เพียงทว่า ภายหลังจากนั้น ?
ภายหลังจากนั้น นางได้สูญเสียพี่ชายเพียงผู้เดียวไปตลอดกาล
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่นองด้วยน้ำตาท่ามกลางการร่ำไห้ปานจะขาดใจของเด็กสาวตรงหน้าแล้ว เกอซีตัดสินกับตนเองได้ทันทีว่านางไม่ต้องการให้เด็กสาวผู้นี้ต้องประสบชะตากรรมเฉกเช่นเดียวกับพี่ชายของนาง
ทุกผู้คนที่รายล้อมอยู่โดยรอบรวมไปถึงผู้ดูแลโจวล้วนจับจ้องเกอซีด้วยความฉงนสงสัยและเคลือบแคลงใจ ทว่า ! เกอซีผู้นี้หรือจะแยแสต่อสายตาผู้ใด
หญิงสาวลงนั่งยองด้านข้าง รวบมือของหนุ่มน้อยเข้ามา ขณะที่ปลายนิ้วทั้งสามจรดลงไปที่ข้อมือนั้นเพื่อสัมผัสรับรู้ถึงการเต้นของชีพจรอย่างนิ่งสงบ
รัศมีสีแดงเหลือบทองยามอาทิตย์อัศดงจับต้องท่อนแขนที่เนียนละเอียดได้รูปของหนุ่มน้อยเกอซีให้ยิ่งสง่างามชวนมอง แสงตะวันช่วยขับส่งปลายนิ้วได้ส่วนประดุจชิ้นหยกที่สลักเสลางดงามอย่างวิจิตรให้ยิ่งเด่นสะดุดสายตา ไม่อาจมีผู้ใดล่วงรู้ได้อย่างแท้จริงว่าหนุ่มน้อยผู้นี้กำลังทำสิ่งใดอยู่
เป็นไปได้หรือที่เขากำลังตรวจวินิจฉัยอาการเจ็บป่วย คนผู้นี้ไม่จำเป็นต้องใช้กระแสพลังปราณในการสำรวจอวัยวะภายในและสัมผัสรู้ถึงกระแสพลังชีวิตตลอดถึงการไหลเวียนของพลังปราณในร่างของผู้ป่วยกระนั้นหรือ ? ตลอดทั่วทั้งรางของหนุ่มน้อยผู้นี้ไม่มีกระแสพลังปราณใดปลดปล่อยไหลเวียนออกมาเลย เขาจะรักษาผู้ป่วยได้อย่างไร ?
หนุ่มน้อยผู้นี้คงเพียงแค่ต้องการกระทำตนให้โดดเด่นท่ามกลางฝูงชนเท่านั้นใช่ไหม ?
สายตาทุกคู่ที่จับจ้องมายังเกอซีนั้นมีแต่ความรังเกียจแม้กระทั่งร่องรอยแห่งความดูหมิ่นเย็นชายังฉายพาดผ่านดวงตาของท่านหมอเซียออกมา
เด็กที่เส้นผมยังไม่งอกเงยเต็มที่ผู้นี้*หาญกล้าไม่ให้เกียรติต่อวาจาของเขา เท่ากับมันร่ำร้องเรียกหาความตายโดยแท้ !
*เด็กที่เส้นผมยังไม่งอกเงยเต็มที่ หมายถึง ผู้ที่เพิ่งเริ่มเข้าวัยหนุ่มสาว*
เกอซีตรวจดูความเป็นไปของเส้นชีพจรของหนุ่มน้อยผู้นี้อยู่นานช่วงหนึ่งการแผดเผาก้านธูปกระทั่งทุกคนเริ่มหมดสิ้นความอดทนในการรอคอย นางจึงลดท่อนแขนหนุ่มน้อยผู้นั้นลง ก่อนจะเอ่ยกล่าวกับเด็กสาวในที่สุด “วางใจเถิด ข้าสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของพี่เจ้าได้”
เด็กสาวผู้นั้นต้องตะลึงงันทันทีที่ถ้อยคำเหล่านั้นตกกระทบหู ริมฝีปากทั้งคู่สั่นระริกกล่าววาจาใดไม่ออกอยู่นาน
หากทว่าทุกคนจะเชื่อถือในถ้อยคำของนางได้อย่างไร แต่ละคนล้วนพากันเย้ยหยันว่านางคือผู้ไม่รู้จักความละอาย กล่าวคำโตไม่อิงความเป็นจริง
กระทั่งผู้ดูแลจิ๋นที่ยืนอยู่หลังท่านหมอเซียยังปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น น้ำเสียงตะคอกของเขาเฉียบคม “เจ้าหนูผู้ยโสโอหังคนนี้โผล่มาจากไหนกัน เส้นผมยังไม่ทันจะงอกเงยออกมาเต็มที่ยังขวัญกล้าเอ่ยวาจาโป้ปดในที่นี้เชียวรึ ! เจ้าไม่ได้ยินหรือว่าท่านหมอเซียกล่าวแล้วว่าแม้กระทั่งท่านก็ไม่อาจรักษาอาการเจ็บป่วยของเด็กคนนี้ได้ ? เจ้าคิดว่าตนเป็นใคร เจ้ามีระดับความสามารถในการรักษาสูงส่งไปกว่าท่านหมอเซียกระนั้นรึ ?”
