเสียหน่อย ไม่ต้องคิดมาก”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่นิ่งไปชั่วขณะ จับมือใหญ่ของเขาที่กำลังตบหัวเธอเบาๆสองที
จากนั้นก็หดกลับ
ดูแลเสี่ยวลิ่วลิ่วด้วยกันกับเธอ
จนกระทั่งเสี่ยวลิ่วลิ่วไข้ทุเลา พวกเขาก็เหนื่อยนอนฟุบลงที่เตียงและนอนกอดกันโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ฟ้าเพิ่งจะสว่าง
อวี๋เยว่หานตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ เขาปิดเสียงพลางหลุบตามองเหนียนเสี่ยวมู่ที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เธอเข้านอนก่อนรุ่งสางได้ไม่นานจึงมีรอยคล้ำใต้ตาอย่างเห็นได้ชัด
อวี๋เยว่หานค่อยๆขยับศีรษะเธอออกจากอกตัวเองและคว้าโทรศัพท์เดินไปที่ระเบียง
โทรกลับสายเมื่อกี้
เสียงตื่นเต้นของผู้ช่วยดังมาจากปลายสาย
“คุณชายหาน ตามคำสั่งของคุณที่ให้ไปตรวจสอบ เมื่อกี้เพิ่งได้รับข่าวมาว่าถานเปิงเปิงไม่ได้ขึ้นเครื่องบินของเที่ยวบินวันนั้น แต่เธอนั่งรถชัทเทิลบัสของสนามบิน กล้องวงจรปิดจับภาพได้แค่ตอนที่ถานเปิงเปิงเช็คตั๋ว แต่กลับไม่มีใครเห็นถานเปิงเปิงขึ้นเครื่องบินจริงๆ! เธออาจจะยังไม่ตายก็ได้!”
ตอนที่ 816 โน้ตบนหัวเตียง
ถานเปิงเปิงอาจจะยังไม่ตาย
พออวี๋เยว่หานได้ยินข่าวก็หรี่ตาลงในทันที
ตราบใดที่ถานเปิงเปิงยังไม่ตาย เขาก็มีโอกาสถามเรื่องวิดีโอนั้นให้กระจ่าง
อวี๋เยว่หานวางสายและเดินกลับเข้าไปที่ห้อง เหนียนเสี่ยวมู่ยังคงกอดเสี่ยวลิ่วลิ่วนอนหลับอยู่บนเตียง
เขาเดินมาที่หน้าประตู นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ก็หันกลับมา ยืนอยู่ข้างเตียงก้มศีรษะลงแล้วประทับจูบลงบนหน้าเหนียนเสี่ยวมู่
หยิบกระดาษโน้ตออกมาใบหนึ่งจากหัวเตียง เขียนคำพูดของตัวเองเมื่อคืนที่บอกให้เธอย้ายกลับมาแต่เธอไม่ได้ยินลงไป
แปะไว้บนหัวเตียง
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง กลัวว่าเธอจะมองไม่เห็น เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาแล้วทับบนกระดาษโน้ต
นัยน์ตาดำขลับเป็นประกายรักใคร่ เฝ้ามองเธออย่างลึกซึ้ง
จากนั้นก็ถอยออกไป
ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่ตื่น ในห้องเหลือเพียงเสี่ยวลิ่วลิ่วที่นอนซบอยู่บนอกเธอ
เจ้าก้อนข้าวเหนียวน้อยไข้ทุเลาลงแล้ว หลังจากทรมานมาหนึ่งคืนก็ได้หลับสบายๆสักตื่น พอลืมตาท้องก็ร้องด้วยความหิว
จากนั้นก่อนที่เหนียนเสี่ยวมู่จะรู้สึกตัว เธอก็เลื่อนตัวลงจากเตียง ปลีกตัวไปหาพ่อบ้านเพื่อหาอะไรกิน
“เสี่ยวลิ่วลิ่ว วิ่งช้าๆหน่อย!”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดเตือน พอเห็นเธอเดินลงบันไดไปแล้วถึงจะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน
ตอนที่ล้างหน้าใกล้จะเสร็จก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เธอจึงรีบเช็ดหน้าให้แห้งแล้วเดินออกจากห้องน้ำ
ขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โน้ตที่โทรศัพท์ทับอยู่ข้างใต้ก็ปลิวร่วงลงกับพื้น
เป็นด้านหลังของโน้ตพอดี
เหนียนเสี่ยวมู่มองไม่เห็นว่าบนนั้นเขียนอะไร และไม่รู้ว่าใครเขียน
พอกำลังจะก้มตัวไปหยิบมา หางตาก็เหลือบไปเห็นสายจากฟ่านอวี่ เธอจึงรีบรับโทรศัพท์ก่อน
“ได้ข่าวถานเปิงเปิงแล้ว เธอรีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุด!” ประโยคที่กระชับรัดกุมของฟ่านอวี่ทำให้ดวงตาเหนียนเสี่ยวมู่เป็นประกาย
หลังจากวางสายเสร็จก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากห้อง
“คุณเหนียน อาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” พ่อบ้านเรียก
เหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังสวมรองเท้าอยู่ที่หน้าประตู “ฉันมีธุระต้องไปก่อน ไม่กินแล้ว ถ้าเสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นอะไรก็โทรหาฉันได้”
พอเหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็รีบออกไป
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ส่วนตัวของฟ่านอวี่ ฟ่านอวี่ก็กำลังยืนรอเธออยู่ที่หน้าประตูพอดี
ชุดลำลองสีขาวทั้งตัวทำให้เขาดูสง่าผ่าเผยในวันธรรมดาและดูสบายๆขึ้นเล็กน้อย
ผิวขาวเนียนเมื่ออยู่ใต้แสงแดดทำให้ดูสว่างเฉิดฉาย แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบผู้หญิงเลย
กลับดูหล่อแบบสะอาดสะอ้าน
รูม่านตาสีน้ำตาลเข้มเปี่ยมไปด้วยความสุขุมเยือกเย็นและอ่อนโยน น้ำวนนัยน์ตาของเขาราวกับซ่อนพลังกองกำลังนับหมื่นพัน
ประมาทไม่ได้
เมื่อคนสองคนพบกัน ไม่ได้มีคำพูดเกรงอกเกรงใจอะไรมากนัก
ฟ่านอวี่พาเหนียนเสี่ยวมู่ไปที่ห้องหนังสือโดยตรงและเปิดคอมพิวเตอร์ตัวเอง
“นี่เป็นภาพวงจรปิดที่ใช้ทักษะอย่างมากในการปรับแต่ง โชคดีที่สวรรค์ยังเห็นความพยายาม” ฟ่านอวี่คลิกเปิดและหันหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปทางเหนียนเสี่ยวมู่
“ก่อนหน้านี้เราเข้าใจผิดมาโดยตลอดเกี่ยวกับกล้องวงจรที่จุดเช็คตั๋วขึ้นเครื่องบิน คิดว่าถานเปิงเปิงขึ้นเครื่องไปแล้วแน่ๆ แต่กลับลืมไปว่าทางสัญจรเช็คตั๋วของสนามบินไม่ได้หมายความว่าจะขึ้นเครื่องบินไปโดยตรง ประจวบเหมาะกับเที่ยวบินขากลับประเทศของถานเปิงเปิงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะขึ้นรถชัทเทิลบัสก็ได้!”
ฟ่านอวี่ชะงักไปสักพักแล้วพูดต่อ
“คืออย่างนี้…จากประตูเช็คตั๋วของสนามบินไปยังเครื่องบินมีระยะห่างกันอยู่ช่วงหนึ่ง ฉันกล้าเดาได้ว่าในกรณีที่ถานเปิงเปิงไม่ได้ขึ้นรถชัทเทิลบัสหรือหลังจากลงรถชัทเทิลบัสแล้วไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน…อย่างงั้นเธอจะต้องออกจากสนามบินไปแล้วแน่ๆ!”
ฟ่านอวี่ลากความเร็ววิดีโอไปช่วงท้าย