ใบหน้าของเกอซียามนี้ยังคงความเจิดจรัสเพริศแพร้วงดงามอย่างหาใดเปรียบปาน เมื่อหน้ากากหนังมนุษย์ถูกปลดออกจากดวงหน้า ปลายเส้นผมพริ้วสยายระไล้ไสวไปกับสายลม ปราดสายตามองแค่เพียงครั้ง ชิงหลงย่อมสามารถบอกได้ทันทีว่าคนผู้นี้คือท่านหมอซียอดอัจฉริยะ……และ….นาง…..คืออิสตรี !
ไม่เพียงแค่นั้น ดวงหน้านั้นยังครอบครองความงดงามอันเปี่ยมอานุภาพแห่งการครอบงำทำลายที่สามารถพลิกมหานครอันยิ่งใหญ่ให้ล่มสลายลงไปได้เพียงพริบตา ! ทั้งยิ่งน่าปลาบปลื้มชื่นชมเมื่อได้ล่วงรู้ว่านางคือสาวน้อยร่างบางผู้ครอบครองความสามารถเชิงโอสถ ทักษะการแพทย์อันสูงส่งอย่างมิอาจมีผู้ใดเทียบเทียม !
ชิงหลงทำได้เพียงกระดกกล้ำกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบากด้วยความรู้สึกเหน็บหนาว ทว่าภายนอกยังคงความสุขุมเยือกเย็น กระทั่งที่สุดเขากลับต้องโพล่งเสียงออกไปอย่างมิอาจระงับความรู้สึกภายในใจตนได้ “ท่านหมอซียอดอัจฉริยะคืออิสตรี !”
เช่นนั้นมิสงสัยเลย ! มิสงสัยว่าเหตุใดนายท่านจึงเอาใจใส่รักใคร่ดูแลนางเป็นที่ยิ่ง มิสงสัยเลยว่าเหตุใดนายท่านจึงกระทำ…..กับนางเช่นนั้น..….บนรถม้า…….
เพียงปรายตามองแค่ครั้ง จูเฉวี่ยผู้ยืนอยู่อีกด้านย่อมสามารถจดจำเกอซีผู้นี้ได้ทันที ทว่าเมื่อสายตาของนางจับจดจ่ออยู่ที่ดวงหน้าอันงดงามซึ่งแปรเปลี่ยนไปจากสภาพเดิมที่ซีดเซียวแสนอัปลักษณ์ ฝ่ามือทั้งสองของนางกำหมัดแน่น ขณะภายในใจมีเพียงเสียงพร่ำซ้ำไปซ้ำมาด้วยความเดือดดาลเจียนเหลือจะทน“เป็นไปไม่ได้ ! เป็นไปไม่ได้ !”
นางแพศยาต่ำช้าผู้นี้ ! คือผู้ทำลายโฉมหน้านางทำให้นางไม่อาจสู้หน้านายท่านได้อีก ยามนี้นางสารเลวกลับมาเผยตัวตนในสภาพที่อ่อนแอเปราะบางน่าทะนุถอมบนดวงหน้าอันงดงามราวกับมนต์มายาจิ้งจอกเพื่อหมายจะยั่วยวนนายท่าน….ไร้ยางอายสิ้นดี ! ช่างไร้ยางอายอย่างที่สุด !
สายตาที่จูเฉวี่ยจับจ้องเกอซีผู้อยู่ในสภาพหลับใหลไม่ได้สตินั้นเดือดพล่านด้วยแรงโทสะกระทั่งจูเฉวี่ยไม่ทันได้รับรู้เลยว่าผืนผ้าที่ใช้คลุมบดบังรอยแผลเป็นบนใบหน้าได้หลุดร่วงออกไปแล้ว
นางมัวจ่อมจมอยู่กับใจมุ่งร้ายหมายจะตรงเข้าไปฉีกกระชากดวงหน้าของอีกฝ่ายออกเป็นชิ้น ๆ ทึ้งร่างนั้นออกมาจากอ้อมแขนของหนานกงยวี่แล้วทุ่มกระแทกมันให้แหลกราญลงไปบนแผ่นผืนธรณี ความชิงชังระเบิดทะลักอย่างท่วมท้นประดุจดั่งขุมเพลิงที่ลุกไหม้ด้วยแรงริษยากระทั่งทำให้รอยแผลเป็นบนดวงหน้าของนางบิดเบ้ไม่ได้รูปทรง พวกมันแลดูดั่งตัวตะขาบที่เกาะคืบคลานอยู่บนดวงหน้าอันงดงามของนาง แปรเปลี่ยนใบหน้าอันเพริศแพร้วงดงามให้กลับกลายเป็นน่าสยดสยองพองขน
