ตอนที่ 823 ช็อก! นี่คือเหตุผลสินะ!
“…” เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงัน
มิน่าล่ะเธอถึงรู้สึกได้ว่าถังหยวนซือมีบางอย่างผิดปกติ เพียงเดาส่งๆ แต่กลับไม่คิดเลยว่าถังหยวนซือจะป่วยจริงๆ
เธอตั้งสติอีกครั้ง “ในเมื่อเธอก็รู้มาตั้งนานแล้ว…”
ซั่งซินพูดตัดบท “แต่อาการป่วยของพี่เสี่ยวซือหายดีแล้วหลังจากได้รับการผ่าตัดเมื่อหลายปีก่อน”
“เธอแน่ใจเหรอ?” ในหัวเหนียนเสี่ยวมู่ปรากฏภาพที่โรงพยาบาล
สัญชาตญาณบอกเธอว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดไม่ใช่โรคที่สามารถรักษาให้หายกันได้ง่ายๆ
“พี่เสี่ยวซือป่วยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว ทำการรักษามาโดยตลอด ผ่าตัดอยู่หลายครั้ง สภาพร่างกายก็เริ่มดีขึ้นมา ตอนที่ทำการผ่าตัดครั้งสุดท้ายเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาบอกฉันเองว่าเขารักษาหายแล้ว และเคยถามคุณลุงเหยียน คุณลุงเหยียนก็บอกฉันว่าหายดีแล้ว!”
คุณลุงเหยียนจากปากซั่งซินก็คือพ่อบุญธรรมที่รับถังหยวนซือมาเลี้ยงในตอนนั้น
เขาปฏิบัติต่อถังหยวนซือเหมือนเป็นลูกตัวเอง
“แต่ตอนที่เธอไปต่างประเทศวันนั้น ฉันเจอถังหยวนซือที่โรงพยาบาล สีหน้าเขายังดูแย่มาก ให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล…”
“โครม——”
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันพูดจบ ซั่งซินก็ทำแก้วนมที่อยู่ตรงหน้าหก
เหนียนเสี่ยวมู่รีบดึงเธอขึ้นจากที่นั่งเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไร ถอนหายใจแล้วพูดปลอบใจว่า
“เธออย่าเพิ่งตกใจ ใช่แล้ว ฉันเดาว่าเขาอาจจะโรคหัวใจกำเริบ เพราะฉะนั้นเขาถึงได้เอาแต่ผลักไสเธอมาตลอด บางทีฉันอาจจะเดาผิด เขาอาจจะไม่สบายก็เลยไปหาหมอก็ได้ ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาจะไม่ให้เจ็บป่วยได้ยังไงล่ะ”
ซั่งซิน “ถ้าเป็นเรื่องจริง…”
ซั่งซินรีบเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว
“การผ่าตัดในตอนนั้นประสบความสำเร็จมาก น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
จะบอกว่ากำเริบก็กำเริบได้ที่ไหนกัน
หากโรคหัวใจของถังหยวนซือกำเริบขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าคุณลุงเหยียนคงมาเมือง H ตั้งนานแล้ว
ที่เขาผลักไสเธอก็น่าจะเป็นเพราะไม่ชอบเธอเท่านั้นเอง
เหมือนกับที่เขาบอก พวกเขาโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขาแค่เห็นเธอเป็นน้องสาว
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่เม้มริมฝีปาก เมื่อเห็นบริกรมาเช็ดโต๊ะสะอาดแล้วก็ให้เธอกลับไปนั่งก่อน
สีหน้าซั่งซินดูไม่สู้ดีนัก เธอจึงไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้อีก
เปลี่ยนเป็นเรื่องผ่อนคลาย ทั้งสองทานข้าวด้วยกันเสร็จก็ส่งเธอกลับบ้าน
ซั่งซินไม่รู้ว่าเหนียนเสี่ยวมู่กับอวี๋เยว่หานได้แยกกันอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
ตอนที่ลงจากรถ ในหัวเธอก็เต็มไปด้วยคำพูดที่เหนียนเสี่ยวมู่พูดถึงก่อนหน้านี้
ถังหยวนซือไม่น่าจะนอนโรงพยาบาลโดยไม่มีที่มาที่ไป
หากเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ถังหยวนซือก็จะเรียกหมอประจำบ้านมา
ดังนั้นโรคหัวใจเขากำเริบจริงๆ หรือ?
