ตอนที่ 831 ประมือ
สัญชาตญาณบอกเธอว่าเจิ้งเหยียนไม่ใช่คนที่จะยอมจำนนอยู่ที่หน้าประตูได้ง่ายๆ
เธอกล้ามาบริษัทตระกูลอวี๋อย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็คงเป็นเพราะอาศัยอะไรบางอย่าง
ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าเธอหรือเจิ้งเหยียนที่สะกดอารมณ์ได้ดีกว่ากัน
เหนียนเสี่ยวมู่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เปิดระบบกล้องวงจรปิด
ในแผนกประชาสัมพันธ์มีระบบกล้องวงจรปิดกระจายอยู่ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมหรือโซนทำงาน
ตอนนี้เจิ้งเหยียนและคนในทีมกำลังอยู่ในห้องประชุม
ชุดสูทสีชมพูทั้งตัวทำให้เจิ้งเหยียนซึ่งเดิมเป็นคนผิวขาวดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์มากขึ้น
ผมยาวสลวยทิ้งตัวผ่านบ่าแบบสบายๆ
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมพร้อมปากกาในมือโดยไม่ได้เขียนอะไร แต่กดคางลงเหมือนว่ากำลังเหม่อลอย
เป็นเพียงการแสดงออกที่มีความสุขโดยไม่มีความหงุดหงิดแม้แต่น้อย
เหมือนเตรียมใจไว้ดีแล้วว่าจะต้องรออยู่ที่บริษัทตระกูลอวี๋เป็นเวลานาน
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเธอเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างตลอดเวลา
ภาพในกล้องวงจรปิดไม่มีเสียง แต่เมื่อดูจากการแสดงออกของเจิ้งเหยียน คนในทีมของเธอน่าจะพูดอะไรบางอย่างที่เป็นกังวล แต่เห็นเพียงเธอใช้ปากกาในมือเขี่ยผมยาวเล็กน้อย
เธอยิ้มและหันหน้ามาพูดอะไรบางอย่าง สักพักทุกคนในห้องประชุมก็เผยรอยยิ้มออกมา
เหนียนเสี่ยวมู่เข้าใจจากการอ่านปากเธอ
เธอบอกว่า : ไม่ต้องเครียด วันนี้แค่ลองมาดู ยังไม่ถึงเวลาประมืออย่างเป็นทางการ
หมายความว่ายังไง?
พออ่านประโยคนั้นออก เหนียนเสี่ยวมู่ก็หรี่ตา เดาไม่ถูกเลยจริงๆว่าในหัวของเจิ้งเหยียนคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
เจิ้งเหยียนรู้อยู่แล้วว่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ยอมพบเธอง่ายๆ แต่ยังมารอที่บริษัทตระกูลอวี๋ตั้งแต่เช้า
ทั้งยังแสดงทีท่าว่าเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ตั้งใจมาเจรจาความร่วมมือด้วยใจจริง แต่หันกลับมาพูดกับลูกน้องตัวเองว่าวันนี้แค่ลองมาดู…
เธอมาดูอะไร?
มาที่นี่เพื่อทัศนาจรแบบวันเดย์ทริปงั้นเหรอ?
ยังมาท้าทายขีดจำกัดของเธออีก?
แต่ไหนแต่ไรมาเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ชอบทำการเจรจาความร่วมมือตามแผนการของอีกฝ่าย ในเมื่อเจิ้งเหยียนไม่ได้คิดจะมาเจรจา งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องมาพบเธอ!
เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นมือไปต่อสายภายในบริษัทและฝากคำพูดให้เลขา
“ผู้จัดการเหนียนไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันรู้ว่าต้องพูดยังไง” เลขาวางสายและเดินเข้าไปในห้องประชุม
แจ้งกับเจิ้งเหยียนและคนอื่นๆ “วันนี้ผู้จัดการเรายุ่งมาก น่าจะไม่มีเวลามาพบพวกคุณ ต้องรบกวนให้พวกคุณมากันวันหลัง”
คนของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ต่างมองไปทางเจิ้งเหยียน
ใบหน้าเจิ้งเหยียนฉายแววประหลาดใจ ราวกับคิดไม่ถึงว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะตอกกลับแผนการเธอแบบนี้
ไม่ได้ให้เธอรอเพื่อระบายความโกรธ แต่บอกให้เธอไปตรงๆ…
ดวงตาหงส์ของเจิ้งเหยียนหรี่ลงเล็กน้อย
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมองออก…
พอนึกอะไรขึ้นได้ ทันใดนั้นสายตาก็หันไปมองที่ด้านบนของห้องประชุม
เห็นกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในห้องประชุม นัยน์ตาเผยแสงเป็นเงาวับ
เดินไปที่กล้องอย่างเปิดเผยและพูดอะไรบางอย่างกับกล้องโดยไร้เสียง จากนั้นก็หันหน้าเดินออกจากห้องประชุม
เลขาไม่รู้ว่าเธอกำลังเล่นใบ้อะไร เมื่อเห็นเธอไปแล้วก็รีบเดินตามไปเพื่อเตรียมจะส่งเจิ้งเหยียน แต่ไม่คิดเลยว่าเจิ้งเหยียนจะยืนอยู่หน้าประตูแล้วมองเธอออกมา จากนั้นก็ถามว่า
“ห้องทำงานผู้จัดการของพวกเธออยู่ไหน? พาฉันไปพบเธอ”
เลขาอึ้ง “รองประธานเจิ้ง ต้องขอประทานโทษด้วยผู้จัดการเรา…”
“ไม่ต้องพูดถ้อยคำทางการ ฉันรู้ว่าเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ในห้องทำงาน ตอนนี้ก็น่าจะยอมพบฉันแล้ว ไม่เชื่อเธอก็ไปถามดูก็ได้” เจิ้งเหยียนพูดตัดบทเลขา
ตอนที่ 832 จุดอ่อนในกำมือเธอ!
หลังจากพูดจบก็กวาดตามองไปทั่วทั้งแผนกประชาสัมพันธ์
เมื่อเหลือบไปเห็นป้ายหน้าห้องทำงานผู้จัดการ เธอก็เดินตรงไปทันทีโดยไม่รอให้เลขานำทาง
พอเลขาได้สติก็รีบเข้าไปขวาง
“รองประธานเจิ้ง ขอโทษด้วยค่ะ ผู้จัดการของเรายุ่งมากจริงๆ…”
“แกรก——”
จู่ๆประตูห้องผู้จัดการก็ถูกเปิดจากด้านใน
เหนียนเสี่ยวมู่ปรากฏอยู่หลังประตูด้วยสีหน้าเฉยชา มองไปที่เจิ้งเหยียนที่กำลังจะบุกเข้าไปในห้องทำงานของเธอ “ไม่ต้องห้ามแล้ว ให้เธอเข้ามาเถอะ”
เลขาหลีกทาง เจิ้งเหยียนยิ้มอย่างได้ใจพร้อมกับเดินเข้าห้องทำงานของเหนียนเสี่ยวมู่
ปิดประตู
ทุกคนในแผนกประชาสัมพันธ์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต่างมองมาทางประตูห้องผู้จัดการ
“ไหนพวกเธอบอกมาซิ ผู้จัดการเหนียนคงไม่ได้นึกอยากจะตีกับรองประธานเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์หรอกนะ?”
“มีความเป็นไปได้ จากที่ฉันดูแล้ว รองประธานเจิ้งคนนั้นก็ใช่ว่าจะรับมือได้ง่ายๆ!
“พวกเธออย่ามองแต่ความเลวร้ายขนาดนั้นได้ไหม? เท่าที่ฉันเห็นผู้จัดการเหนียนกับรองประธานเจิ้งต่างก็เป็นคนสวยทั้งคู่? ถ้าพูดกันตามความจริง ในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ฉันขอยืนอยู่ข้างผู้จัดการเหนียน ความสวยยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งยังให้ความรู้สึกสวยแบบสง่างามเป็นพิเศษ ไม่ใช่อย่างเจิ้งเหยียนคนนั้นที่เหมือนจิ้งจอกสาวที่ยังมีชีวิตอยู่!”
“คนของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ยังอยู่นะ เธอก็พูดดีดีหน่อย แต่ที่เธอพูดมาเมื่อกี้ก็ไม่ผิดจริงๆ แหละ…”
“……”
คนข้างนอกเอาแต่คาดเดากันไม่หยุด
ในห้องทำงาน
ทุกคนต่างคิดว่าเกิดพายุนองเลือดโดยไม่มีการจัดฉาก
เหนียนเสี่ยวมู่มองเจิ้งเหยียนที่เข้ามาในห้องทำงานของเธอ พลางเอ่ยปากอย่างมีมารยาท “กาแฟหรือน้ำเปล่า?”
“มีชาไหม? ชาช่วยให้สงบสติอารมณ์ได้ดีที่สุด ผู้จัดการเหนียนดื่มสักแก้วก็เหมาะดี” เจิ้งเหยียนยิ้มเยาะ
เหนียนเสี่ยวมู่มองไปที่เธอและรินน้ำหนึ่งแก้วต่อหน้าเธอ
“มาเยือนถิ่นฉันแล้ว คุณก็ทำได้แค่ฟังฉันเท่านั้น นอกจากกาแฟและน้ำดื่มแล้ว อย่างอื่นไม่มี”
“โอเค งั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องดื่มอะไรแล้ว เรามาคุยเรื่องคุณชายหานกันเป็นไง?” เจิ้งเหยียนลากเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานและนั่งลงด้วยความสุขุม
ขาขาวเรียวยาวนั่งไขว่ห้างด้วยท่วงท่าร้อนแรง
ก่อนที่เหนียนเสี่ยวมู่จะเอ่ยปาก เจิ้งเหยียนก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาวางไว้ตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่
“ได้ยินมาว่าเธอกับคุณชายหานเพิ่งคบกันได้ไม่นาน? อย่างงั้นเธอคงไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนแน่ๆ โดยเฉพาะเมื่อก่อนตอนที่เขาขึ้นเตียง…”
เจิ้งเหยียนยังไม่ทันพูดจบก็เผยรอยยิ้มมุมปากที่ดูคลุมเครือเป็นพิเศษ
จากคำพูดของเธอ รูปถ่ายที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ในตอนนี้
น่าจะเป็นรูปถ่ายที่ถ่ายในโรงแรม
อวี๋เยว่หานนอนเปลือยและหลับอยู่บนเตียง ผ้าห่มสีขาวคลุมถึงแค่หน้าอก เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกที่น่าหลงใหล
แม้จะถ่ายแค่ใบหน้าด้านข้าง แต่ก็หล่อไม่บันยะบันยัง
และที่สำคัญก็คือเขาไม่ได้นอนโรงแรมแค่คนเดียว
ยังมีเจิ้งเหยียนที่สวมชุดนอนสายเดี่ยวนอนอยู่ข้างๆ เขา!
เหนียนเสี่ยวมู่รูม่านตาหด!
ตอนที่เจิ้งเหยียนมองกล้อง เธอบอกว่าเธอมีรูปถ่ายของอวี๋เยว่หานอยู่ในมือ ถ้าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ยอมพบเธอ เธอจะส่งมันให้นักข่าว ทว่าตอนนั้นเหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจัง
ที่ยอมให้เธอเข้าพบเพียงเพราะอยากดูว่าเธอจะเล่นลูกไม้อะไร
แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นรูปถ่ายบนโทรศัพท์มือถือของเธอด้วยตาตัวเอง เหนียนเสี่ยวมู่ก็ตระหนักได้ว่าทำไมเจิ้งเหยียนถึงมีความมั่นใจขนาดนี้และยังกล้าแสดงอำนาจให้พวกเขาเห็นตอนที่ทำความร่วมมือ
ไม่ต้องพูดถึงว่าอวี๋เยว่หานมีความเกี่ยวพันกับเธอหรือไม่ เพียงแค่ปล่อยให้เธอถ่ายรูปที่ดูคลุมเครือเช่นนี้ ความสัมพันธ์ทั้งสองคงไม่ธรรมดา!
สารเลว!
ชายชั่ว!
ยังพูดอยู่เลยว่าเคยชอบเธอแค่คนเดียว งั้นภาพที่อยู่ในมือเจิ้งเหยียนมันคืออะไร?