“อ๊าก….. ! !” จูจงป้าร้องเสียงหลงราวกับสุกรถูกเชือดขณะที่ร่างของมันถูกเตะส่งกระเด็นออกไป
มันกระถดถอยร่นไปด้านหลังพลางฉวยคว้าเอาแส้ออกมาจากธำมรงค์มิติเวทอย่างลนลาน แม้เกอซีจะไม่มีทักษะพลังฝีมือหรือระดับกำลังปราณในขั้นเดียวกับจูจงป้าแต่ถึงกระนั้นนางกลับสามารถทำให้มันต้องต่อสู้อย่างลุกลี้ลุกลนในสภาพที่มึนงงสับสนไม่แน่ใจว่าตนกำลังเผชิญอยู่กับสิ่งใด
เกอซีปราดเปรียวว่องไว แส้ของจูจงป้าไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนใดให้แก่นาง หากแต่ปลายแส้กลับมีกลิ่นอายพลังอันเยียบเย็นกระตุ้นให้นางสะดุดในใจ
นางเลี่ยงหลบออกด้านข้างด้วยการเคลื่อนกายที่รวดเร็วจนแทบจะมองไม่ทัน ฝ่ามือตวัดขึ้นคว้าแส้ของจูจงป้าก่อนจะกระตุกมันใส่บุรุษเจ้าเนื้อนับครั้งไม่ถ้วน
ปลายแส้ถูกสะบัดใส่จูจงป้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งก่อให้เกิดความหวาดกลัวอย่างสุดแสน มันส่งเสียงร้องโอดครวญจนสุ้มเสียงแหบแห้ง
เกอซีหยักยิ้มอย่างเยาะหยันเมื่อได้เห็นสภาพสุกรอ้วนกลิ้งเกลือกไปมาบนพื้นอย่างน่าสลดสังเวช “แส้ดี ! ของดี ๆ เช่นนี้ต้องมาอยู่ในมือของเจ้าช่างสูญค่าเสียจริง”
หากนางคาดเดาไม่ผิด แส้ชิ้นนี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาจากกระดูกสัตว์ สีของตัวแส้ขาวใส แม้จะเหนียวและแกร่งหากแต่กลับมีความยืดหยุ่น ตะขอคมที่ปลายแส้สามารถยืดขยายได้อย่างอิสระเสรี นางเจอเข้ากับสมบัติที่น่าชื่นชมเสียแล้ว
อีกด้านหนึ่งเหล่าอารักขาด้านนอกเร่งรุดเข้ามาทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องเห่าหอนอย่างน่าอนาถจิตของจูจงป้า
อารักขาที่ก้าวเข้ามาถึงภายในห้องก่อนเป็นคนแรกย่อมต้องเป็นผู้มีพลังฝีมือในระดับขั้นปฐมภูมิโลกันตร์อย่างแน่แท้ มุมปากของเกอซีแย้มยกขึ้น แท่งเข็มเงินไร้เงาเตรียมพร้อมรอต้อนรับทุกผู้คนอยู่ในฝ่ามือ ไม่ทันไรเหล่าแท่งเข็มทั้งหมดถูกซัดกระหน่ำเข้าใส่อารักขาผู้นั้นประดุจดังห่าฝน
“อ๊าก ! กำลังปราณของข้า เหตุใดข้าไม่อาจโคจรพลังได้ ?”
“นางปีศาจ เจ้าเล่นเล่ห์กลใดกับพวกเราอีก ?”
เหล่าผู้มีพลังยุทธทั้งหลายทั่วทั้งเรือนแห่งนี้ได้เข้ามาประชุมรวมกันในที่นี้เพื่อให้การช่วยเหลือจูจงป้า เช่นนั้นแล้วแท่งเข็มเงินไร้เงาหาได้ถูกซัดเข้าใส่จุดตันเถียน*ของเหล่าอารักขาทั้งสี่ผู้มีพลังวิชาอยู่ในระดับกำลังปราณขั้นปฐมภูมิโลกันตร์เท่านั้น หากแต่พวกมันถูกซัดทะลวงสะกัดจุดตันเถียนของเหล่าผู้มีพลังฝีมือในระดับขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มทั้งหมดที่เร่งรุดเข้ามาด้วยเช่นกัน ส่งผลให้พวกมันทั้งหมดไม่อาจใช้พลังวิชาของตนเองได้เลย
*จุดตันเถียน = จุดรวมพลังซึ่งอยู่ใต้สะดือลงไป 2-3 นิ้ว
ฝ่ามือของเกอซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย กลิ่นหอมรัญจวนที่บางเบาฟุ้งกำจายลอยล่องแทรกไปในอากาศ
แม้บรรดาอารักขาทั้งหลายจะยังคงเจ็บแค้นต่อความอยุติธรรมที่พวกมันต้องสูญเสียพลังยุทธไป หากแต่พวกมันทั้งหมดกลับรู้สึกอ่อนแรง ไร้สิ้นกำลังกระทั่งร่างทั้งร่างทรุดลงกระแทกผืนพสุธา
ยามนี้พวกมันไร้สิ้นกำลังจะขัดขืน อับจนหนทางด้วยมิอาจเหลือแรงพลังใดแม้เพียงการเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือก็ยังไม่อาจกระทำได้
เกอซีหยิบแผ่นป้ายทัณฑ์พิฆาตที่ตกอยู่กับพื้นเก็บเข้าไปในมิติเวทของตน ก่อนจะค่อย ๆ ย่างสามขุมอย่างแช่มช้าพร้อมมุมปากทีโค้งขึ้นด้วยรอยแย้มยิ้มอย่างเป็นลางร้าย
ใบหน้าอูมอืดราวกับศีรษะสุกรของจูจงป้าบวมเป่งไปด้วยรอยฟกช้ำสีม่วงเป็นจ้ำ ๆ ประสมกับริ้วบากสีแดงเป็นสายจากรอยลงแส้ นัยน์ตาของมันตื่นกลัว “กูเหนียง*น้อย ท่านผู้กล้า ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยผิดไปแล้ว โปรดละเว้นข้าน้อยด้วยเถิด ! !”
