ตอนที่ 861 คนเร่ร่อนพวกนั้น…
เหนียนเสี่ยวมู่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อปลายลิ้นของเขากวาดริมฝีปากสีเชอร์รี่ของเธอ
วินาทีต่อมาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ อวี๋เยว่หานชะงักลงอย่างกะทันหัน เงยหน้ามองไปทางด้านหลังเธอ
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังมึนๆ กับจูบของเขากังวลว่าตัวเองจะโดนกฎหมายในที่สาธารณะ เนื่องจากเขาชักมือกลับกะทันหันเกินไป เธอจึงตั้งสติไม่ทัน
หันกลับไปมองข้างหลังตามอวี๋เยว่หานด้วยความงุนงง เมื่อเห็นที่นั่งว่างเปล่าที่อยู่ข้างหลัง ใบหน้าเล็กๆ ก็ทรุดลง
“อวี๋เยว่หาน ฉันไม่มีเสน่ห์แล้วใช่ไหม คุณถึงไม่จูบฉันต่อ?”
“หืม?” อวี๋เยว่หานหรี่ตาเผชิญหน้ากับใบหน้าเล็กๆ ที่กำลังขุ่นเคืองโดยจงใจทำเป็นไม่พูด
ความเงียบของเขาเหมือนเป็นการยอมรับโดยปริยาย
เหนียนเสี่ยวมู่นิ่งต่อไปไม่ได้แล้ว
อดไม่ไหวที่จะซุกเข้าอ้อมกอดและฉีกเนื้อจากหน้าอกของเขา
สุดท้ายเธอเลือกที่จะรักษาความภาคภูมิใจของตัวเอง หดตัวเข้าไปที่มุมโซฟาคู่อย่างเงียบๆ
“ไม่จูบก็ไม่จูบ ฉันกลับไปจูบเสี่ยวลิ่วลิ่วก็ได้”
อวี๋เยว่หาน “…”
อวี๋เยว่หาน “เหนียนเสี่ยวมู่ ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองยังมีเสน่ห์อยู่ไหมก็รีบย้ายกลับคฤหาสน์ตระกูลอวี๋เร็วๆ หน่อย ผมจะบอกคุณด้วยการกระทำ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “o(╯□╰)o……”
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และแล้วเวลาขึ้นเครื่องก็มาถึง คราวนี้ไร้อุปสรรคใดๆ มาขวางกั้น ขึ้นเครื่องบินกันอย่างราบรื่น
ตอนที่เครื่องบินบินอยู่เหนือเมือง N เหนียนเสี่ยวมู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างอธิบายไม่ถูก เกิดความรู้สึกหนึ่งประเภทที่ว่าความอัดอั้นตันใจที่อัดแน่นอยู่ในอกได้ระบายออกมา
ทันทีที่ผ่อนคลายก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า กลับทำตัวคึกคักอยากจะคุยกับอวี๋เยว่หาน
พอหันไปดูก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หลุบตาลงเล็กน้อย ใบหน้าเยือกเย็น ท่าทางเคร่งขรึม
สายตาแผ่รังสีอันตรายทำให้เธอถึงกับอึ้ง
“อวี๋เยว่หาน คุณเป็นอะไร?”
“…” ทันทีที่เธอเอ่ย ความเย็นชาที่อยู่นัยน์ตาก็ถูกจัดการในทันที
มองมาที่เธอ ยกมือมาตบหัวเธอเบาๆ และกำลังจะบอกเธอว่าไม่เป็นไร
แต่เหนียนเสีย่วมู่กลับพูดขึ้นมาก่อน “คุณก็รู้สึกเหมือนกันใช่ไหมว่าบ้านประจำตระกูลถานมีบางอย่างผิดปกติ”
“……”
“ตอนที่ฉันเข้าไปในบ้านตระกูลถานก็รู้สึกได้ถึงความวังเวงที่อยู่ด้านใน ความวังเวงนั้นไม่เกี่ยวกับว่าจะมีคนอยู่หรือไม่ แต่รู้สึกได้ถึงความลึกลับของตระกูลมากกว่า อีกอย่างกลอนที่อยู่หน้าประตูก็โดนงัดด้วยช่างกุญแจมืออาชีพ จะมีใครกล้าถึงขนาดพาคนมางัดประตูบ้านตระกูลถานอย่างเอิกเกริกแบบนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลถานหรือไม่ก็พึ่งความสามารถและกำลังของตัวเอง”
ดวงตามืดมนของอวี๋เยว่หานดูล้ำลึกขึ้น เขารู้สึกประหลาดใจที่เธอช่างสังเกตและละเอียดอ่อนถึงขนาดนี้
อวี๋เยว่หาน “พูดต่อสิ”
“ไหนคุณบอกมาซิว่าคนพวกนั้นเป็นคนเร่ร่อนจริงๆ หรือว่ามีคนแกล้งเป็นคนเร่ร่อนแล้วตั้งใจอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลถานเพื่อคอยจับตามองทุกอย่างในบ้านตระกูลถาน?” เหนียนเสี่ยวมู่ถามส่งเดช
ทันทีที่เธอพูดออกไป ดวงตามืดมนของอวี๋เยว่หานก็หดกลับทันที!
