ตอนที่ 849 สุดๆ ไปเลย!
เหนียนเสี่ยวมู่ลงจากบนตัวอวี๋เยว่หานและหันไปมองเจิ้งเหยียนที่กำลังโกรธจนหน้าเปลี่ยนสีด้วยหน้าตาไร้เดียงสา “รองประธานเจิ้งให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำไปหมดแล้ว ฉันไปโกหกคุณตรงไหน?”
“……”
“คุณบอกให้ฉันเลิกกับอวี๋เยว่หานและยังบอกว่าอยากเห็นเขาในสภาพโศกเศร้าเสียใจ เมื่อกี้คุณก็เห็นไปแล้วนี่ ฉันถึงขนาดบอกเลิกต่อหน้าคุณ อวี๋เยว่หานก็เสียใจจนเดินออกไป ในเมื่อบรรลุเงื่อนไขทั้งสองข้อแล้ว ฉันไปโกหกอะไรคุณล่ะ?”
“แต่เธอ…” เจิ้งเหยียนชี้ไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ หลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกว่าเธอพูดถูก
แต่ที่น่าโมโหที่สุดก็คือเมื่อกี้ตอนที่อวี๋เยว่หานเพิ่งเดินออกไป เธอยังมีหน้าวิ่งมารายงานเหนียนเสี่ยวมู่ถึงความโศกเศร้าเสียใจของเขา ตอนนี้จะปฏิเสธก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ความโศกเศร้าที่เธอปรารถนาจะเห็นมัน!
ตอนนี้เธอไม่เพียงไม่รู้สึกถึงความสุขใจ แต่ยังเหมือนโดนป้อนอาหารหมาจนแทบจะกระอักตาย
เหนียนเสี่ยวมู่บอกเองไม่ใช่เหรอว่าตอนนี้พวกเขากำลังแยกกันอยู่?
คนแยกกันอยู่จะทำตัวหวานเลี่ยนจนน่าหมั่นไส้แบบนี้เนี่ยนะ?
เธอคงโง่ไปแล้วถึงได้เชื่อเหนียนเสี่ยวมู่!
เห็นๆกันอยู่ว่าทั้งสองคนสมรู้ร่วมร่วมคิดกันแสดงละครมาหลอกเธอเพื่อเอาข้อมูล!
เจิ้งเหยียนโมโหขึ้นหน้า ก่อนที่เธอจะทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและยังไม่ทันได้คิดบัญชีกับเหนียนเสี่ยวมู่ ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องสำคัญอีกอย่างขึ้นมาได้
นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะยอมรับว่าตัวเองบังคับเหนียนเสี่ยวมู่ให้เลิกกับอวี๋เยว่หานต่อหน้าเขา…
เจิ้งเหยียนใจเต้นตึกตัก!
เงยหน้ามองคนข้างหน้า
เห็นเพียงอวี๋เยว่หานยื่นแขนออกมาดึงเหนียนเสี่ยวมู่ไว้ข้างหลัง รูปร่างงามสง่าก้าวมาข้างหน้า กวาดมองใบหน้าเธอด้วยสายตาเย็นชา…
ร่างเจิ้งเหยียนเหมือนโดนแช่แข็ง
ทันทีที่ตั้งสติได้ก็เดินถอยหลังไปหลายก้าว
ทั้งตัวพิงกับฉากกันลมที่อยู่ด้านหลัง พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “สุภาพบุรุษตกลงกันด้วยวาจา ไม่ใช่ด้วยกำลัง ฉันไม่ได้อยากให้พวกคุณเลิกกันจริงๆเสียหน่อย ฉันแค่ไม่พอใจที่ฉันอุตส่าห์ตามจีบคุณมาตั้งนาน แต่คุณกลับไม่มีปฎิกิริยากับฉันเลยสักนิด แค่อยากให้คุณได้ลิ้มรสของคนที่โดนปฏิเสธดูบ้าง!”
