“ได้” อวี๋เยว่หานตอบโดยไม่จำเป็นต้องคิด
พอเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ผงะก็เริ่มตระหนักได้ว่าตัวเองตอบเร็วเกินไป เขายกมือปิดปาก กระแอมเสียงเบาๆเพื่อปิดบังความรู้สึกของตัวเอง
จากนั้นก็เดินเข้าไป เอื้อมมือแตะหน้าผากเสี่ยวลิ่วลิ่ว
ยาลดไข้เห็นผลเร็วมาก
ไข้เสี่ยวลิ่วลิ่วลดลงแล้ว มีเพียงใบหน้าเล็กๆที่ยังแดงอยู่บ้าง
เจ้าก้อนข้าวเหนียวน้อยที่ปกติร่าเริงมีชีวิตชีวาพอนิ่งแล้วก็น่าสงสาร พับตาลงครึ่งหนึ่งพร้อมกับร้องละเมอไม่สบายตัว
ทำให้คนหัวใจแตกสลาย
ราวกับรับรู้ได้ว่าอวี๋เยว่หานกำลังลูบเธออยู่ ทันใดนั้นตาที่พับลงครึ่งหนึ่งก็ลืมตาขึ้น ปากเล็กๆพึมพำ
ใบหน้าเขินอายกล่าวอย่างมีเลศนัย
“เสี่ยวลิ่วลิ่วไม่สบาย อยากให้ป่าป๊าหม่าม้าจุ๊บๆกอดๆจะได้ดีขึ้น!”
อวี๋เยว่หาน “….”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…..”
อวี๋เยว่หานตั้งสติพลางก้มศีรษะจูบลงไปที่ใบหน้าของเธอไปตรงๆ
พอเห็นเขาจูบแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่ได้อิดออด เธอจูบตามด้วยความเอ็นดู
ยังไม่พอใจจึงจูบลงไปอีกครั้ง
ตบแผ่นหลังเสี่ยวลิ่วลิ่วเบาๆเพื่อกล่อมเธอหลับ
ไม่นาน เสี่ยวลิ่วลิ่วก็หลับไป
ห้องนอนเด็กเงียบสงัด
เหนียนเสี่ยวมู่อุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วนั่งอยู่ข้างเตียง พลางฮัมเพลงเด็กเบาๆ
อวี๋เยว่หานนั่งอยู่ข้างๆเธอ มองพวกเธอสองแม่ลูกด้วยสายตารักใคร่…
เวลาดูเหมือนจะช้าลง
ทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง เหลือไว้เพียงความอบอุ่น
หลังจากเสี่ยวลิ่วลิ่วหลับไปแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็วางเธอไว้บนเตียง
“คุณอยู่กับเสี่ยวลิ่วลิ่วไปก่อน ผมจะไปจัดการงาน เดี๋ยวถึงเวลาทานข้าวผมจะเรียกพวกคุณ”
พอพูดเสร็จก็เดินออกจากห้อง
ไม่มีการสื่อสารระหว่างทั้งสองมากนัก
และไม่มีใครพูดถึงเรื่องถานเปิงเปิงหรือวิดีโอนั้น
จนกระทั่งเสี่ยวลิ่วลิ่วตื่น เหนียนเสี่ยวมู่ก็อุ้มเธอออกจากห้อง
พอเดินมาถึงหน้าประตูห้องอาหารได้สักพักก็เห็นอวี๋เยว่หานลงมาจากข้างบนพอดี
เหนียนเสี่ยวมู่ยังลังเลว่าจะทักทายเขาดีหรือไม่ ทว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอชะโงกหน้าเล็กขึ้นอย่างมีความสุข “ป่าป๊ามาเร็วๆ จะกินข้าวแล้ว! ถ้าวันนี้ไม่เชื่อฟังจะต้องโดนหม่าม้าพบแน่ๆ!”