มองเธอด้วยความตกใจเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าเธอคิดถึงขั้นนี้
เขายิ้มมุมปากพลางเอื้อมมือมาลูบผมเธอ
มองเธอด้วยสายตาประหลาดใจ
เขาไม่สนอดีตของเธอและไม่สนภูมิหลังของเธอ แต่ตอนนี้เขากลับอยากรู้ขึ้นมาแล้วว่าครอบครัวของเธอเป็นอย่างไรกันแน่ พ่อแม่ของเธอเป็นแบบไหนถึงได้เลี้ยงดูเธอให้เป็นคนฉลาดและมีไหวพริบแบบนี้ ทั้งยังเป็นปีศาจสาวที่น่าเย้ายวนตามแบบฉบับราชินี
“อวี๋เยว่หาน? อวี๋เยว่หาน?” เหนียนเสี่ยวมู่เรียกไปหลายทีแต่คนตรงหน้ายังไร้การตอบสนอง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะโบกมือตรงหน้า วินาทีต่อมาเขาจับมือเธอไว้และตอบกลับ
“คุณคิดว่าไง? มองออกไหมว่าคนเร่ร่อนพวกนั้นจริงหรือแกล้งทำ?”
ตอนที่ 862 มีคนคอยจับตามองพวกเขา
“ไม่รู้สิ” เหนียนเสี่ยวมู่กัดริมฝีปาก
เธอมองไม่ออกจริงๆ
จากสภาพคนเร่ร่อนพวกนั้นรวมไปถึงเครื่องนอนในลานบ้าน ดูแล้วเหมือนอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลถานมาเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตามแม้จะอาศัยมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่อาจตัดข้อสงสัยที่ว่าพวกเขาปลอมตัวออกไปได้
“พวกเขาเป็นคนเร่ร่อนจริง” อวี๋เยว่หานเล่นนิ้วเรียวยาวดังต้นหอมพลางเอ่ยขึ้นมา
“การสังเกตคนไม่เพียงแค่ดูจากหลักฐานแวดล้อมเท่านั้น ยิ่งต้องดูที่ตัวพวกเขา สายตาพวกเขาและวิธีการพูดคุยของพวกเขาด้วย คุณสังเกตไหมว่าข้างผ้าห่มของคนเร่ร่อนพวกนั้นมีกล่องวางอยู่กล่องหนึ่ง ตอนที่พวกเขาเห็นเราไป คนพวกนั้นก็เข้าไปปกป้องกล่องนั้นโดยไม่รู้ตัว?”
“ฉันเห็นแล้ว แต่มีอะไรผิดปกติเหรอ? ในกล่องนั้นก็แค่มีแป้งทอดไม่กี่ชิ้น…” พอเหนียนเสี่ยวมู่พูดได้ครึ่งเดียวก็ชักสายตากลับทันที
จริงด้วย!
