“ช้าก่อน” น้ำเสียงใสกระจ่างไพเราะดังขึ้น
สุ้มเสียงนั้นไม่กระชากรุนแรงหากแต่นิ่งสงบ ทว่ามันกลับดังก้องสะท้อนเข้าไปถึงโสตประสาทผู้คนทำให้บ่าวรับใช้ทั้งสองชะงักนิ่งทันที
เกอซีแหงนเงยใบหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันอ่อนบาง แววตาที่ล้ำลึกเยือกเย็นจับจ้องไปยังสีหน้าที่ตื่นตกใจของฮูหยินน่าหลาน “กล่าวกันว่าฮูหยินน่าหลานคือผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมทั้งยังสูงศักดิ์สง่างาม แล้วเหตุใดเกอซีจึงได้เห็นฉากนองเลือดทันทีที่เหยียบเยือนมาถึงเล่า ? เกอซีขวัญอ่อนยิ่งนัก หากเรือนน่าหลานน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ เกอซีคงต้องขอกลับไปอยู่เรือนหลังน้อยเช่นเดิมจะดีกว่า”
ดวงตาของฮูหยินน่าหลานเบิ่งกว้างด้วยแทบไม่เชื่อหูว่าน่าหลานเกอซีจะขวัญกล้าเอ่ยกล่าวกับนางเช่นนี้
นี่……คนผู้นี้คือน่าหลานเกอซีจริงล่ะหรือ ?
เกอซีหรือจะแยแสต่อความรู้สึกนึกคิดของฮูหยินน่าหลาน หญิงสาวเพียงเดินออกไปคว้าแขนแม่นมเฉินมาจากบ่าวรับใช้ทั้งสองก่อนจะช่วยประคองนางให้ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
บ่าวรับใช้ทั้งสองรับรู้ได้ว่าฝ่ามือที่จับกุมแม่นมเฉินอยู่ถูกปลดคลายออกไปอย่างรวดเร็ว มิรู้ว่าด้วยเหตุใดเมื่อครู่มันทั้งคู่พลันรู้สึกเจ็บแปลบลงไปถึงข้อศอก ทั่วทั้งร่างรู้สึกด้านชา มันไม่อาจเคลื่อนไหวได้แม้เพียงก้าว หญิงชราในมือถูกคว้าปลดออกไปจากฝ่ามือของพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ใบหน้าของแม่นมเฉินชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา สีหน้าที่มองมายังเกอซีนั้นระคนปนเปไปด้วยความรู้สึกสำนึกเสียใจ และผิดหวังชอกช้ำ
ในที่สุดเพิ่งจะยามนี้เองที่นางกระจ่างแจ้งแล้วแก่ใจว่าคนเหล่านี้มิได้ต้องการมารับตัวคุณหนูของนางกลับไปเพื่อให้คุณหนูมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย หากแต่ตรงกันข้ามพวกมันหมายจะทุ่มนางเข้าสู่กองเพลิงมากกว่า นางช่างโง่งมงายคอยแต่เฝ้าพูดจาหว่านล้อมกล่อมคุณหนูให้ยอมกลับมายังเรือนใหญ่น่าหลาน นางเป็นผู้ผลักไสคุณหนูมาสู่ภัยอันตรายโดยแท้
“คุณหนู บ่าว…..”
เกอซีตบแขนแม่นมเฉินเบา ๆ นางถ่ายทอดพลังเสียงไปสู่แม่นมเฉิน “เจ้ามารร้ายพวกนี้ไม่พอมือข้าหรอก ข้าเพียงอยากให้แม่นมเฉินได้เห็นธาตุแท้ของพวกมัน ครานี้ แม่นมต้องเชื่อคำข้า อย่าได้ไว้ใจคนจากเรือนแห่งนี้อีก แม้กระทั่งน่าหลานเจิ้งเจ๋อ……แม่นมก็จงอย่าได้ไว้วางใจ แม่นมท่านทำได้หรือไม่ ?”