*กูเหนียง = แม่นาง ใช้เรียกสตรีที่ยังไม่ออกเรือน
เกอซีย่อกายลงนั่งอย่างนุ่มนวลก่อนจะค่อย ๆ เหยียดแขนออกใช้ฝ่ามือตบลงบนใบหน้าอูม ๆ ของสุกรอ้วนจูจงป้าอย่างแผ่วเบา
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้ามันไอ้สุกรอ้วนอืดตายซาก หากเจ้าชื่นชอบความเจ็บปวดนัก ไยเจ้าไม่เหิมเกริมเช่นเดิมอีกเล่า ? เจ้าหมายจะใช้ประโยชน์จากร่างของข้า ! เจ้าคิดว่าตนมีคุณสมบัติเพียงพอหรือยังเล่า ?”
“ข้ามิกล้า ! ! ฮือ ฮือ ฮือ ! ! ข้ามิกล้าอีกแล้ว ! !”
ยิ่งได้เห็นจูจงป้าร่ำไห้น้ำมูกน้ำตาไหลท่วมเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าอูม ๆ นั้นเกอซีกลับยิ่งขยะแขยงสายตา
“สายไปเสียแล้ว ! เจ้ากระตุกหนวดเสือแล้วยังคิดว่าตนจะรอดพ้นไปได้อย่างลอยนวลเช่นนั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”
เกอซีเหนื่อยหน่ายกับจูจงป้าจอมขี้แยผู้นี้แล้ว นางออกแรงเตะบุรุษเจ้าเนื้อจนหมดสติไป ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาเหล่าอารักขาทั้งสี่ที่นอนระเนระนาดราวกับสุกรตายซาก
“ไม่ใช่พวกเจ้ากระนั้นหรือที่เอ่ยว่า จะให้ข้าได้ลิ้มรสชาติแห่งการมีชิวิตอยู่ที่มิสู้ตาย ?”
รอยยิ้มยโสของดรุณีน้อยนั้นฉาบทาไปด้วยอาการแย้มสรวลแห่งหมู่ปีศาจผู้เป็นอมตะ กลิ่นอายแห่งความเย็นยะเยือกอำมหิตจับจิตฉายพาดผ่านนัยน์ตาคู่นั้นกระทั่งทำให้พวกมันทั้งหมดจิตใจกระเจิงด้วยความตื่นกลัว
“เจ้า…..เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร ?” เหมือนจะมีใครบางคนในกลุ่มอารักขาที่ยังกระทำตนใจกล้า หากแต่ภายในใจกลับยังคงหวาดผวาไม่สิ้นสุด “พวกเราคือคนของสกุลจู ตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในอาณาจักรจิงหลิง หากเจ้ากล้าแตะต้องคุณชายจูและพวกเรา ก็เท่ากับเจ้าได้ประกาศตนเป็นปรปักษ์กับตระกูลจูเช่นกัน !”
“ถูกแล้ว ! จะจัดการเจ้าหาใช่เรื่องที่ยากเย็นแต่ประการใด เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่ผู้ไร้วรยุทธสามัญธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น ! หากเรารู้เรื่องของเจ้าอย่างละเอียดก่อนหน้านี้มีหรือจะติดกับเจ้าเช่นนี้ ! สกุลจูมากไปด้วยผู้มีพลังฝีมือที่สูงส่งไหนเลยมดปลวกที่ไร้พลังยุทธเช่นเจ้าจะอยู่ในสายตา ถึงเวลานั้นคนไร้ฝีมือเช่นเจ้าหรือจะกระทำสิ่งใดกับพวกเราได้ !”
“ปล่อยพวกเราไป หาไม่แล้วเจ้าจะต้องเผชิญกับศึกใหญ่เป็นแน่ !”
สุ้มเสียงที่ขู่เข็ญกรรโชกของเหล่าอารักขาพวกนั้นแฝงไว้ด้วยความดูแคลนในอิสตรีแสนธรรมดาผู้ไร้พลังฝีมือเยี่ยงนาง
เกอซีส่งเสียงหัวร่อที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมา เจ้าพวกกากเดนไร้สามารถเหล่านี้หากมิใช่ด้วยอาศัยพลังฝีมือที่ตนมีแล้วพวกมันยังจะสามารถรังแกผู้อื่นได้อีกกระนั้นหรือ ?
สุ้มเสียงนั้นกระแทกกระทั้นจิตใจให้เจ็บปวดด้วยความเหน็บหนาวประดุจดั่งเสียงกระซิบเพรียกจากขุมเพลิงนรกโลกกันต์ “วางใจเถิด ข้าจะไม่สังหารพวกเจ้า”
***จบตอน วางใจเถิด ! ข้าจะไม่สังหารพวกเจ้า***