เกอซีหาได้นำพาต่อผู้คนทั้งหลายที่ถากถางประณามหยามหมิ่นตน หญิงสาวเพียงเอ่ยออกไปด้วยท่าทีเฉยชา “ข้าไม่มีระดับการรักษาใด”
ทันทีที่ทุกคนได้ยิน เสียงหัวเราะสะท้อนก้องดัง ขณะที่บางพวกกำลังตำหนินางที่เอาชีวิตผู้คนมาเป็นเครื่องเล่น
แม้วาจารวมไปกระทั่งท่าทีของผู้ดูแลโจวจะไม่เลวร้ายเมื่อเทียบกับผู้อื่น หากแต่เขายังพยายามให้คำแนะนำแก่เกอซี “คุณชายน้อยผู้นี้ คำวินิจฉัยของผู้ที่เป็นหมอนั้นเกี่ยวพันกับชีวิตความเป็นตายของผู้คนสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ผู้วินิจฉัยย่อมไม่อาจปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีส่วนเกี่ยวพันกับการตัดสินใจ หาไม่แล้วย่อมลงมือรักษาผู้ป่วยอย่างสะเพร่าซึ่งอาจเกิดความผิดพลาดได้ อีกทั้งอาการของผู้ป่วยที่มีเส้นชีพจรลมปราณฉีกขาดนั้น ตั้งแต่ครั้งโบราณก็ยังไม่อาจมีผู้ใดสามารถเยียวยารักษาได้ เจ้ารีบกลับบ้านไปเสียเถิด !”
เกอซีเงยหน้าขึ้นสบสายตาชายวัยกลางคน ใบหน้าของนางแสดงให้เห็นถึงท่าทีค่อนข้างให้ความนับถือต่อผู้อยู่เบื้องหน้า หญิงสาวค่อย ๆ เอ่ยคำ “ข้าย่อมตระหนักดีว่า คำวินิจฉัยของผู้ที่เป็นหมอนั้นเกี่ยวพันกับความเป็นความตายและมิใช่สิ่งที่ง่ายดายเลย เช่นนั้นแล้ว ข้าจึงไม่เคยกล่าวคำเกินกว่าความเป็นจริง”
ได้ยินเช่นนั้น ท่านหมอเซียพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน “โลกนี้ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีพวกที่ชอบประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินจริง พวกคนประเภทนี้มักชอบกล่าวโอ้อวดเพื่อแสวงหาชื่อเสียง ให้แก่ตน เมื่อเจ้ากล่าวว่าเจ้าสามารถกระทำการรักษาเด็กคนนี้ได้ เช่นนั้นพวกเราย่อมไม่ขัดขวางเจ้า แต่หากการรักษาของเจ้าไม่ถูกต้อง หากเจ้าไม่มีแม้เพียงความสามารถพื้น ๆ ในการรักษา ข้าย่อมต้องนำเจ้าส่งให้สหพันธ์แพทย์เป็นผู้ลงมือตัดสินในฐานะที่เจ้ากล้าปลอมแปลงเป็นหมอเที่ยวรักษาผู้คน”
ในทวีปมี๋หลัวแห่งนี้ ฐานะศักดิ์และค่าตอบแทนจากการเป็นหมอขั้นสูงนั้นนับได้ว่าสูงส่งอย่างยิ่งยวด แค่เพียงหมอในระดับขั้นที่หนึ่งซึ่งนับว่ามีความสามารถในการรักษาต่ำเตี้ยที่สุดยังแทบจะไม่อาจพบเจอได้ในพื้นที่อันห่างไกล จึงทำให้ผู้คนมากมายปลอมตัวเป็นหมอเพื่อหลอกลวงผู้อื่น
เช่นนั้นแล้ว เพื่อให้สถานการณ์วุ่นวายเหล่านั้นคลี่คลายลง ทุกภูมิลำเนาจึงมีบทลงโทษอย่างรุนแรงต่อผู้ที่ปลอมแปลงตนเองเป็นหมอเที่ยวแสร้งทำทีรักษาผู้คน โทษทัณฑ์ของความผิดนี้ร้ายแรงยิ่งนัก นั่นคือนักโทษจะถูกบั่นนิ้วออกทั้งหมด ทำลายพื้นฐานพลังยุทธ และถูกลงโทษให้ไปใช้แรงงานอย่างหนักในเหมืองผลึกหินตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่
ทว่าสีหน้าของเกอซีกลับไม่แปรเปลี่ยนไปแม้เพียงน้อย อีกทั้งตลอดช่วงเวลาที่รับฟัง สายตาของนางยังคงเหลือบมองมาทางท่านหมอเซียด้วยแววตาที่เยียบเย็น “โอ ? เช่นนั้นหากข้าสามารถรักษาเขาได้เล่า ?”
***จบตอน หากรักษาได้เล่า ?***