ทว่ายามนี้ หนานกงยวี่หรือจะใส่ใจต่อท่าทีของบ่าวรับใช้ เมื่อก้มมองดูสาวน้อยผู้ยังคงหลับพริ้มในท่ามกลางแรงลมหายใจอ่อนโรยริน ในแววตาของเขาก็ยิ่งหม่นมัว น้ำเสียงเย็นยะเยียบสั่งการดังขึ้น “ข้าจะทำการรักษาซีเอ๋อในห้องนี้ จัดเตรียมโอสถคุณภาพเลิศอย่างสูงสุดไว้ด้วย ชิงหลง เจ้าจงอยู่คอยเฝ้าระวังไว้หน้าห้อง หากไม่มีคำสั่งจากข้า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเป็นอันขาด”
ชิงหลงย่อมน้อมรับสนองต่อทุกถ้อยคำสั่งการจากหนานกงยวี่อยู่เสมอ เพียงทว่าครานี้ ทันทีที่เขาได้ยินคำบัญชา ภายในใจของเขากลับแตกตื่นเต้นดัง สายตาของเขาจับจ้องไปยังเกอซีขณะที่มุมปากยังคงส่งเสียงอ้ำอึ้ง “นายท่าน ช่างนี้คือเวลาที่นายท่านจำต้อง……”
สายตาเย็นยะเยือกเหน็บหนาวสะท้านทรวงกวาดตรงมายังชิงหลงทำให้อีกฝ่ายเงียบเสียงลงในทันที ผู้เป็นบ่าวคงทำได้แค่เพียงย่นคิ้วอย่างหนักก่อนจะรีบสาวท้าวก้าวติดตามผู้เป็นนายไป
หากทว่าเป็นจูเฉวี่ยที่มิอาจอดรนทนได้อีกต่อไป นางร้อนรนตรงเข้ามาคุกเข่าขวางหน้าหนานกงยวี่ร่ำร้องคร่ำครวญ “นายท่าน ยามนี้ตัวท่านเองอยู่ในระหว่างช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย นายท่านไม่สมควรทำร้ายตนเองเพียงเพื่อคนไร้ค่าผู้หนึ่ง ! หากนายท่านต้องการช่วยคุณหนูน่าหลาน ขอนายท่านโปรดส่งนางมาให้แก่ผุู้น้อย ผู้น้อยคือแพทย์ผู้มีทักษะการรักษาในขั้นห้า ผู้น้อยเชื่อมั่นว่าตนจะสามารถให้การรักษาอาการบาดเจ็บของคุณหนูน่าหลานได้อย่างแน่นอน”
“ถูกแล้ว นายท่าน !” กระทั่งไป๋หู่ยังมิอาจอมพะนำไว้ได้อีกต่อไป “คุณชา…..คุณหนูน่าหลานมิได้รับบาดเจ็บหนักหนาสาหัสแต่ประการใด ทั้งทักษะทางการแพทย์ของจูเฉวี่ยก็นับว่ายอดเยี่ยม เช่นนั้นการมอบการรักษาให้แก่คุณหนูน่าหลานย่อมนับว่ามิใช่เรื่องที่เกินกำลัง นายท่านสมควรเร่งกลับเข้าห้องกักตนเดินพลังปราณ หาไม่แล้ว……..”
แม้ผู้อื่นจะไม่อาจตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขากำลังเพียรพยายาม ทว่าผู้รับใช้คนสนิทอย่างพวกเขาย่อมสามารถสังเกตเห็นได้ชัดว่าเนื้อผิวละอียดของหนานกงยวี่ยามนี้เริ่มโปร่งใส โลหิตในกายเริ่มไหลเวียนเอื่อยช้า สองฝ่ามือและฝ่าเท้าเริ่มเย็นเยียบลงไปเรื่อย ๆ
แม้สีหน้าท่าทางภายนอกของนายท่านจะยังคงนิ่งสนิทไร้ความแปรเปลี่ยน ทว่าแท้จริงภายในกำลังอดกลั้นต่อความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส
หนานกงยวี่ไม่แม้เพียงชายตามองจูเฉวี่ย เขาเพียงเปรยขึ้น “เรื่องของข้าหาใช่สิ่งที่พวกเจ้าสามารถก้าวก่ายได้ ชิงหลง อย่าให้ข้าต้องสั่งเป็นครั้งที่สอง !”
“นายท่าน—— ! !” จูเฉวี่ยร้องเสียงหลง ทว่าทันทีที่แหงนเงยศีรษะขึ้น ร่างของนายท่านกลับไม่อยู่ตรงหน้าอีกต่อไป
ภายในห้องนอนของหนานหงยวี่คือเขตหวงห้ามแห่งตำหนักราชันมัจจุราช ทันทีที่บานประตูถูกปิดลง ชิงหลงคือผู้ที่ยืนรักษาการอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าที่เย็นชาและนิ่งสงบ
***จบตอน ปิดประตูรักษา***