ชิงหลงเอ่ยถามสวนออกไปทันที “ขอพระชายาโปรดขยายรายละเอียดขั้นตอนการเยียวยารักษาได้หรือไม่ ?”
เกอซีผงกศีรษะ ก่อนจะจดรายการตัวยาสมุนไพรออกมาทั้งชุด “เยื่อเห็ดหยก บัวเจ็ดเมฆาแดง ผลไม้สวรรค์เวท ต้นหญ้าหยินยะเยือก……ขอเพียงเจ้าสามารถหาสมุนไพรพวกนี้มาได้ย่อมสมควรเพียงพอ”
สีหน้าผู้รับฟังยังคงงุนงงเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยกล่าว “ต้นหญ้าหยินยะเยือกนั้นมีฤทธิ์เย็นอย่างยิ่งยวด ทว่าหากใช้สมุนไพรตัวนี้กับชาวยุทธโดยทั่วไปย่อมสามารถก่อกำเนิดพิษเหมันต์ และอาจทำให้คนผู้นั้นถึงแก่ชีวิต ยามนี้พิษเหมันต์ในร่างของนายท่านอาการกำเริบขึ้นมาแล้ว ไยท่านจึง…….”
เกอซีแหงนเงยใบหน้าขึ้นจับจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาเฉยชาพร้อมเสียงหัวเราะบางเบา “ข้ากล่าวแล้วว่ากระบวนการรักษาของข้านั้นย่อมมีความแตกต่างจากวิธีการรักษาที่พวกเจ้าเคยได้ประสบพบเจอ เช่นนั้นส่วนผสมโอสถที่ข้าใช้ย่อมต้องแตกต่าง หากเจ้าไร้ความมั่นใจ ย่อมสามารถปฏิเสธไม่รับการรักษาได้”
ชิงหลงตะลึงค้างด้วยอาการลังเลชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยปาก “ผู้น้อยขอปรึกษาเรื่องนี้กับทุกคนก่อน”
เกอซีพยักหน้ารับ “ตัดสินใจให้เร็ว สภาพอาการของหนานกงยวี่นั้นมิอาจรอช้า หากล่วงเลยเกินกว่า 3 ชั่วยาม* เกรงว่าข้าจะไม่อาจยื้อลมหายใจของเขาได้”
*3 ชั่วยามคือ 6 ชั่วโมง
เพียงพริบตาร่างของชิงหลงพลันลับหายไปจากห้องด้วยสีหน้าที่กระวนกระวาย
ยามนี้ จึงเหลือแค่เพียงหนานกงยวี่ และเกอซีที่ยังคงอยู่ในห้องอันอบอวลไปด้วยกลุ่มควันคล้ายห้องอบไอน้ำ
เกอซีแลดูหนานกงยวี่ผู้ยังคงอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความหลับใหลด้วยอาการเงียบงัน หลังจากลังเลอยู่ครู่ใหญ่หญิงสาวอดมิได้ที่จะเหยียดยื่นมือของตนเข้าลูบไล้ดวงหน้าของอีกฝ่ายด้วยจิตปฏิพัทธ์
คิ้วคมเข้มโค้งได้รูปบนเนินหน้าผาก จมูกสูงโด่งคมเป็นสัน ริมฝีปากบางละเอียดได้รูป แผงขนตายาวกระเพื่อมเล็กน้อย โหนกแก้มสีจางอ่อนบาง
เนื้อผิวเนียนขาวประดุจหิมะนั้นคล้ายโปร่งใสจนสามารถแลเห็นเส้นเลือดสีเขียวอ่อนจาง ๆ ใต้ชั้นผิวละเอียดบางที่ดูคล้ายมันพร้อมจะแหลกละเอียดลงอย่างง่ายดายด้วยความเปราะบาง ทว่ากลับคงความงดงาม
เกอซียังจดจำดวงตาสีดำสนิทราวน้ำหมึกที่เคยกวาดมองแดนดินทั่วโลกหล้าด้วยความหยิ่งผยองเหนือผู้คน จดจำความร้อนแรงที่แผดเผาปานประดุจเปลวเพลิงภายใต้ความสุขุมลุ่มลึกที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาคู่นั้นได้เป็นอย่างดี
“หนานกงยวี่ สิ่งที่เปี่ยมไปด้วยพลังหยินอันเย็นเยียบที่เจ้าเคยกล่าวถึงนั้น แท้จริงแล้วย่อมหมายถึงโลหิตในกายของเจ้าใช่ไหม ?” เสียงกระซิบของนางแผ่วเบาอยู่ข้างหูหนานกงยวี่ “เจ้ากับข้าเพียงบังเอิญได้พบเจอกัน เหตุใดเจ้าจึงทำเพื่อข้ามากมายถึงเพียงนี้ ?”
