หลายคนที่จับตามองล้วนอกใจสั่นไหว บางคนถึงกับลืมตัวเดินชนผนัง ด้วยกำลังนึกคิดไปว่า เหตุใดจึงมีบุรุษผู้งดงามถึงเพียงนี้ในโลกหล้า ? หากสามารถครอบครองบุรุษผู้นี้ได้แม้ต้องเป็นบุรุษผู้หลงใหลบุรุษข้าก็ยินดี
ครั้นเมื่อเกอซีมาถึงหน้าซุ้มประตูทางเข้าตำหนักราชันมัจจุราชจึงเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเนืองแน่นอยู่ทางด้านหน้า
หัวหน้าคนกลุ่มนี้คือบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งพร้อมสตรีอีกนางหนึ่ง ผู้ที่เป็นบุรุษนั้นสวมชุดคลุมผ้าไหมทอง เรือนกายตั้งตรงสูงโปร่ง ท่วงท่าสง่างาม ขณะที่สตรีข้างกายปากแดงดั่งผลเชอร์รี่ ไรฟันขาวกระจ่างสะอาดตา ดวงหน้าละเอียดอ่อนงดงาม ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักขณะกำลังถกเถียงอยู่กับผู้ดูแลตำหนักราชันมัจจุราช
หลังการโต้คารมกันพักใหญ่ ความเดือดดาลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบุรุษหนุ่มผู้นั้นอย่างเห็นได้ชัด เขาร้องตะคอกขึ้นเสียงในทันใด “ผู้ดูแลหนานอย่าได้สร้างความยุ่งยากอีกเลย พวกเรามาที่นี่ตามราชโองการของเสด็จพ่อ ทั้งเพื่อมาเยี่ยมเยือนราชันมัจจุราชตามพระกระแสรับสั่ง ทว่าเมื่อข้า และองค์หญิงมาด้วยตนเองกลับไม่ได้รับการต้อนรับ ! เจ้าคิดว่าตนคือผู้ใด เจ้าเป็นแค่เพียงบ่าวไร้ศักดิ์ทว่ากลับกล้าชัดพระราชโองการ”
ครั้นเมื่อได้ยิน เกอซียังรู้สึกประหลาดใจ
นางไม่คาดคิดเลยว่าบุรุษสตรีคู่นี้นั้นคือองค์ชาย และองค์หญิงแห่งแคว้นจินหลิง ทว่ายามนี้ ทั้งสองพระองค์ผู้นำพระราชโองการมาด้วยองค์เองถึงหน้าตำหนักราชันมัจจุราชกับถูกปฏิเสธการเข้าพบ ย่อมแสดงให้เห็นอย่างกระจ่างชัดว่าสถานภาพของหนานกงยวี่ในแคว้นจินหลิงนั้นสูงส่งเพียงใด
เกอซีเดาะลิ้นส่ายหน้ามองบุรุษอายุรุ่นราวคราวลุงที่ยืนกั้นขวางคู่หนุ่มสาวเบื้องหน้า ท่านลุงผู้นี้คือผู้ดูแลหนาน ชายผู้นี้ดูจะมีอายุราวสี่สิบปี ใบหน้าท่าทางสุภาพเรียบร้อยทั้งโดยที่แท้แล้ว เขาคือผู้เยี่ยมยุทธขั้น 4 ปฐพีสะท้านสะเทือน เกอซีเคยได้ยินชิงหลงกล่าวถึงท่านผู้ดูแลหนานผู้นี้ว่า ในบรรดาอารักขาทั้งแปดประจำตัวหนานกงยวี่ คนผู้นี้คือผู้ที่หนานกงยวี่วางใจเป็นที่สุด เรื่องราวทั้งหลายภายในตำหนักล้วนมีเขาเป็นผู้ดูแลจัดการให้เรียบร้อย
ตลอดช่วงเวลาที่ถูกไถ่ถาม ใบหน้าของเขาไม่แสดงถึงความประจบเอาใจ หรือเย่อหยิ่งจองหอง น้ำเสียงหัวเราะอย่างอ่อนบางดังขึ้น “องค์ชายสามกล่าวเกินไปแล้ว พวกเราจะไม่ใส่ใจในพระราชโองการได้อย่างไร ? เพียงทว่าช่วงนี้ท่านอ๋องของพวกเราสุขภาพไม่ใคร่สู้ดีจึงไม่สะดวกรับแขก ขอโปรดทรงอภัยให้กระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อองค์ชายสามเห็นผู้ดูแลหนานไม่ไว้หน้าตนเช่นนี้ก็ยิ่งฉุนเฉียว ทว่าครั้นเมื่อนึกถึงอำนาจอิทธิพลของราชันมัจจุราชเขาจึงทำได้เพียงข่มกลั้นความไม่พอใจจ้องผู้ดูแลหนานด้วยแววตาที่มืดหม่นขณะเปล่งน้ำเสียงกร้าว “เจ้าก็รู้ว่าพวกเราคือใคร มีอำนาจล้นฟ้าเพียงไหน พวกเรามาเพื่อเยี่ยมเยียนราชันมัจจุราช ทว่าเจ้ากลับกล้าปัดปฏิเสธกระนั้นหรือ ?”
