ตอนที่ 839 เธอคงไม่ได้โง่หรอกนะ!
แต่ว่าถ้าอวี๋เยว่หานโกหกเธอล่ะ?
เหนียนเสี่ยวมู่คิดพลางเอ่ยถามว่า “คุณกับอวี๋เยว่หานรู้จักกันมานานแล้วเหรอ?”
“คนที่กล้าเรียกชื่อคุณชายหานมีอยู่ไม่กี่คน ฉันรู้จักเขามาตั้งนาน คนที่กล้าเรียกชื่อพ่วงด้วยแซ่ของเขานับด้วยมือเดียวยังได้เลย เขาออกจะเย็นชาขนาดนั้น เธอไม่กลัวจริงๆ เหรอ?
เจิ้งเหยียนพูดเสร็จก็ชักมือกลับ เธอเอื้อมมือไปยกถ้วยชาแล้วค่อยๆ ดื่มมันลงไป
น้ำเสียงของเธอที่ได้ยินดูหวาดกลัวอวี๋เยว่หานอยู่ไม่น้อย
แต่ในความหวาดกลัวนั้นแฝงไปด้วยความคุ้นเคยเสียส่วนใหญ่
ไม่ได้กลัวจริงๆ
ขณะนี้มองไม่ออกเลยว่าเธอชอบอวี๋เยว่หานหรือไม่
เหนียนเสี่ยวมู่ครุ่นคิดได้สักพัก “เขาดูเย็นชาไปหน่อย แต่นั่นก็เป็นเพียงภาพลักษณ์ที่แสดงออกมา คุณรู้จักเขามาตั้งนานก็น่าจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเลือดเย็นไร้หัวใจ คุณไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อเขาบ้างเลยเหรอ? ฉันหมายถึงในความเป็นจริงเมื่อเทียบกับฉันแล้ว อวี๋เยว่หานเป็นคนที่เพอร์เฟคกว่า อันที่จริงคุณ…”
“ใครบอกว่าฉันไม่หวั่นไหว?” เจิ้งเหยียนพูดตัดบทเธอทันที
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้เธอยังกังวลอยู่เลยว่าเจิ้งเหยียนจะสารภาพรักกับเธอ ก็เลยจะเกลี้ยกล่อมให้เธอใจเย็นลงหน่อย วินาทีต่อมากลับได้ยินเจิ้งเหยียนบอกว่ารู้สึกหวั่นไหวกับแฟนของเธอ
ตอนนี้มันคือสถานการณ์อะไรกัน?
ขุดหลุมฝังตัวเองใช่ไหม?
เจิ้งเหยียนไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติจากการแสดงออกของเธอและยังบอกว่า “ฉันกับคุณชายหานรู้จักกันมานานมากแล้ว ตอนนั้นเขาเพิ่งรับช่วงต่อบริษัทตระกูลอวี๋ได้ไม่นาน เข้าวงการธุรกิจช้ากว่าฉัน แต่พอได้ลงมือก็เป็นเหมือนลูกหมาป่าที่มีความดุดันเป็นพิเศษ เป็นประเภทที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถโต้กลับได้ เธอนึกภาพออกไหมว่าพวกสิงสาราสัตว์ในวงการธุรกิจพวกนั้นพอมาเจอลูกหมาป่าเข้ามาในอาณาเขตของตัวเอง พวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไง?”
“……”
“ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันยังเรียนรู้งานจากพ่อของฉัน พอเจอกับคนที่อายุไล่เลี่ยกันและเก่งกว่าตัวเองมากก็ดีใจส่ายตูดพุ่งเข้าหาเพราะอยากเป็นเพื่อนกับเขา ตอนนั้นเขาพูดประโยคนึงกับฉันโดยบอกว่า ฉันไม่ต้องการเพื่อน เย็นชาชะมัด!”