ถ้าหากเป็นคนเร่ร่อนตัวปลอมแล้วเห็นพวกเขาปรากฏตัว พอรู้แล้วว่าหนีไปไหนไม่รอดก็คงไม่ไปปกป้องแป้งทอดเพียงไม่กี่ชิ้นนั่นหรอก
พฤติกรรมตามสัญชาตญาณแบบนี้มีอยู่ในตัวคนที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมานานเท่านั้น
“งั้นพวกเขาก็ไม่ได้มาคอยจับดูบ้านตระกูลถาน…”
“พวกเขาไม่ได้จับตามองบ้านตระกูลถาน แต่ผมเดาว่ายังมีคนอื่นที่คอยจับตามองบ้านตระกูลถานอยู่” อวี๋เยว่หานตอบคำพูดของเธอ
คนเร่ร่อนพวกนั้นล้วนบอกว่ามีคนผ่านประตูใหญ่บ้านตระกูลถานทุกวัน
ผู้ช่วยเองก็บอกว่าถนนของบ้านตระกูลถานเส้นนั้นออกไปย่านการค้าซึ่งมีคนพลุกพล่านไม่น้อย
ทุกคนต่างก็คิดว่าการที่คนสัญจรไปมานั้นเป็นเรื่องปกติจึงไม่มีใครสังเกตเห็นอย่างแน่นอน ใครบางคนอาจปะปนอยู่ในกลุ่มคนเพื่อคอยจับตามองคนของบ้านประจำตระกูลถานก็เป็นได้
การเฝ้าติดตามด้วยวิธีนี้ยากมากที่จะโดนจับได้เมื่อเทียบกับการพักอยู่ในบ้านประจำตระกูลถานระยะยาว
หากบ้านตระกูลถานมีใครปรากฏตัว อีกฝ่ายก็พบได้ง่าย…
อย่างเช่นพวกเขาในวันนี้
ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานเป็นประกายซับซ้อน
ที่ห้องรอขึ้นเครื่อง ความรู้สึกของเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ใช่ภาพลวงตา
เขาก็รู้สึกได้ว่ามีคนคอยจับตามองอยู่
อีกฝ่ายติดตามพวกเขาอยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆและยังเข้าไปในห้องรอขึ้นเครื่องวีไอพี ฝีมือเหนือชั้น
แต่แค่ว่ามีจุดประสงค์อะไร?
อุบัติเหตุสองครั้งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาก่อนหน้านี้ แท้ที่จริงแล้วเป็นอุบัติเหตุใช่หรือไม่?
อวี๋เยว่หานคิดได้ถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้ว
กระชับมือเหนียนเสี่ยวมู่แน่นเล็กน้อยราวกับเป็นห่วงว่าพอเขาปล่อยมือ เธอจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น
ตอนที่เครื่องบินลงจอดเมือง H ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังพะวงเกี่ยวกับเอกสารความร่วมมือของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ที่ยังอยู่ที่บ้านของถานเปิงเปิงและอยากจะกลับไปนอน แต่อวี๋เยว่หานกลับลากเธอขึ้นรถโดยอดไม่ได้ที่จะแก้ตัว
ด้วยประโยคที่ว่า “ถ้าพรุ่งนี้ตื่นแล้วผมจะส่งคุณกลับไปเอา” เป็นอันยุติการทักท้วง
วันต่อมา
เหนียนเสี่ยวมู่ไปบริษัทด้วยอาการปวดหลัง ถือเอกสารเข้าไปในห้องทำงานของอวี๋เยว่หานเพื่อคุยกับเขาเกี่ยวกับกรณีความร่วมมือ แต่กลับพบว่าเขากำลังจดจ้องวิดีโอหนึ่งอยู่
เธอโน้มเข้าไปดูด้วยความสงสัย พอดูเพียงแวบเดียวใบหน้าเปื้อนยิ้มก็แข็งทื่อขึ้นมาทันใด
เขากำลังดูวิดีโอกล้องวงจรของสนามบิน
บนคอมพิวเตอร์กำลังฉายภาพตอนที่ถานเปิงเปิงผ่านจุดเช็กตั๋ว…
เมื่อเห็นถานเปิงเปิงที่ยังดีดีอยู่ในวิดีโอและคิดว่าตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเธอหายไปไหน ทันใดนั้นเหนียนเสี่ยวมู่ก็รู้สึกผิดหวังอยู่หน่อยๆ พลางพูดพึมพำ
“วิดีโอช่วงตอนนี้คุณดูแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“อืม ไปเจออะไรใหม่ก็เลยดูอีกรอบ” พออวี๋เยว่หานสังเกตเห็นแววตาเธอก็กดหยุดวิดีโอชั่วคราว หันมามองเอกสารที่อยู่ในมือเธอ “เรื่องงานเหรอ?”
“เจิ้งเหยียนนัดฉันหลังจากนี้อีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อเจรจาความร่วมมือ คุณต้องมอบอัตรายอมเสียกำไรขั้นต่ำให้ฉันนะ ไม่อย่างงั้นฉันกลัวว่าจะเสียเปรียบ”
เหนียนเสี่ยวมู่นิ่งไปสักพัก “ฉันหมายถึงจะทำให้เจิ้งเหยียนเสียเปรียบเกินไป”