กระแสพลังที่อัดแน่นอยู่ในสมุนไพรเวทซึ่งถูกหย่อนลงในเตาหลอมโอสถถูกกลืนหายลงไปในปราณเพลิงเพียงชั่วพริบตา
ตัวยานี้คือเม็ดโอสถเสริมพลังวิญญาณขั้นต้นที่สุดซึ่งถูกจัดไว้ในเม็ดโอสถขั้นแรกเริ่ม จึงนับเป็นตัวยาที่เหมาะสมในการฝึกปรุงโอสถของเกอซี
หญิงสาวรวมรวมกระแสพลังเพ่งผ่านกระแสจิตเพื่อสำรวจดูความเป็นไปในเตาหลอมโอสถจึงพบว่าสมุนไพรเวททั้งหลายกำลังเริ่มหลอมรวมตัวเข้ากับปราณเพลิงทีละน้อย
ทว่าตัวยายังไม่หลอมรวมกันดีนัก บางส่วนถูกหลอมละลายควบรวมขณะที่อีกส่วนสมุนไพรเวทยังไม่ปรากฏการเปลี่ยนแปลงใด
หากกระบวนการยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของตัวยาล่ะหรือ ?
หากนางลงมือคนให้ตัวยาเข้ากันย่อมจะไม่แตกต่างจากยามเมื่อต้มยาหม้อสมุนไพรโดยทั่วไปใช่หรือไม่ ?
เมื่อคิดเช่นนั้น เกอซีรวมรวมพลังถ่ายเทลงไปในเตาหลอมโอสถ โอบหุ้มสมุนไพรเวททั้งหลายด้วยพลังวิญญาณก่อนจะค่อย ๆ ตะล่อมสมุนไพรทั้งหมดเข้ารวมกันทีละน้อย
ในจุดใดที่พลังปราณเพลิงไม่ร้อนแรงมากเพียงพอ นางจะกำหนดแบ่งกระแสพลังผ่องถ่ายเพิ่มพลังปราณเพลิงเข้าไป ด้วยกระบวนการเช่นนี้ สมุนไพรทั้งหลายภายในเตาหลอมล้วนได้รับพลังอย่างทั่วถึง
การกระทำเช่นนี้ย่อมเหมือนช่วงเวลาประกอบอาหาร เมื่อแรงไฟเริ่มอ่อนลงผู้ประกอบอาหารจำต้องเติมเชื้อฟืน
เกอซีคิดว่านี่คือเหตุ และผลง่าย ๆ วิธีการเช่นนี้ย่อมไม่มีบันทึกไว้ในตำราสรรพโอสถอันหลั่งล้น นางคิดว่าอาจบางทีกลวิธีเช่นนี้คงมีบันทึกไว้ในตำราการกลั่นโอสถโบราณอยู่แล้ว
ทว่าหญิงสาวหาได้ล่วงรู้ไม่ว่า กลเม็ดเด็ดพรายเล็ก ๆน้อย ๆ ของตนนี้้จะสามารถปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของตัวยาได้อย่างใหญ่หลวงจนนางต้องตื่นตกใจ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป* เกอซีค้นพบว่าสมุนไพรทั้งหมดหลอมละลายรวมกันแล้ว
*ครึ่งชั่วยามคือหนึ่งชั่วโมง
เมื่อยกมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อที่พร่างพรายบนหน้าผากออกแล้ว เกอซีเติมกำลังปราณของตนด้วยทิพย์วารีอีกครา นางคาดการณ์ไว้ในใจว่ากระบวนการทั้งหมดย่อมจะแล้วเสร็จภายในหนึ่งหรือสองชั่วยาม
ทว่าโชคดีที่ทั้งเตาหลอม และห้องปรุงโอสถล้วนเปี่ยมมนตราที่สามารถช่วยรวบรวมกระแสพลัง ทั้งยังลดทอนการสูญเสียพลังปราณของผู้ปรุงโอสถอีกด้วย หาไม่แล้วหากเกอซีต้องเดินพลังปราณอย่างต่อเนื่องนานติดต่อกันถึงหนึ่งชั่วยาม แม้จะคอยจิบทิพย์ธาราอยู่เสมอก็คงไม่อาจฝืนทนอยู่ได้
อีกหนึ่งชั่วยามผ่านไป สมุนไพรเวทจึงหลอมรวมตัวอย่างเสร็จสมบูรณ์ ปากเตาหลอมโอสถสีเทาเอ่อล้นไปด้วยแสงสีทองที่สุกสกาวพร่างพราว
