ตอนที่ 279 เธอทำอะไรลงไป
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
นี่เขากำลังให้รางวัลเธอ หรือจงใจเหน็บแนมเธอกันแน่?
แต่พอเห็นตุ๊กตาตรงหน้า หัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นมาในทันที
เธอเหม่อไปหลายวินาที ถึงจะดึงสติกลับมาได้
เหนียนเสี่ยวมู่กะพริบดวงตาสดใสครั้งหนึ่ง แล้วยื่นมือไปหยิบตุ๊กตาหมูจากในกล่องออกมาอีกตัว ก่อนจะยัดเข้าไปในอกของเขา
“อืม นี่ก็ให้คุณ พ่อหมู!”
อย่างนี้ยุติธรรมแล้ว ไม่มีใครหัวเราะเยาะใคร
หางตาของเธอเหลือบเห็นสายตาอบอุ่นของเจ้าหน้าที่ เธอถึงจะรู้ตัวว่า เมื่อครู่เธอทำอะไรลงไป
เธอถือตุ๊กตาแม่หมู แต่กลับส่งตุ๊กตาพ่อหมูให้อวี๋เยว่หาน
ส่วนตุ๊กตาลูกหมูอยู่ในมือของเสี่ยวลิ่วลิ่ว…
ความเข้ากันแบบนี้ มองอย่างไรก็เหมือนครอบครัวพ่อแม่ลูกจริงๆ!
หญิงสาวใจสั่นขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามองอวี๋เยว่หาน
อวี๋เยว่หานเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเธอจะให้ตุ๊กตาพ่อหมูกับเขา ชายหนุ่มรับตุ๊กตาไว้ตามสัญชาตญาณ ก่อนที่นิ้วมือเรียวยาวจะจับตุ๊กตาหมุนดูรอบหนึ่ง แล้วถึงเลิกคิ้วมองเธอ
นัยน์ตาสีดำลุ่มลึก มุมปากยกโค้งเล็กน้อย เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ใช่
ราวกับว่าเข้าใจผิด แต่ก็เหมือนจะไม่ได้เข้าใจผิด
เหนียนเสี่ยวมู่ร้อนใจอยากอธิบาย “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ ก็คนละตัวพอใจ ฉัน…”
“คุณอวี๋กับคุณนายอวี๋รักกันดีจังเลยค่ะ มิน่าถึงได้เข้าขากันจนชนะหลายๆ เกมมาได้” คุณครูที่อยู่ข้างๆ จดบันทึกลงบนสมุด มองตุ๊กตาในมือของทั้งสองคน พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เข้าขากัน? ไม่จริงหรอก
พวกเขาชนะได้ เป็นเพราะวิธีเล่นเกมห่ามๆ ของเขาแท้ๆ เลย
“ถ้าพ่อแม่อยู่กับลูกได้มากๆ ก็จะเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้ลูกได้ค่ะ ดังนั้นโรงเรียนของพวกเราก็เลยจัดกิจกรรมคู่รักแบบนี้บ่อยๆ ยินดีต้อนรับทั้งสองคนมาเล่นอีกครั้งหน้านะคะ”
“…”
พอคุณครูพูดจบ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ก้มหน้าลงด้วยความอึดอัดทันที
พ่อของเด็กเป็นพ่อแท้ๆ
แต่แม่กลับเป็นแม่ปลอม
เธออยากอธิบาย แต่ไม่มีใครให้โอกาสเธออธิบายเลย
หญิงสาวลอบมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ครั้งหนึ่ง เขากลับมีสีหน้าสบายใจ
เขาไม่ได้ยินที่คุณครูพูดใช่ไหม
ทำไมเขาไม่มีความคิดที่จะอธิบายเลยสักนิด…
ปล่อยให้เสี่ยวลิ่วลิ่วเรียกเธอว่า ‘คุณนายอวี๋’
เสี่ยวลิ่วลิ่วยังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจว่าสามคำนี้หมายความว่าอะไร แต่เขารู้แน่นอน
เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่คิดถึงตรงใจ ในใจของเธอก็เหมือนมียุงหลายพันตัวมารุมกัดในทันที และรู้สึกว่าถามคำถามนี้ออกไปคงจะอึดอัดน่าดู
หรือเขาแค่อยากเอาใจลูกสาวเท่านั้น
ขอเพียงเสี่ยวลิ่วลิ่วดีใจ แค่คำเรียกคำเดียว ไม่จำเป็นต้องรีบให้เด็กหญิงแก้ไขหรอก…
หลังจากชมโรงเรียนอนุบาลจบ ผู้ช่วยก็ถือของเล่นไปไว้บนรถให้ก่อน และถือโอกาสเป็นคนขับรถด้วย
อวี๋เยว่หานอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่ว ส่วนเหนียนเสี่ยวมู่เดินเคียงข้างเขาอย่างเชื่องช้า
“พวกเราจะกลับบ้านกันตอนนี้เลยหรือเปล่า” เหนียนเสี่ยวมู่เอียงคอถาม
ชมโรงเรียนอนุบาลเสร็จแล้ว พวกเขาน่าจะว่างแล้วสินะ
“ยังไม่กลับ” อวี๋เยว่หานอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วด้วยมือข้างเดียว พร้อมทั้งก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เสียงน่าดึงดูดของเขาดังขึ้นอยู่ข้างๆ หูเธอ
“ไปโรงหนังกัน”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” ??