แม่นมเฉินผงกศีรษะซ้ำไปมา นางจะวางใจเชื่อถือคนจากเรือนแห่งนี้ได้อย่างไร ?
เกอซีพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ นางไม่เคยตำหนิแม่นมเฉินที่อยากจะให้นางได้กลับคืนสู่เรือนใหญ่น่าหลาน
นั่นด้วยเพราะหน้าฉากดูราวกับว่าเรือนใหญ่น่าหลานจะคอยส่งสิ่งของเครื่องจำเป็นน้อยใหญ่ทั้งหลายมาให้แก่เกอซีเสมอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่วนการที่เรือนใหญ่ขับนางให้ไปอยู่อาศัยในเรือนน้อยห่างไกลที่ไม่มีแม้กระทั่งพลังชีวิตในละแวกนั้นก็ด้วยเพราะนางเส้นชีพจรพิการ การจะอยู่ในสถานที่อันอุดมไปด้วยพลังชีวิตหรือไม่นั้นย่อมไม่มีผลต่อนางทั้งสิ้น
ยังอีกทั้งน่าหลานเจิ้งเจ๋อเคยออกคำสั่งกำชับห้ามผู้ใดทำร้ายน่าหลานเกอซีให้ถึงแก่ชีวิต จึงทำให้แม่นมเฉินและน่าหลานเกอซีเจ้าของร่างเดิมหลงผิดคิดว่าผู้เป็นบิดายังคงมีเยื่อใยไมตรีต่อสายสัมพันธ์แห่งเลือดเนื้อเชื้อขัย
เพียงทว่าเกอซีกลับเยาะหยันต่อความคิดเช่นนั้น หากน่าหลานเจิ้งเจ๋อเห็นแก่สายสัมพันธ์ทางสายเลือดจริง เขาจะตัดใจขับบุตรสาวของตนเองให้ไปอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกลเช่นนั้นโดยไม่มาเยี่ยมเยือนหรือห่วงกังวลต่อสุขทุกข์ของนางมาตลอดหลายปีเช่นนี้ล่ะหรือ ? หึหึ เห็นทีความรู้สึกที่บิดาผู้นี้มีต่อบุตรสาวจะย่ำแย่เกินกว่าจะคาดคิดได้มากกว่ากระมัง
ส่วนเรื่องที่เขาไม่ให้ผู้ใดทำร้ายน่าหลานเกอซีให้ถึงแก่ชีวิตนั้นคงด้วยเพราะนางยังพอจะมีประโยชน์บางประการอยู่บ้าง น่าหลานเจิ้งเจ๋อ ท่านหมอผู้นี้ดูจะแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่แสนดีสูงส่งดั่งที่เขาวาดภาพลักษณ์ไว้ภายในใจของผู้คน
เกอซีบิดกายกลับมาจึงเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของฮูหยินน่าหลาน หญิงสาวอดมิได้ที่จะเผยรอยยิ้มอันอ่อนบางขึ้น
ใบหน้าของฮูหยินน่าหลานบิดเบ้ หากแต่เพียงครู่นางกลับสามารถปั้นใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความห่วงใย และสายตาตำหนิให้กลับคืนมาอีกครั้งด้วยความยากลำบาก “เกอซี เจ้ายังเยาวว์วัยนัก ยังไม่รู้จักความน่าชังของบ่าวชั่วร้ายพวกนี้ เจ้ากำลังถูกพวกมันปั่นหัว แม่นมเฉินผู้นี้น่าชังนัก ข้าไม่อาจวางใจให้นางรั้งอยู่ข้างกายเจ้าได้ หากเจ้าต้องการบ่าวรับใช้ ในเรือนแห่งนี้ย่อมมีอยู่มากมาย ข้าจะส่งซือลู่ บ่าวรับใช้ที่ข้าภูมิใจให้ไปอยู่รับใช้เจ้าแทน”
***จบตอน มารร้ายแห่งน่าหลาน***