คำกล่าวยังไม่ทันสิ้นสุด ฝ่ามือของเกอซีก็ขยับโปรยผงพิษสีเงินใส่ฝุ่นพิษที่จูเฉวี่ยสะบัดมาที่นาง
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในลำดับถัดมากลับทำให้ทุกผู้คนในที่นั้นต้องตื่นตะลึงนิ่งค้าง
ผงพิษสีเทาเข้มที่ปะทะเข้ากับผงสีเงินนั้นดูราวกับมันกำลังเจอะเจอคู่ปรปักษ์ ยามเมื่อผงพิษทั้งสองประสานต้านทานกัน และกันวันเวลาเดือนปีราวกับหยุดชะงักลงชั่วครู่ ฝุ่นพิษหลอมรวมปะทะก่อตัวกำเนิดเป็นม่านฝุ่นเถ้าสีเทาขนาดใหญ่ที่แผ่กว้างจนทำให้ทุกผู้คนตื่นตระหนกขนหัวลุกตั้งชูชัน
เกอซียกสะบัดปลายแส้กระดูกขาวระเบิดเป็นคลื่นพลังเข้มข้นกระแทกกระหน่ำใส่ม่านฝุ่นพิษตรงหน้า
ผงพิษที่สอดประสานรวมตัวพลันพุ่งทะลักตรงเข้าหาจูเฉวี่ยประดุจเกลืยวคลื่น
“อ๊า—— !” ดวงตาของนางเบิกโพลงด้วยความตื่นกลัว ความหวาดผวาเผยผ่านทางดวงหน้า
ครั้งที่นางสะบัดผงพิษใส่เกอซี นางมั่นใจอย่างเหลือล้นว่าอีกฝ่ายจะต้องสิ้นใจไปตรงหน้าจึงไม่ได้เตรียมการตั้งรับใด เช่นนั้นเมื่อผงพิษพวกนั้นพุ่งตรงเข้าหา นางจึงไร้พลังปกป้องใดทั้งสิ้น
ปลายจมูกได้กลิ่นฉุนที่คุ้นชิน ทั่วร่างของนางสั่นสะท้านภายในใจท่วมท้นไปด้วยความสิ้นหวัง
ฉับพลัน ม่านปราการพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจูเฉวี่ย ม่านพลังนั้นช่วยบดบังผงพิษที่กำลังพวยพุ่งตรงเข้ามา ผงพิษของจูเฉวี่ยรวมกระทั่งผงเงินพิษของเกอซีล้วนแตกกระจายร่วงหล่นโปรยใส่แผ่นพื้น
เพียงสัมผัสพื้นผิว ฝุ่นผงเงินก็เหือดระเหย ก่อนผงพิษของจูเฉวี่ยจะค่อย ๆ เลือนระเหยตามกันไป พิษทั้งสองสลายหายไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอยใด ทว่า สิ่งที่น่าหวาดผวาอย่างยิ่งยวดนั้นคือ แผ่นพื้นที่ผงเงินสัมผัสต้องนั้นเกิดกลายเป็นหลุมโพลงคล้ายถูกทำลายด้วยการเผาไหม้
ผงเงินชนิดนี้ถูกขนานนามว่า พิษหมอเทวะ เมื่อใดที่มันถูกเผยออกมาย่อมเสมือนความตายตรงเข้าเยี่ยมเยือนคนผู้นั้น พิษชนิดนี้จะหลอมละลายทุกสิ่งให้มลายหายสิ้นอย่างไม่เหลือทิ้งร่องรอยแม้เพียงเศษเส้นผม แม้หากจะเปรียบผงเงินหลอมกระดูกของเกอซีกับพิษที่จูเฉวี่ยปรุงขึ้น ล้วนสามารถกล่าวได้ว่าผงเงินหลอมกระดูกนั้นรุนแรงร้ายกาจน่าหวาดผวายิ่งกว่ากันนับพันเท่า