แต่เล็กกระทั่งเติบใหญ่ ผู้ที่กระทำดีต่อนางล้วนเพียงเพื่อคาดหวังสิ่งตอบแทน บีบเค้นค้นหาสิ่งมีค่าที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวนาง
มากมายเพียงไร บ่อยครั้งเพียงไร ที่สุดแล้ว แม้กระทั่งเหลิ่งเหย่ผู้ฝ่าน้ำฝ่าเพลิงร่วมกันกับนาง ผู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายร่วมกับนางมานับครั้งไม่ถ้วน ยังทรยศหักหลังนาง
เรื่องราวในอดีตที่ฝังจำย่อมทำให้เกอซีไม่อาจวางใจเชื่อถือผู้ใดได้อีก ทั้งยังไม่อาจเปิดใจรับผู้ใดได้อีก
ทว่าการกระทำ และความทุ่มเทของหนานกงยวี่กลับสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้นบนประตูใจที่เคยปิดตาย ใจหนึ่งนางอยากจะปักใจเชื่อมั่นในตัวเขา ทว่าอีกใจหนึ่งก็กลับยังคงหวาดหวั่นเกรงว่าตนอาจถูกหลอกลวง
“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าจะรักษาเจ้าให้ได้ !” เกอซีพึมพำกับตนเอง “แม้ทุกสิ่งจะเป็นแค่เพียงน้ำใจไมตรีของเจ้า ข้าก็จะทำการรักษาเจ้าอย่างเต็มกำลังความสามารถ”
โดยแท้จริงแล้ว สภาพอาการของหนานกงยวี่ยามนี้หาใช่รุนแรงหนักหนาถึงเพียงนั้น เช่นนั้นนางจึงมีความมั่นใจอย่างเหลือล้นว่าด้วยเพียงโอสถที่นางจัดให้ย่อมเพียงพอสามารถยับยั้งพิษร้ายในกายของเขาได้
หากแต่สิ่งที่ทำให้เกอซีหวาดหวั่นนั้นคือ ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดตรวจสภาวะร่างกายของเขา นางกลับมิอาจพบเจอสาเหตุหลักของกำเนิดอายเย็นในร่างของชายหนุ่มได้เลย
ชัดเจนว่าพลังเย็นที่สะสมในกายนี้ก่อกำเนิดขึ้นอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ทั้งยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าร่างของเขาได้รับพิษ ทว่าทางดำเนินของโรคที่ส่งผลแสดงอาการเย็นยะเยียบผ่านร่างกายยิ่งทวีขึ้นเรื่อย ๆ จนแม้กระทั่งจุดตันเถียนก็เริ่มแสดงอาการเยียบเย็นจนทำให้เกอซีต้องรู้สึกฉงน
แน่นอนว่านางย่อมไม่อาจค้นหาต้นเหตุแห่งอาการป่วยของหนานกงยวี่ได้เพียงช่วงระยะเวลาอันกระชั้นชิด สิ่งเดียวที่พอจะเป็นหนทางบรรเทาอาการของโรคได้นั่นคือทิ้งเรื่องการสืบสาวหาสาเหตุแห่งโรคไว้ก่อนและลงมือช่วยให้เขาสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤติตรงหน้าไปให้ได้เสียก่อน
ยามนี้ชิงหลงกำลังปรึกษาเรื่องผลการวินิจฉัยโรครวมตลอดถึงขั้นตอนแนวทางการเยียวยารักษากับพวกหวูซินอยู่ด้านนอก
***จบตอน ข้ารักษาเจ้าได้อย่างแน่นอน***