“…” อวี๋เยว่หานเก็บสายตามองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ด้านหลัง
เหนียนเสี่ยวมู่รีบพยักหน้าเพื่อเป็นการรับรองว่าสิ่งที่เจิ้งเหยียนพูดนั้นเป็นความจริง
แม้เธอจะไม่รู้แน่ชัดว่าในหัวเจิ้งเหยียนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เจิ้งเหยียนก็ยังยืนยันว่าที่อวี๋เยว่หานเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึกแบบนี้มาตลอด แน่นอนว่าเป็นเพราะมีคนตามจีบเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นจึงอยากให้เขาได้ลิ้มรสการโดนปฏิเสธจากคนที่ตัวเองชอบดูบ้าง
และสัญญาว่าตราบใดที่เหนียนเสี่ยวมู่ตอบตกลงเงื่อนไขนี้ เธอก็จะแลกด้วยข้อมูลของถานเปิงเปิง
เหนียนเสี่ยวมู่ไหนล่ะจะทำใจยอมให้อวี๋เยว่หานเสียใจ
การตามหาถานเปิงเปิงสำคัญแต่ก็ไม่ได้สำคัญไปมากกว่าเขา
มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องโดนบอกเลิกไปทั้งอย่างนี้ เขาเศร้า เธอเองก็พลอยเศร้าไปด้วย
เรื่องโหดร้ายโง่เขลาเช่นนี้เธอทำไม่ลง
จึงทำได้แต่แสดงละครให้เจิ้งเหยียนเชื่อขึ้นมาบ้าง
“ฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมจริงๆ พวกเธอสองคนเหมาะสมกันสุดๆ ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าตัวเองแพ้ตรงไหน” เจิ้งเหยียนเดินไปที่โต๊ะพร้อมกับลากเก้าอี้นั่งลง
ให้พนักงานเพิ่มชุดถ้วยตะเกียบให้เธอ
พอนึกถึงมัน ความเศร้าเสียใจก็กลายเป็นความอยากอาหาร ตอนนี้เจิ้งเหยียนหิวมาก
ขณะที่กินก็พูดไปด้วย “คู่รักเจ้าบทบาท อย่าคิดนะว่ามีแค่พวกเธอที่แสดงละครได้ ดูซองจดหมายซะก่อนเถอะแล้วจะพบว่ามีกระดาษเปล่าสองใบอยู่ในนั้น”
เดิมทียังคิดว่าพอพูดจบก็จะได้เห็นทั้งสองอยู่ในอาการตื่นตระหนก
แต่ใครจะรู้ว่าเหนียนเสี่ยวมู่เพียงแค่ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามเธอด้วยท่าทางสบายๆ
หรี่ตาลงแล้วพูด “ตอนที่ฉันได้ซองจดหมายมาก็เช็คดูก่อนแล้ว ในนั้นไม่ใช่กระดาษเปล่าแน่นอน”
เจิ้งเหยียน “….”
สองคนนี้หน้าเนื้อใจเสือจริงๆ เธอยอมแล้ว!
ตอนที่ 850 คิดไม่ถึงเลยว่ารู้จักกันตั้งแต่เด็ก
เจิ้งเหยียนจึงถือโอกาสเล่นแง่พวกเขาเสียหน่อย “พวกเธอไม่ต้องหลบฉันหรอก อยากดูเนื้อหาในซองจดหมายก็ดูเถอะ อันไหนไม่เข้าใจ ฉันจะได้อธิบายให้พวกเธอฟังถือเป็นค่าอาหาร”
เมื่อได้ยินดังนั้นเหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่เกรงใจ
ลากอวี๋เยว่หานมานั่งด้วยกันพร้อมกับเปิดซองจดหมาย
เจิ้งเหยียนยังนับว่าเป็นคนที่มีสัจจะ สิ่งที่อยู่ในซองจดหมายคือสถานะครอบครัวของตระกูลถานที่ไม่ค่อยมีใครรู้และยังมีที่อยู่อีกด้วย
“ที่คุณบอกว่าคุณรู้ที่อยู่ของถานเปิงเปิง ก็แค่รู้ที่อยู่บ้านประจำตระกูลของเธอเท่านั้นสินะ?” เหนียนเสี่ยวมู่อ่านสิ่งที่อยู่ในซองจดหมายเสร็จหมดแล้ว เธอฟาดกระดาษลงบนโต๊ะพลางถลึงตาใส่เจิ้งเหยียน
เจิ้งเหยียนที่เอาแต่ทำหน้าหดหู่ในที่สุดก็ยิ้มได้
“ทำไมล่ะ? พวกเธอแสดงละครหลอกฉัน แต่ไม่ยอมให้ฉันทิ้งระเบิดงั้นเหรอ? อย่างน้อยข้อมูลที่ฉันให้ก็เป็นความจริง”
เจิ้งเหยียนวางตะเกียบพลางชี้ไปยังกระดาษที่แขนเหนียนเสี่ยวมู่ทับไว้ จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า
“ฉันจะบอกอะไรให้ เธออย่าดูถูกเนื้อหาที่อยู่ในกระดาษแผ่นนี้ ฉันถามหน่อยเถอะว่าเธอเป็นเพื่อนกับถานเปิงเปิง ถานเปิงเปิงเคยพูดถึงครอบครัวตัวเองให้เธอฟังไหม?”