ก่อนหน้านี้ เกอซีไร้สิ้นพลังฝีมือจึงมิอาจโปรยผงเงินหลอมกระดูกใส่ผู้มีพลังยุทธได้ ทว่านับแต่นี้ ทุกสิ่งแปรเปลี่ยนไปแล้ว นางยังมีพิษอีกหลายหลากที่ยังรอให้ทุกคนมีโอกาสได้ชื่นชม เช่นนั้น แต่นี้ไป หากผู้ใดกล้าสร้างความรำคาญใจให้แก่นาง นางจะไม่ยั้งไมตรีอย่างแน่นอน
ไป๋หู่ย่อมเห็นความสามารถในการกัดกร่อนทำลายของผงเงินหลอมกระดูกอย่างชัดเจน ความรู้สึกขนลุกขนพองผุดขึ้นอย่างท่วมท้นภายในใจ
แม้ว่าพิษเหล่านี้ไม่อาจสร้างอาการบาดเจ็บใดให้แก่เขา ทว่าหากคนธรรมดาสามัญหรือผู้มีวรยุทธขั้นต้นต้องเผชิญกับมัน ย่อมมีเพียงความตายเท่านั้นที่รั้งรออยู่
ช่วงเวลาแค่เพียงไม่กี่วัน คุณหนูน่าหลานกลับกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงนี้ ไม่สงสัยเลยว่าเพื่อนางแล้วเหตุใดนายท่านจึง……
ครั้นเมื่อเขาแหงนเงยหน้าขึ้น แววตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นกลัวระคนทึ่งนับถืออย่างเหลือแสนก็จับจ้องมายังเกอซี ทว่าจะอย่างไรเสีย จูเฉวี่ยคือสหายคนสนิทของพวกเขา ทุกคนล้วนเติบโตมาด้วยกัน
“พระชายา แม้จูเฉวี่ยจะอวดดีหยิ่งผยองกล้าลงมือกับพระชายาก็จริง ทว่านางก็ถูกลงทัณฑ์แล้ว แม้ความผิดของนางจะสมควรตายยิ่งนัก ทว่าขอพระชายาโปรดละเว้นชีวิตนางด้วย !”
พระชายา ? คิ้วของเกอซีจิกเข้าหากันจนย่นยับ นี่มันคำเรียกบ้าบออันใดกัน ?
ทว่ากำลังจะเอ่ยปาก จูเฉวี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังไป๋หู่กลับคลุ้มคลั่งราวกับคนเสียสติขึ้นมาอีก นางพุ่งตัวเข้าจู่โจมเกอซี “เจ้าคิดว่าด้วยพลังฝีมือต่ำเตี้ยเช่นเจ้านี้จะสามารถต่อกรกับข้าได้กระนั้นหรือ ? เมื่อครู่ข้าเพียงหลงกลลวงของเจ้า ทว่าครานี้ ข้านี่ล่ะที่จะดับลมหายใจของเจ้าเสีย……”
ยังไม่ทันจบคำขู่ ไป๋หู่ก็ยกมือขึ้นระเบิดคลื่นพลังหนาแน่นกดอัดกระแทกใส่ร่างของนาง
เสียงดัง ‘อั่ก’ จูเฉวี่ยหน้าเปลี่ยนสีเนื้อตัวสั่นสะท้านกระอักโลหิตออกมาคำโต
นางแหงนเงยหน้าขึ้นจ้องอีกฝ่ายเขม็งด้วยแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง “เจ้า……. เจ้าถึงกับทำร้ายข้าเพียงเพื่อนางแพศยาที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า ดี ดียิ่ง ! ไป๋หู่ เพียงเห็นว่าข้าสูญเสียพลังยุทธกระทั่งถูกสตรีผู้นี้ทำร้ายได้ เจ้าถึงกับลงมือช่วยนางเหยียบย่ำซ้ำเติมข้ากระนั้นหรือ ?”
***จบตอน พระชายา ? บ้าบออันใด ?***