คนผู้นี้คือองค์ชายสามฉางกวนรุ่ยพระอนุชาในพระชนนีเดียวกันกับองค์รัชทายาทซึ่งก็คือฮองเฮาองค์ปัจจุบัน เขาคือองค์ชายรองพระโอรสผู้ประสูติจากพระครรภ์องค์ฮองเฮาแห่งแคว้นจินหลิง ย่อมเป็นที่แน่ชัดว่าฐานะของคนผู้นี้ย่อมสมควรได้รับเกียรติอย่างสูงส่ง
ตลอดทั่วทั้งเมืองเหยียนจิง ผู้ใดได้พบเจอฉางกวนรุ่ยล้วนต้องเข้ามาแสดงความคารวะทั้งยังพยายามประจบเอาอกเอาใจคนผู้นี้ ทุกผู้คนล้วนยกย่องเขาในฐานะองค์ชายผู้ทรงเกียรติ ทว่าคงมีแต่เพียงสถานที่นี้…. ตำหนักราชันมัจจุราชเท่านั้น……ที่มีผู้ไม่ให้ความสนใจใด ๆ ในตัวเขาเป็นครั้งแรก ไม่แม้กระทั่งให้เขาเชิญพระราชโองการขององค์ฮ่องเต้เข้าไปทางด้านใน ฮึ่ม ! รอให้เสด็จพี่ได้ขึ้นครองบัลลังก์เสียก่อนเถิด เขาจะกลับมากวาดล้างตำหนักราชันมัจจุราชแห่งนี้ให้พินาศ
นัยน์ตาขององค์ชายสามฉายประกายแห่งอายสังหารที่เย็นยะเยียบ ทว่ารอยยิ้มปานประดุจร่วมงานการค้ายังคงประทับอยู่บนดวงหน้าของผู้ดูแลหนาน แม้ในแววตาของเขายังแอบซุกซ่อนร่องรอยแห่งความเหยียดหยันไว้ภายใน “เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องมีรับสั่งว่าหากไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้าไปรบกวนพระองค์ได้ องค์ชายสาม องค์หญิงโปรดประทานอภัย”
สิ่งที่เขาไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมานั้นคือ ไม่แค่เพียงองค์ชาย และองค์หญิงเท่านั้น แม้องค์รัชทายาท หรือกระทั่งองค์ฮ่องเต้เสด็จมาด้วยพระองค์เอง เขาก็ไม่มีวันยอมให้เข้าไปด้านใน หากนายท่านไม่ประสงค์จะพบหน้าผู้ใด หรือกระทำสิ่งใด แม้องค์ฮ่องเต้ยังต้องหลีกทาง
ส่วนองค์ชายสามยามนี้กำลังกำหมัดแน่นกระทั่งสามารถได้ยินเสียงดังกร๊อบในฝ่ามือ
กระนั้น ขณะที่เขากำลังจะข่มห้ามระงับจิตใจของตนลงได้นั้น สตรีที่อยู่ข้างกายพลันเกรี้ยวกราดเดือดดาลร้องตะคอกลั่น “เจ้าเป็นแค่เพียงบ่าวรับใช้ เพียงสุนัขตัวหนึ่ง ! ข้าต้องการให้เจ้าเข้าไปแจ้งท่านอ๋องของเจ้าว่าองค์หญิงเจิ้นเยว่มาเยี่ยมเยือน ได้ยินไหม ? หากท่านพี่ยวี่ได้ยินชื่อของข้า ข้ามั่นใจว่าเขาจะต้องให้เข้าเข้าไปด้านในอย่างแน่นอน !
*** จบตอน องค์ชายสาม***