“……”
“ดูท่าแล้วน่าจะไม่เคย งั้นคำถามคือทำไมถานเปิงเปิงถึงไม่เคยพูดถึงครอบครัวตัวเองเลยล่ะ? ตระกูลถานเป็นแพทย์มาหลายชั่วอายุคน ตระกูลแพทย์ชื่อดังก็ไม่ใช่ว่าจะด้อยไปกว่าใคร เธอมีอะไรต้องปิดบัง? นอกเสียจากว่ามีเหตุผลพิเศษ”
“……”
จากที่เจิ้งเหยียนวิเคราะห์ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
เหนียนเสี่ยวมู่จำได้ว่าเธอเคยถามเรื่องครอบครัวของถานเปิงเปิงอยู่หลายครั้ง แต่ท่าทีของเธอค่อนข้างแปลกคล้ายกับไม่อยากจะเอ่ยถึง
เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่คิดว่าถานเปิงเปิงก็เป็นคนแบบนี้ที่ไม่ชอบคุย
แต่พอเจิ้งเหยียนถามกลับมาแบบนี้ เธอเองก็รู้สึกว่าท่าทีของถานเปิงเปิงในตอนนั้นก็แปลกจริงๆ
เหนียนเสี่ยวมู่เม้มปาก เธอแสดงท่าทีให้เจิ้งเหยียนพูดต่อ
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าถานเปิงเปิงหายตัวไปยังไง แต่พวกเธอลองคิดดูสิ เธอไม่ยอมพูดถึงครอบครัวตัวเองและไม่เคยบอกพวกเธอว่าตระกูลถานยังมีบ้านประจำตระกูล ถ้าเธอไม่ได้หายตัวไป ตอนนี้สถานที่ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือที่ไหน?”
ก่อนที่เจิ้งเหยียนจะพูดจบก็ชี้ไปยังกระดาษที่แขนของเหนียนเสี่ยวมู่ทับเอาไว้
“ฉันให้ที่อยู่พวกเธอแล้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อที่ฉันเดาก็แล้วแต่พวกเธอ”
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อย?” เหนียนเสี่ยวมู่หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอีกครั้งพลางยื่นให้อวี๋เยว่หานเพื่อให้เขาตัดสินใจ
เจิ้งเหยียนนั่งไม่ติดเมื่อตัวเองถูกสงสัย
“ฉันจะบอกให้นะ พวกเธออย่าคิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงตัวแม่เพราะมันจะทำให้คนสูญเสียความไว้วางใจ พวกเธอดูที่อยู่ในกระดาษสิ ดูให้ละเอียดแล้วจะพบว่าสถานที่นี้มีอะไรพิเศษ? ดูซะให้เต็มตา!”
เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินที่เจิ้งเหยียนพูดก็ชะโงกหัวมองกระดาษที่อยู่ในมืออวี๋เยว่หาน
ดูไปดูมาก็ดูไม่ออกว่าที่อยู่ในนั้นมีอะไรพิเศษ
“ที่อยู่ของบ้านประจำตระกูลถานอยู่ใกล้กับบ้านตระกูลเจิ้งมาก” อวี๋เยว่หานพูดขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินดังนั้นเหนียนเสี่ยวมู่ก็ถึงกับอึ้ง
เงยหน้ามองเขาด้วยความแปลกใจ
อวี๋เยว่หานพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อสบตาเธอเพื่อบ่งบอกว่าเธอไม่ได้ฟังผิด
หรือจะพูดได้ว่าที่เจิ้งเหยียนพูดทั้งหมดเป็นความจริง
การที่เธอรู้จักตระกูลถานไม่ได้เป็นเพียงลมปาก แต่เป็นเพราะตระกูลเจิ้งกับตระกูลถานเป็นเพื่อนบ้านกัน เจิ้งเหยียนน่าจะรู้จักถานเปิงเปิงมาตั้งแต่เด็ก!
“ทำไม? ตอนนี้เชื่อหรือยังว่าฉันไม่ได้โกหกจริงๆ?” เจิ้งเหยียนหยิบตะเกียบมากินข้าวต่อด้วยความพอใจ
กินไปได้ไม่กี่คำก็เงยหน้ามองไปทางอวี๋เยว่หาน