เขาพูดผิด หรือเธอหูฝาด?
พวกเขา…จะไปดูหนังด้วยหัน?
เมื่อสังเกตเห็นว่าคนข้างๆ มีปฏิกิริยาแปลกไป อวี๋เยว่หานพลันชะงักฝีเท้า และหันมามองเธอครั้งหนึ่ง
ชายหนุ่มมองใบหน้างุนงงของเธอ แล้วหลุบตาลง และเอ่ยปากอย่างเรียบเฉยไปพร้อมๆ กัน
“ไปดูหนังเด็กกับเสี่ยวลิ่วลิ่ว”
“…”
ที่แท้ก็ไปเป็นเพื่อนเสี่ยวลิ่วลิ่วนี่เอง
ก็ถูกต้องแล้ว เมื่อกี้คุณครูพูดไว้ว่า พ่อแม่ต้องอยู่กับลูกมากๆ ถึงจะเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้พวกเขาได้
เอ๋?
เมื่อครู่เขาได้ยินที่คุณครูพูดเหรอ
ตอนที่ 280 ข้ออ้างนี้คุ้นๆ อยู่บ้างนะ
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง เธอคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผู้ช่วยก็ขับรถมาที่หน้าประตูแล้ว
หลังจากเปิดประตูรถ อวี๋เยว่หานก็ส่งสัญญาณให้เธอขึ้นรถก่อน
เมื่อเธอนั่งเรียบร้อย เขาถึงจะวางเสี่ยวลิ่วลิ่วไว้ในอกของเธอ แล้วตามเข้ามานั่งในรถ
จากนั้นเขาก็รับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คจากมือของผู้ช่วย และเริ่มจัดการเอกสาร
คำพูดของเหนียนเสี่ยวมู่ติดอยู่ในลำคอ
เธอมองชายหนุ่มที่กำลังยุ่ง สายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย…
หญิงสาวรู้สึกว่าเขาเย็นชามาโดยตลอด เหมือนกับก้อนน้ำแข็ง
แต่ยิ่งได้ใกล้ชิดก็ยิ่งพบว่า นอกจากความเย็นชาแล้ว เขายังซ่อนฝีมือพูดจาจิกกัดเอาไว้ด้วย
และขณะที่เธอรู้สึกแย่กับเขาอย่างถึงที่สุด ก็พบว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้เย็นชาและไร้ความรู้สึกขนาดนั้น
เขาให้เธอยืมเงินด้วย
งานยุ่งขนาดนี้ ยังเจียดเวลาเลือกโรงเรียนอนุบาลเป็นเพื่อนเสี่ยวลิ่วลิ่วด้วยตนเอง
ประธานบริษัทตระกูลอวี๋อันยิ่งใหญ่ เข้าร่วมเกมสำหรับเด็กเพื่อของเล่นไม่กี่ชิ้น…
ตอนนี้จะไปดูหนังกับเสี่ยวลิ่วลิ่วอีก
เขารักเสี่ยวลิ่วลิ่วมากจริงๆ
เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไป แต่มองเขาแล้วก็เคลิบเคลิ้มไป…
ที่นั่งในรถกว้างขวางมาก
อวี๋เยว่หานนั่งอยู่ตรงที่เขาเคยชิน ตรงหน้าวางคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คไว้เครื่องหนึ่ง ร่างกายพิงบนประตูรถเล็กน้อย
ชายหนุ่มเพิ่งจะเปิดอีเมล และพบว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเขาอยู่
ในรถมีอยู่เพียงไม่กี่คน
ไม่ต้องหันไปมอง เขาก็รู้ว่าเป็นใคร
ทีแรกเขาคิดว่าเธอแค่มองเพียงพักเดียว ก็จะเลื่อนสายตาออกไป ทว่าเขารออยู่นานแล้ว สายตาคู่นั้นเหมือนไม่คิดที่จะเบนออกไปแม้แต่น้อย