ตอนนี้เจิ้งเหยียนพูดเบาๆ แต่พอนึกย้อนกลับไปในตอนนั้นก็หนาวจนขนลุกไปทั้งตัว
เธอสวยมาตั้งแต่เด็ก มีผู้คนมากมายทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามอยู่ล้อมรอบ
ถือได้ว่าเติบโตมาด้วยฝ่ามือของทุกคน บวกกับมีตระกูลมั่วเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังกิจการตระกูลเจิ้ง คนในวงการธุรกิจในตอนนั้นล้วนปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีและสรรเสริญเยินยอเธอเพราะตระกูลมั่วไม่มากก็น้อย
ยกเว้นเจ้าหญิงน้อยที่แท้จริงของตระกูลมั่วในเมือง N ไม่มีใครโด่งดังไปมากกว่าเธออีกแล้ว
นั่นเป็นครั้งแรกที่เจิ้งเหยียนเอ่ยปากขอเป็นเพื่อนกับใครสักคนนับตั้งแต่โตมา แต่เธอกลับถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี
จะไม่ให้เกลียดการเอ่ยปากร้องขอได้ยังไง?
นั่นคือความเป็นมาระหว่างเธอกับอวี๋เยว่หาน
ต่อมาเธอเอาแต่จับตามองอวี๋เยว่หานมาตลอด เขาไม่อยากมีความสัมพันธ์กับเธอ แต่เธอก็ยังเข้าไปข้องเกี่ยวกับเขาจนได้!
หากเป็นไปบทละครโทรทัศน์ทั่วไป นางเอกผู้เพ้อฝันมุ่งมั่นตามจีบด้วยความทรหดอดทน พระเอกก็จะต้องใจอ่อนและหวั่นไหว ท้ายที่สุดทั้งสองก็ได้ครองคู่กัน
เฮ้อ
แต่การทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์เมื่อใช้มันกับอวี๋เยว่หาน
เจิ้งเหยียนตามตื๊อเขามาเป็นเวลาหลายปีและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือได้ถ่ายรูปมาได้รูปเดียวเท่านั้น
เหนียนเสี่ยวมู่ฟังเรื่องราวของเธอ ในตอนท้ายดวงตาก็เบิกกว้างและโพล่งออกมาว่า
“คุณไม่ได้ชอบผู้หญิงใช่ไหม?”
เจิ้งเหยียนผงะพลางเหลือบมองเธอ สายตาเขียนไว้อย่างชัดเจน : ใครชอบผู้หญิง? เธอคงไม่ได้โง่หรอกนะ!
ตอนที่ 840 นักแสดงตัวแม่ VS จิ้งจอกสาว
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
อวี๋เยว่หานคนเลว!
ที่แท้ก็หลอกเธอ!
เดี๋ยวก่อน…เป็นไปได้ไหมว่าเจิ้งเหยียนอายที่จะยอมรับว่าตัวเองมีรสนิยมทางเพศต่างจากคนอื่น ก็เลยจงใจปฏิเสธ?
เหนียนเสี่ยวมู่ลอบมองเธอด้วยความสงสัย “ที่จริงคนสมัยใหม่ต่างก็เปิดกว้างมากขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงก็เหมือนกัน…”
“อย่าใช้สายตาแบบนั้นมองฉัน ถึงเธอจะมองฉันยังไง ฉันก็ยังชอบผู้ชาย แต่ว่าทำไมเธอถึงคิดว่าฉันชอบผู้หญิงล่ะ?” เจิ้งเหยียนที่เพิ่งยกถ้วยชาขึ้นมาก็วางลงและมองมาทางเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เธอบอกได้ไหมว่าก็ผู้ชายเย็นชาที่เธอเพิ่งพูดออกมาจากปากคนนั้นไง?
หึหึ
เย็นชาอะไรล่ะ? ตอนนี้เห็นชัดๆว่าเขามันคนหลอกลวง
โกหกอย่างหน้าด้านๆ!
ถ้าเธอเชื่อคำพูดเขาอีกล่ะก็ เธอจะใช้แซ่ตามเขา!
“คุณชายหาน?” เจิ้งเหยียนเห็นท่าทีของเธอก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ลุกจากเก้าอี้และเดินไปข้างๆเธอพลางตบไหล่เธอ
“อันที่จริงเธอลองคิดให้กว้างๆอีกสักหน่อยสิ เขาอาจจะกลัวเธอหึงและมีปัญหากับเขาจริงๆก็เป็นได้ คนเย็นชาอย่างอวี๋เยว่หานยอมง้อคนก็ดีแค่ไหนแล้ว เธอลองเปลี่ยนมุมมองดูสิ เขายอมถึงขนาดพูดโกหกโดยไม่กลัวเพื่อที่จะง้อเธอเลยนะ เธอไม่ตื้นตันใจบ้างเลยเหรอ?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “นี่คุณปลอบใจฉัน?”