เหนียนเสี่ยวมู่ฟังไม่เข้าใจว่าสองพ่อลูกกำลังพูดเล่นอะไรกัน เพียงได้ยินคำพูดของเสี่ยวลิ่วลิ่วก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าตอนที่เธอไม่อยู่ อวี๋เยว่หานกินข้าวไม่ตรงเวลาใช่หรือไม่
ทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้น เธอก็หันไปมองพ่อบ้านโดยไม่รู้ตัว
พ่อบ้านกินปูนร้อนท้องหลบสายตา
เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้ว อุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วเดินไปและวางเธอลงบนเก้าอี้เด็ก
ตักข้าวเสร็จแล้วให้เธอกินเอง
เนื่องจากเสี่ยวลิ่วลิ่วป่วยจึงไม่ค่อยอยากอาหาร แต่นิสัยจู้จี้จุกจิกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
พอเห็นอวี๋เยว่หานนั่งลง เสี่ยวลิ่วลิ่วก็ใช้สองมือประคองแก้มและเริ่มบ่น
“หม่าม้าไม่อยู่บ้าน ป่าป๊าก็เลยไม่ชอบยิ้ม”
“กินข้าวไม่ลง แล้วยังไม่ยอมหลับยอมนอน ไม่เชื่อฟังเลยสักนิด”
“เสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นเด็กดี กินอิ่มอิ่ม แล้วยังหลับเองด้วย!”
“อืม…”
เสี่ยวลิ่วลิ่วกางนิ้วจิ๋วของตัวเอง ยังไม่ทันจะนับเสร็จ อวี๋เยว่หานก็ตักข้าวแล้วยัดเข้าปากเล็กๆของเธอ
ปิดปากเธอไว้
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาตกตะลึงของเหนียนเสี่ยวมู่ เขาก็พูดเรียบๆ “ช่วงก่อนงานยุ่งมากก็เลยนอนไม่หลับ”
“อ๋อ”
เหนียนเสี่ยวมู่ตอบรับพลางชำเลืองมองเขา
ไม่รู้ทำไมเมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวลิ่วลิ่วแล้ว ภาพของเจิ้งเหยียนที่เจอที่โรงแรมตอนบ่ายวันนี้ถึงได้โผล่เข้ามาในหัว อดไม่ได้ที่จะเผลอหลุดปากออกไป
“คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับเจิ้งเหยียน?”
ตอนที่ 810 จังหวะที่ห้ามไม่อยู่
“อะไรนะ?” อวี๋เยว่หานกำลังยุ่งอยู่กับการป้อนข้าวให้เสี่ยวลิ่วลิ่วเพื่ออุดปากเธอ ตอนที่เงยหน้ามาก็พลาดคำพูดของเหนียนเสี่ยวมู่เข้าพอดี
“เปล่า ไม่มีอะไร ทานข้าวเถอะ” จู่ๆ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ใจกล้าขึ้นมา แต่จู่ๆ ก็หายไป
ก้มหน้าเงียบๆยกถ้วยข้าวตัวเอง
ในหัวยังคงสะท้อนคำพูดที่เสี่ยวลิ่วลิ่วเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้อยู่ตลอดเวลา
ไม่กี่วันมานี้เขาไม่ค่อยได้พักผ่อน เป็นเพราะเธอ?
แต่เมื่อกี้เขาเพิ่งบอกว่าเป็นเพราะงาน…เหนียนเสี่ยวมู่เหลือบมองเขา
ชายที่มุ่งเน้นอยู่กับการป้อนข้าวเด็กไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ
ใบหน้าไร้ความรู้สึกของเขา เหนียนเสี่ยวมู่เองก็ดูไม่ออก
ใจอยากจะถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจิ้งเหยียน อยากรู้ว่าเขาคิดถึงเธอหรือเปล่า แต่กลับทำได้เพียงก้มหน้างุดกินข้าวเหมือนเสี่ยวลิ่วลิ่ว
กินทีละคำให้ตัวเองอิ่มแปล้
เสี่ยวลิ่วลิ่วที่นั่งบนเก้าอี้เด็กเหมือนโดนใครบางคนป้อนจนอิ่มแล้ว ลูบท้องเล็กๆ กลมๆ ของตัวเองพร้อมกับดันมืออวี๋เยว่หาน
“ไม่กินแล้ว ไม่กินแล้ว เสี่ยวลิ่วลิ่วกินอิ่มแล้ว!”