เอาแต่จ้องมองเขาด้วยสายตาเป็นประกายอยู่ตลอด
อวี๋เยว่หานจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่กลับไม่มีสมาธิเพราะสายตาคู่นั้น
แม้แต่ตรงหน้าอก ก็เหมือนมีอุ้งเท้าแมวมาเขี่ยเบาๆ
เขาหรี่นัยน์ตาสีดำขลับลง ก่อนจะมองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่
เดิมทีคิดว่าจะเห็นเธอมองตนเองด้วยสีหน้าชื่นชมอยู่
แต่ใครจะรูว่าเขาเพิ่งหันหน้าไป ฝ่ามือข้างหนึ่งก็ฟาดลงบนหน้าเขาแล้ว!
“คุณอย่าขยับสิ มียุง!”
อวี๋เยว่หาน “…”
“ขอโทษที ตบไม่โดนน่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่เหลือบมองเขาด้วยความไม่มั่นใจครั้งหนึ่ง ก่อนจะหดมือกลับไปอย่างเก้ๆ กังๆ
หลังจากได้สบสายตามืดมนของเขา เธอพลันอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วในอกหลบเข้าไปอยู่ในมุม
อวี๋เยว่หาน “…”
เธอเป็นเด็กขี้แกล้งที่สวรรค์ส่งมาให้เขาเหรอ
เขาไม่เห็นยุงสักตัว เห็นแต่ฝ่ามือข้างหนึ่งประทับบนใบหน้าของเขา
เธอตีเขา!
“เอี๊ยด” รถจอดได้ทันเวลา
ผู้ช่วยหันหน้ามาเตือน “คุณชายครับ ถึงโรงหนังแล้ว”
อวี๋เยว่หานยังไม่ทันได้พูดอะไร เหนียนเสี่ยวมู่ก็เปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วพุ่งลงจากรถราวกับหนีตาย
เธอยืนอยู่ที่ทางเข้าโรงหนัง พลางตะโกนเรียกเขา “วันหยุดคนเยอะมาก ฉันเข้าไปต่อแถวซื้อตั๋วก่อนนะ”
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ความจริงแล้วคุณไม่ต้อง…” ผู้ช่วยอยากเตือนเธอ ว่าโรงหนังเป็นธุรกิจในเครือของตระกูลอวี๋ ทว่าอวี๋เยว่หานก็เหลือบมองเขาอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง
ผู้ช่วยตัวสั่นทั้งตัวในทันที
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็หยุกชะงักไป
แสร้งเป็นว่าเมื่อครู่ตนเองไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น
ผู้ช่วยมองอวี๋เยว่หานลงจากรถอย่างไม่รีบร้อน และมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังต่อแถมอยู่หน้าห้องขายตั๋ว ชายหนุ่มเดินล้วงกระเป๋าเสื้อกันลมด้วยมือข้างเดียวไปหาเธอ
อวี๋เยว่หานรับเสี่ยวลิ่วลิ่วมาจากในอกของเธอ ให้พวกเธอบังอยู่ข้างหน้าตนเอง
เมื่อเงาร่างสูงศักดิ์ปรากฏขึ้น ก็เรียกเสียงฮือฮาจากรอบๆ ได้ระลอกหนึ่ง
“หล่อจังเลย! ดูเร็วๆ โคตรหล่อ!”
“เธอเห็นเขาอุ้มลูกหรือเปล่า ดูก็รู้ว่ามีลูกแล้ว!”
“อย่าพูดมั่ว คนหล่อที่หนุ่มขนาดนี้ จะมีลูกได้ยังไง นั่นต้องเป็นน้องสาวของเขา…”