ผู้ดูแลหนานเพียงหัวเราะออกมาเบา ๆ “กระหม่อมต้องขออภัยองค์หญิงด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้แจ้งแก่ท่านอ๋องแล้วว่าพระองค์เสด็จมา ทว่ารับสั่งของท่านอ๋องนั้นคือ…..พระองค์ยังไม่ทรงมีพระประสงค์จะพบองค์หญิง”
“เป็นไปไม่ได้ ! ท่านพี่ยวี่จะไม่ต้องการพบข้าได้อย่างไร ? !” องค์หญิงเจิ้นเยว่โกรธเกรี้ยวจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง นัยน์ตาคู่นั้นดุดันร้ายกาจ “ต้องเป็นเพราะเจ้า เจ้าเฒ่า ! เจ้าไม่ได้แจ้งแก่พระองค์ให้ชัดเจน รับกลับไปแจ้งแก่พระองค์ใหม่เดี๋ยวนี้ !”
ความรังเกียจดูแคลนฉายผ่านแววตาของผู้ดูแลหนานวาบหนึ่ง ทว่าภายนอกเขายังคงเอ่ยตอบอย่างสุภาพ “องค์หญิงเจิ้นเยว่ พระองค์ยังไม่ทรงเข้าพระทัยอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ ? พระประสงค์ของท่านอ๋องคือพระองค์ไม่ทรงต้องการรับแขกไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร…..ก็ไม่อาจเข้าพบพระองค์ได้ ทั้งนี้ย่อมรวมถึงองค์หญิง และองค์ชายสามอย่างแน่นอน !”
ในหัวขององค์หญิงเจิ้นเยว่พลันว่างเปล่าด้วยเพราะความตกตะลึงในถ้อยคำของผู้ดูแลหนาน คิ้วเรียวยาวได้รูปเลิกสูง ปลายนิ้วชี้ทิ่มหน้าผู้ดูแลหนานพร้อมเสียงสบถด่าว่า “ เจ้าสุนัขรับใช้ ผู้ใดมอบความขวัญกล้าให้เจ้ามาทุ่มเถียงข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะนำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลเสด็จพ่อ และจะกลับมาบั่นหัวสุนัขของเจ้าทิ้ง !”
ฉางกวนเจิ้นเยว่คือองค์หญิงผู้ประสูติแต่พระครรถ์แห่งองค์ฮองเฮา นับแต่ยังเยาวว์วัยนางเป็นคนหัวรั้น และหยิ่งทระนง นางไม่ร่ำเรียนศึกษาหาความรู้หรือทักษะแขนงใด จึงเป็นคนไม่เอาไหนทั้งยังด้อยความรู้ สิ่งที่นิยมชื่นชมคงมีเพียงการร่ายรำกระบี่ ทว่าถึงกระนั้นก็ไร้พรสวรรค์ เช่นนั้น แม้ฮ่องเต้ และฮองเฮาจะเพียรแสวงหาสมบัติล้ำค่าที่สามารถช่วยเพิ่มพลังฝีมือขึ้นได้ พวกเขายังคงสามารถผลักดันนางให้ก้าวขึ้นถึงระดับกลางของพลังปราณขั้นที่หนึ่งเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มเท่านั้น
กระทั่งเมื่อนางเติบใหญ่ และเริ่มสนใจพลังยุทธ นางก็ได้พบหนานกงยวี่ในอุทยานด้านหลังพระราชวัง ตั้งแต่แรกเจอนางก็ตกตะลึงงัน นับแต่นั้นนางก็มุ่งมั่นตั้งใจจะอภิเษกสมรสเข้าตำหนักราชันมัจจุราช ทว่าน่าเสียดาย บุรุษเยี่ยงราชันมัจจุราชนั้นหรือจะแลมองสตรีไร้ค่า เช่นนั้นตลอดสองสามปีที่ผ่านมา องค์หญิงผู้ได้รับการเอาใจจากฮ่องเต้จนแทบจะเสียคนผู้นี้จึงกลายเป็นตัวตลกสำหรับทุกผู้คนในเมืองเหยียนจิง
บนใบหน้าของผู้ดูแลหนานยังคงไร้อารมณ์ความรู้สึก ไร้ร่องรอยแห่งความขุ่นเคืองหรือสาสมใจ คงมีเพียงสายตาแห่งความปรามาสอย่างชัดเจนในแววตาที่แสดงออกยามเมื่อน้ำเสียงเฉยชากล่าวคำ “ตามแต่พระประสงค์องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงเจิ้นเยว่ชักกระบี่จากเอวขึ้นเสียงดัง ‘ฝึ่บ’ ทว่าเมื่อนางพุ่งตัวหมายจะสั่งสอนชายชราไร้มารยาทผู้นี้ กลับถูกองค์ชายสามยั้งไว้เสียก่อน