ร้ายแรงถึงขนาดที่ต้องผลักไสเธอ…
พอคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ หัวใจเธอก็ค่อยๆ จมดิ่ง
เมื่อไม่เห็นเขาอยู่ในห้องรับแขกคฤหาสน์ตระกูลถัง จึงเดินตรงขึ้นไปชั้นสอง
พอเข้ามาที่ห้องก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้อง
เธอนั่งอยู่บนเตียงตามลำพัง ในหัวฉายภาพเพื่อนเล่นวัยเยาว์ของเธอกับถังหยวนซือเป็นฉากๆ …
เขาเอ็นดูเธอมาตั้งแต่เด็ก
เอ็นดูเธอเข้ากระดูก
ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เขาจะอยู่เคียงข้างเธอ
เธอได้ลิ้มรสการถูกปฏิเสธจากเขาเป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาผ่าตัดครั้งสุดท้าย จากนั้นไม่นาน…
ซั่งซินตัวแข็งทื่อ!
เธอนึกอะไรขึ้นได้ เดินไปที่โต๊ะข้างเตียง
ถังหยวนซือเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่เด็กจึงหนีไม่พ้นยามาโดยตลอด
ถ้าโรคหัวใจเขากำเริบจริงๆ ในโต๊ะข้างเตียงจะต้องมียาโรคหัวใจวางอยู่แน่ๆ
ซั่งซินกัดฟันพลางเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงทีละชั้น
พอถึงชั้นสุดท้าย เธอก็เจอขวดยาที่จัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ในนั้น ดวงตาบีบรัด!
“ซินเอ๋อร์!” ทันใดนั้นก็มีเสียงถังหยวนซือดังมาจากข้างหลัง
ตอนที่ 824 เหลือเวลาไม่มากแล้ว
ซั่งซินตกใจเสียงที่ดังขึ้นกะทันหันจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น เธอหันไปมองเขาด้วยความตกใจ
สีหน้าย่ำแย่มาก
ถังหยวนซือเดินมาอุ้มเธอไปวางไว้บนเตียง เขาตรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเคร่งเครียด “ล้มไปโดนตรงไหนหรือเปล่า?”
ดูเหมือนว่าเขาจะวิ่งขึ้นมา บนหน้าผากจึงมีเหงื่อออกบางๆ
เขามองไปในแววตาเธอที่เต็มไปด้วยความกังวล
มองลึกเข้าไปนัยน์ตา…
เธอไม่เคยสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อน
เพียงแค่จมปลักอยู่กับการปฏิเสธที่ไร้น้ำใจของเขา คิดว่าเขาเอือมตัวเองและไม่อยากเจอเธออีก
ตอนนี้ถึงได้ค้นพบว่าแววตาที่เขามองเธอไม่ได้มีความรังเกียจเลย มีเพียงความห่วงใยและรักใคร่…ความเสน่หาที่พบเห็นได้ยาก
ถังหยวนซือ “ซินเอ๋อร์ พูด!”
“……”
ซั่งซินกะพริบตา ปากเชอร์รี่เม้มเล็กน้อย เธอหันไปมองโต๊ะข้างเตียง “ยาพวกนั้น…โรคหัวใจคุณกำเริบ?”
“…” ถังหยวนซือสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับมองไปตามสายตาเธอ
มือที่จับมือเธอเริ่มแข็งทื่อ
กลับมาเป็นปกติภายในหนึ่งวิ
ปล่อยเธอเดินไปและนำขวดยาที่อยู่ในโต๊ะข้างเตียงออกมา “เธอพูดถึงนี่เหรอ?”