เกอซีตรงเข้าไปเปิดฝาเตาหลอมโอสถ กลิ่นโอสถฉุนรุนแรงปะทะโพรงจมูกให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายโปร่งหัวโล่งสบาย
ชั้นที่สองบนเตาหลอมคือเม็ดโอสถสีเทาคล้ำขนาดนิ้วมือ สิ่งที่แตกต่างระหว่างเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณชุดนี้กับชุดอื่นนั้นคือ บนผิวยาสีเทาคล้ำปรากฏริ้วสายสีทองเส้นบาง แม้ริ้วสายจะเจือจางทว่าหากสังเกตให้ดีย่อมสามารถแลเห็นได้อย่างชัดเจน
โอสถเสริมพลังสามสิบเม็ด….เกอซีถ่ายถอนลมหายใจหลังการกลั่นโอสถอย่างต่อเนื่องยาวนานถึงสองชั่วยาม* ผลที่ได้กลับมีเพียงโอสถเสริมพลังจำนวน 30 เม็ด ปฏิบัติการที่นางต้องทุ่มเทจนหมดสิ้นทั้งแรงใจแรงกายกลับได้ผลตอบรับเพียงแค่นี้
*2 ชั่วยามคือ 4 ชั่วโมง
หากคำกล่าวนี้รู้ไปถึงหูของปรมาจารย์ผู้ปรุงโอสถทั้งหลาย อาการละล่ำละลักเลิ่กลักของพวกเขาอาจทำให้เกอซีแทบสำลัก เพียงคราแรกแห่งการฝึกปรุงกลั่นโอสถ ด้วยตำราโอสถขั้นพื้นฐานอย่างที่สุดเช่นนี้ หากสามารถหลอมโอสถออกมาได้ถึง 30 เม็ดยังนับว่าไม่อาจเพียงพอ เช่นนั้นปรมาจารย์เยี่ยงพวกเขาจะอยู่อย่างไรได้ ?
ทว่าเมื่อเกอซีลองประเมินความเหนื่อยยากรวมถึงกระทั่งวัตถุดิบ องค์ประกอบยาของโอสถเสริมพลังวิญญาณเทียบคำนวณกับสนนมูลค่าการซื้อขายของมันแล้ว นางจึงสามารถคลี่ยิ้มได้อย่างชื่นบาน
สมุนไพรเวทที่นำมาใช้ในการกลั่นหลอมเม็ดยาเสริมพลังวิญญาณนี้ย่อมมีมูลค่าไม่ถึงแก้วผลึกสิบก้อน เช่นนั้น เมื่อมันถูกหลอมสกัดให้กลายเป็นเม็ดโอสถเสริมพลังอย่างสมบูรณ์จะสามารถเรียกมูลค่าได้มากมายสักเพียงไร ? โอสถเสริมพลังคุณภาพต่ำย่อมมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งร้อยก้อนผลึก ขณะที่เม็ดโอสถคุณภาพสูงชั้นเลิศนั้นมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันแก้วผลึก !
หากมองในมุมนี้…..เวลาที่สูญเสียไปถึงสองชั่วยามนับว่าคุ้มค่าเป็นที่ยิ่ง !
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และตลอดช่วงเวลานั้นเกอซีหมกมุ่นตนเองอยู่กับการศึกษาตำราสรรพโอสถอันหลั่งล้น และฝึกกลั่นโอสถในช่วงกลางวัน เมื่อเข้าสู่ช่วงเย็นจึงกลับเข้าไปฝึกฝนพลังฝีมือ โคจรพลังปราณภายในมิติเวท
เมื่อวันคืนล่วงไปได้ครบสามวัน ขวดทุกใบในมิติเวทล้วนถูกบรรจุเต็มด้วยเม็ดโอสถ และเมื่อขวดทุกใบล้วนไม่อาจบรรจุสิ่งใดเพิ่มเติมได้อีก นางจึงเริ่มมองหาไหใบใหญ่เพื่อบรรจุเม็ดยาเพิ่มเข้าไปอีก จากนั้นจึงนำขวด และไหเก็บโอสถทั้งหมดไปรวบรวมไว้ในตำหนักเพลิงสวรรค์
***จบตอน กลั่นโอสถเสริมพลังวิญญาณ***