“เจิ้นเยว่อย่าเสียมารยาท” แม้สีหน้าขององค์ชายสามจะค่อนข้างหม่นมัวทว่าเขารู้จักนิสัยองค์หญิงเจิ้นเยว่ดี ทั้งเขายังรู้ผลลัพท์ของการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับตำหนักราชันมัจจุราชดียิ่ง แม้พวกเขาจะโกรธเกรี้ยวเดือดดาลสักเพียงไรย่อมต้องจำฝืนทนกล้ำกลืนไว้ให้ได้ หาไม่แล้วเรื่องนี้อาจกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการขึ้นบัลลังก์ของเสด็จพี่ได้
องค์ชายสามหันมาหาผู้ดูแลหนานพยายามปั้นหน้ากลั้วรอยยิ้มบริสุทธิ์ใจ “เจิ้นเยว่ยังเยาว์วัยไม่ประสา ผู้ดูแลหนานอย่าได้เห็นเป็นเรื่องจริงจัง พวกเรามาเยี่ยมเยือนองค์ชายราชันมัจจุราชในนามแห่งองค์ฮ่องเต้และองค์รัชทายาท หาได้มารบกวนแต่ประการใด เพียงน้องหญิงออกจะใจร้อนไปเสียหน่อยจึงกล่าววาจาล่วงเกินผู้ดูแลหนาน โปรดแจ้งองค์ราชันมัจจุราชในความปราถนาดีของพวกเราด้วย”
ผู้ดูแลหนานผงกศีรษะขยักยิ้มเพียงเล็กน้อย “พ่ะย่ะค่ะองค์หญิงคือสมบัติอันล้ำค่าแห่งอาณาจักรนี้กระหม่อมหรือจะกล้าทำให้ทรงขุ่นเคืองพระทัย”
แม้ถ้อยวาจานี้จะแสดงถึงความสงบเสงี่ยมเจียมตน แม้ท่วงท่ากิริยาของเขายังคงแสดงถึงความนอบน้อม เพียงทว่าความเคารพนับถือยำเกรงกลับมิได้ปรากฏอย่างแท้จริงแม้เพียงน้อย บนดวงหน้านั้นคือความหยิ่งยโสไร้อาการแห่งความประจบประแจง อันเป็นลักษณะโดดเด่นจำเพาะของผู้คนในตำหนักราชันมัจจุราช
องค์ชายราชันมัจจุราชคือผู้องอาจที่บุกเดี่ยวลุยทะลวงตีฝ่ากองทัพอสูรเวทจนแพ้แตกพ่าย เช่นนั้นแม้องค์ชายหรือองค์หญิงพระองค์ใดจะมาร่ำร้องเรียกหา ก็แล้วอย่างไรเล่า ? หากมิใช่เพราะการพิทักษ์จากราชันมัจจุราช อาศัยแค่เพียงกองกำลังจากราชสำนักแห่งจินหลิงเท่านั้น แคว้นจินหลิงคงถูกองทัพอสูรเวทบทขยี้เป็นผุยผงไปนานแล้ว
กระทั่งเกอซียังรู้สึงฉงนในฐานะอันโดดเด่นและหาตัวจับได้ยากของหนานกงยวี่ในแคว้นจินหลิง ฝีเท้าของนางค่อย ๆ เคลื่อนออกไปเบา ๆ นางเดินตรงมายังซุ้มประตูตำหนักราชันมัจจุราชอย่างไม่เร่งร้อน
หางตาของผู้ดูแลหนานเหลือบไปเห็นการมาถึงของเกอซี รอยแย้มยิ้มอย่างเป็นทางการของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตัวระคนประหลาดใจ เขารีบตรงเข้ามาเอ่ยวาจาต้อนรับ “พระชา…..”
เกอซีจ้องหน้าอีกฝ่ายทันที ส่วนผู้ดูแลหนานก็ช่างเฉลียวฉลาดรู้ใจ เขารีบปรับคำกล่าวพร้อมรอยแย้มยิ้ม “ท่านอ๋องประทับรออยู่ที่ศาลาริมน้ำนานแล้ว คุณชายโปรดตามข้ามาทางนี้”
เกอซีผงกศีรษะ ทว่าเมื่อนางเดินตามไปกลับได้ยินน้ำเสียงที่หม่นมัวขององค์ชายสามร้องเรียกขึ้นมาจากด้านหลัง “เดี๋ยว ! ผู้ดูแลหนาน ท่านกล่าวว่าองค์ชายราชันมัจจุราชไม่มีพระประสงค์จะรับแขกมิใช่หรือ ? เช่นนั้นเหตุใดเด็กคนนี้….”
***จบตอน องค์หญิงเจิ้นเยว่***