“……”
ในที่สุดอวี๋เยว่หานก็วางถ้วยเล็กของเธอลง เหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะเตือน “คุณก็รีบกินเถอะ กับข้าวจะเย็นหมดแล้ว”
ตลอดมาเสี่ยวลิ่วลิ่วกินข้าวโดยไม่ต้องให้ใครมาดูแล เขาไม่เคยป้อนข้าวเสี่ยวลิ่วลิ่วมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว วันนี้เป็นอะไรล่ะ?
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันคิดตก เสี่ยวลิ่วลิ่วที่กินอิ่มแล้วก็เรียกเธออย่างออดอ้อน
“หม่าม้า เสี่ยวลิ่วลิ่วคิดถึงหม่าม้า ไม่เจอกันหนึ่งวันก็คิดถึง”
“ป่าป๊าก็คิดถึงหม่าม้า ดึกดื่นไม่หลับไม่นอนแล้วยังมาที่ห้องเสี่ยวลิ่วลิ่วอีก แอบจุ๊บเสี่ยวลิ่วลิ่ว พูดกับเสี่ยวลิ่วลิ่วว่าคิดถึงหม่าม้า คงคิดว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วไม่ได้ยิน…”
“แคกแคก——” ใครบางคนที่กำลังกินข้าวถึงกับสำลัก!
คิดจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำข้างๆ แต่กลับพบว่าในแก้วไม่มีน้ำ
“ของฉันมี” เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอยื่นแก้วของเธอไปทันที อวี๋เยว่หานยกขึ้นจิบเหมือนจะคิดแต่ก็ไม่คิด
ผ่านไปสักพัก ทั้งสองต่างก็ชะงัก
อวี๋เยว่หานก้มมองแก้วที่อยู่ในมือ
นั่นเป็นแก้วของเธอ…
เธอดื่มไปแล้ว
แบบนี้พวกเขาก็จูบกันทางอ้อม?
ดวงตาดำขลับดูล้ำลึก
เหนียนเสี่ยวมู่เองก็คิดถึงปัญหาเดียวกัน พอคิดว่าตอนนี้ทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอาย เธอก็เอื้อมมือแตะจมูกพลางอธิบาย
“เมื่อกี้เป็นเหตุจำเป็น ฉันกลัวว่าคุณจะสำลักก็เลย…”
“อืม ผมเข้าใจ” อวี๋เยว่หานยื่นแก้วให้เธออย่างสุขุมและยังพูด “ขอบคุณ”
ทั้งสองกลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรจะคุยกัน
แต่เจ้าตัวป่วนอย่างเสี่ยวลิ่วลิ่วก็ได้ให้อวี๋เยว่หานสั่งพ่อบ้านอุ้มเธอออกไปก่อน
“ป่าป๊าได้หม่าม้าแล้วเมินเสี่ยวลิ่วลิ่ว…” หน้าประตูห้องอาหารมีเสียงพึมพำของเจ้าก้อนข้าวเหนียวน้อยลอยเข้ามา
ในห้องอาหารมีคนสองคนนั่งอยู่ ใบหน้าเผยอาการร้อนตัวที่อธิบายไม่ถูก
อันที่จริงเหนียนเสี่ยวมู่กินอิ่มแล้ว
ที่เธอไม่ลุกเป็นเพราะจากเขาไม่ลง อยากมองเขามากกว่านี้
อวี๋เยว่หานเองก็ดูออกว่าเธออิ่มแล้ว แต่เขาไม่ได้ถามอะไรเพราะอยากให้เธออยู่ข้างๆเขานานอีกหน่อย อยู่เป็นเพื่อนเขาทานข้าว
“เอาซุปสักถ้วยไหม?” อวี๋เยว่หานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางถามอย่างเรียบๆ
“อืม” เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นถ้วยตัวเองอย่างใจเย็น มองเขาตักซุปให้เธอ
เธอจิบคำเล็กแล้วแอบมองเขากินข้าวอย่างเงียบๆ
ท่วงท่าการกินข้าวของเขาดูดีมาก
ไม่มีท่าทางตะกละตะกลามเลยสักนิดและทำให้คนไม่รู้สึกถึงความจงใจ