เจิ้งเหยียน “ไม่ใช่นะ ฉันกำลังสนุกกับความทุกข์ของเธอต่างหาก เธอให้ฉันมีความสุขอีกสักพักไม่ได้เหรอ?”
เมื่อเธอพูดจบ ความหงุดหงิดในตาเหนียนเสี่ยวมู่ก็หายไป
ตอนที่เงยหน้ามองเธอก็ไม่พบร่องรอยแห่งความเศร้าเสียใจราวกับว่าคนกลัดกลุ้มที่โดนแฟนโกหกเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เธอ
เจิ้งเหยียนพูดไม่ออก “นักแสดงตัวแม่”
เหนียนเสี่ยวมู่ตอบกลับ “คุณก็จิ้งจอกสาว”
เจิ้งเหยียนกลับไปนั่งบนเก้าอี้ “เธอพูดให้มันดีๆ นะ ฉันไม่ได้แย่งแฟนเธอ แม้แต่มือฉันยังไม่ได้จับเลย เมื่อกี้ก็อธิบายไปชัดเจนแล้ว เธอยังต่อว่าคนอื่นได้ยังไง?”
เหนียนเสี่ยวมู่ก็นั่งเก้าอี้พลางยกถ้วยชามาจิบ
“คุณคิดไม่ซื่อกับผู้ชายของฉันแต่แค่ไม่สำเร็จเท่านั้นเอง และยังจงใจเอารูปมายั่วโมโหฉันอีก เพิ่มโทษไปอีกขั้น ฉันไม่รีบไล่คุณออกไปทันทีและยังเชิญคุณดื่มชา นี่ก็นับว่าเมตตาสุดๆแล้วนะ!”
“อีกอย่าง ตอนนี้ฉันจะย้อนกลับไปตอบคำถามที่คุณเพิ่งถามเมื่อกี้นี้ ใบหน้าเทพธิดาอย่างฉันไม่ต้องการการบำรุง สวยอย่างธรรมชาติ ถ้าจะให้อวี๋เยว่หานเลือกอีกกี่ร้อยครั้งเขาก็ต้องเลือกฉัน!”
กล้าไม่เลือกเธอ เธอจะตีจนขาที่สามพิการไปเลย!
เจิ้งเหยียน “…”
ทั้งสองพูดเร็วมาก
ด้วยท่าทางปากคอเราะร้าย
ครั้งแล้วครั้งเล่าแทบไม่มีเวลาหยุดพัก
โต้กลับไปมาไปแล้วหลายรอบ ผลคือเจิ้งเหยียนแพ้ราบคาบ
เพราะเธอไม่เข้าใจเล่ห์กลของเหนียนเสี่ยวมู่
ประเดี๋ยวก็น่ารักจนทำให้คนนึกอยากบีบแก้มและซื้อขนมให้เธอ
ในชั่วพริบตาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นก็กลับมาสวมบทราชินีอีกครั้ง
เต็มไปด้วยออร่า
ที่สำคัญก็คือเหมือนเปลี่ยนหน้าสลับไปมาระหว่างสองสถานะนี้โดยไม่รู้สึกขัดเขิน
“เอาล่ะๆ เธอชนะแล้ว ตอนนี้เราจะมาเจรจาความร่วมมือกันดีๆ ได้หรือยัง?” เจิ้งเหยียนพูดอย่างจนปัญญา
เป็นครั้งแรกที่ยอมแพ้ก่อนที่ยังไม่ได้เริ่มเจรจา
นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยพบมาก่อนในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา
ในเวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับเหนียนเสี่ยวมู่ เธอไม่กล้าที่จะชะล่าใจเพราะเกรงว่าจะทำให้ความร่วมมือวุ่นวายและต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจริงๆ
“ในฐานะที่เป็นตัวแทนเจรจาในครั้งนี้ นอกจากรูปถ่ายเมื่อวาน ฉันยังมีของขวัญอีกชิ้นหนึ่งมามอบให้ผู้จัดการเหนียน”
“……”
รูปใบเดียวก็พอแล้ว