ซั่งซินขอบตาแดงก่ำ พยักหน้าแรงๆ
กำลังจะเอื้อมมือไปกอดถังหยวนซือ แต่ถังหยวนซือกลับผลักเธอเบาๆ พร้อมกับยื่นขวดยาให้เธอ
“เธอดูให้ชัดๆ ”
“…” ในหัวซั่งซินจมอยู่กับความโศกเศร้าที่โรคหัวเขากำเริบ เมื่อได้ยินที่เขาพูดก็อึ้งเล็กน้อย
เมื่อเธอเห็นบรรจุภัณฑ์บนขวดยาเธอก็ชะงัก
“วิตามิน?”
ซั่งซินรับขวดยามาจากมือเขาด้วยความประหลาดใจและพลิกดูอีกรอบ
เป็นวิตามินจริงๆ ด้วย
แทบจะหลั่งน้ำตาออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ติดอยู่ตรงเปลือกตา
“ใครเขาเอาขวดวิตามินมาวางไว้ในโต๊ะข้างเตียงเยอะขนาดนั้น?” ซั่งซินยังไม่ตายใจ เธอนั่งยองๆ แล้วพลิกขวดและกระปุกทั้งหมดที่โต๊ะข้างเตียงออกมา
ข้างในนอกจากวิตามินแล้วยังมีรังนกปรุงสุกที่ปิดผนึกไว้ในขวดเล็กๆ
ถึงขนาดมีกระปุกลูกอมอีกสองขวด
“นี่มันมาได้ยังไง?” ซั่งซินงุนงง
ถังหยวนซือยิ้มมุมปาก “เมื่อคืนเธอหลับจนถึงกลางดึก จู่ๆ ก็กอดฉันแล้วบอกว่าหิว ยังกัดหน้าอกฉันไปทีนึง ถ้าไม่เตรียมของกินไว้ให้เธอ ฉันก็กลัวว่าคราวหน้าเธอจะกินฉันแทน”
ซั่งซิน “…” นี่มันก็น่าอายไปหน่อย
ซั่งซินลูบจมูก รู้สึกผิดเล็กน้อย
ถังหยวนซืออุ้มเธอกลับไปที่เตียง ลูบหัวเธออย่างรักใคร่พลางหยอกล้อ “มีคนบอกว่าคนท้องชอบคิดฟุ้งซ่าน ที่แท้แล้วก็จริงด้วย ถ้าเธอไม่ชอบของพวกนี้ เดี๋ยวฉันจะให้คนเอาออกไป อย่างมากพอตอนที่เธอหิว ฉันจะให้เธอกินเอง!”
ซั่งซิน “…” !!
“ฉันปวดฉี่ จะไปเข้าห้องน้ำ!” ซั่งซินหน้าแดงจึงหาข้ออ้างหนีไป
พอเข้ามาในห้องน้ำก็ปิดประตู
ถังหยวนซือมองร่างของเธอที่หายไป รอยยิ้มมุมปากก็ค่อยๆ หายไป
เขาเอื้อมหยิบวิตามินขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า
คิ้วขมวดยังไม่คลาย
คราวนี้เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยให้ผู้ช่วยเปลี่ยนขวดยาเป็นขวดวิตามิน แต่ซั่งซินไม่ใช่คนโง่
ขอเพียงเธอเริ่มสงสัย พฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่แปลกออกไปจะทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
เมื่อเธอรู้สภาพร่างกายของเขา การที่จะทำให้เธอทิ้งเด็กคนนี้ได้ก็จะยิ่งยากขึ้น…
เหลือเวลาให้เขาตัดสินใจไม่มากแล้ว
ถังหยวนซือหรี่ตาลง แสงมืดมนสว่างวาบในดวงตา เขาค่อยๆ ลุกจากเตียงเพื่อรอให้ซั่งซินออกมาและลงไปกินของกินที่ชั้นล่างด้วยกัน