ความรู้สึกของสตรีในชุดขาวยามนี้ช่างยากเกินกว่าจะพรรณนาออกมาเป็นถ้อยคำได้ ร่างของนางสั่นสะท้านไปทั้งกายยามเมื่อถูกสายตาคู่นั้นจับจ้อง ครั้นเพียงไม่นานที่นางเพิ่งรำลึกได้ว่าพลังฝีมือของหนุ่มน้อยผู้ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้านั้นเป็นเพียงพลังปราณระดับเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม เสียงเย้ยเยาะอย่างถากถางจึงดังก้องด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “หนุ่มน้อย ข้าขอยอมรับว่าเล่ห์กลของเจ้านั้นนับว่าไม่เลว เจ้าสามารถกลบเกลื่อนร่องรอยตนได้อย่างไม่น่าเชื่อ น่าเสียดายที่เจ้าประเมินความสามารถของตนสูงส่งจนเกินไป หากเมื่อครู่เจ้าเลือกที่จะหลบหนีไปอาจบางทีเจ้ายังสามารถประคับประคองลมหายใจของตนต่อไปได้ ไม่คาดเลยว่าเจ้าจะสิ้นคิดถึงขนาดยอมมอบตัวให้ข้าถึงมือเช่นนี้ ! ฮึ่ม ! เช่นนั้นก็จงอย่าได้ตำหนิข้าที่ไร้ความเมตตา !”
เกอซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อ้อ เช่นนั้นเองรึ ? จะกล่าวไปก็คือ เจ้าสะกดรอยตามข้ามาตลอดทางเพื่อหมายสังหารข้าเช่นนั้นสิ ?”
นางแลดูเป็นคนที่ผู้อื่นสามารถรังแกได้ง่ายดายถึงขนาดที่ใคร ๆ ก็คิดจะเข้ามาลอบสังหารนางได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? เพิ่งวางมือจากองค์กรสยบแดนดินไปหมาด ๆ กลับต้องรับมือเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแล้วล่ะหรือ
สตรีในชุดขาวกล่าวตอบอย่างเลือดเย็น “เดิมที ข้าเพียงรับคำสั่งมาสืบหาตัวตนที่แท้จริงของเจ้าจากนั้นจึงค่อยหาโอกาสจัดการเจ้าเสีย ทว่าเห็นทีข้าคงไม่จำเป็นต้องสืบสาวให้เหนื่อยความก็สามารถส่งเจ้าไปเยือนถึงยมโลกไม่ต้องฝังดินกลบหน้าไยต้องใส่ใจเรื่องฐานะภูมิหลังอีกเล่า ฮ่าฮ่าฮ่า….”
“เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าต้องการลงมือสังหารข้าที่นี่ ?”
“ทำไม ครานี้เจ้ารู้จักกลัวแล้วล่ะหรือ ?” สตรีผู้สวมใส่อาภรณ์สีขาวระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“น่าเสียดาย สายไปเสียแล้ว !”
สิ้นสุดคำกล่าวนางก็รวมรวมกระแสพลังปราณส่งกระบี่เหินเวหาทะลุแหวกอากาศ ‘เฟี้ยว’ ก่อนจะพุ่งร่างติดตามมา
กระบี่เหินเวหาที่มุ่งตรงเข้าหาเกอซีนั้นไม่เพียงจะแบกขุมพลังอันหนักหน่วงร้ายกาจมาด้วยเท่านั้น เมื่อมันแทรกผ่านผิวบรรยากาศในที่ใด พื้นที่บริเวณนั้นล้วนถูกทำให้แข็งตัวด้วยอายพลังเย็นยะเยือก
ที่น่าแปลกยิ่งนั้นคือขุมพลังทั้งมวลในชั้นบรรยากาศคล้ายถูกดูดซับด้วยกระบี่เหินเวหายามเมื่อมันขับเคลื่อนผ่านพ้น จึงยิ่งส่งให้ตลอดทั่วทั้งด้ามกระบี่ทรงอานุภาพอย่างหนักหน่วงรุนแรง และด้วยเหตุดังเช่นที่กล่าวนั้นเอง ยามเมื่่อปลายกระบี่เสียดประชิดใกล้ผิวกาย เกอซีสามารถรับรู้ได้ถึงพลานุภาพความน่าสะพรึงของอาวุธชิ้นนี้
“เจ้าคนน่ารำคาญไปตายซะ !” ขุมพลังที่เหี้ยมโหดพวยพุ่งผ่านฝ่ามือของสตรีผู้นั้น ดวงหน้าที่น่ารักบอบบางบิดเบี้ยวไปด้วยรอยยิ้มแสนร้ายกาจ
ทว่าทันทีที่ปลายกระบี่กำลังจะเสียดแทงทะลุผ่านเรือนร่างแสนบอบบางของเกอซี แววตาของนางฉายประกายขึ้นวาบหนึ่งคล้ายฉุกคิดบางสิ่งขึ้นได้ฉับพลัน ร่างของนางก็เคลื่อนหายไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ในทันที
สตรีในชุดขาวผู้นั้นจ้องตะลึงค้างสีหน้าซีดขาวด้วยความตกตะลึง นางหมายจะพุ่งกระบี่เหินเวหาออกไปอีกครา ทว่ากลับพบว่าตนมิอาจเคลื่อนไหวร่างกายได้เลย
ร่างนั้นแข็งค้าง ปลายขาข้างหนึ่งอยู่ในท่าเหยียดย่างก้าวตรงไปข้างหน้า ขณะที่สองแขนเหยียดขึ้นคล้ายกำลังพุ่งกระแสพลังตรงออกไป ท่วงท่าในขณะนี้ช่างชวนขันแปลกตายิ่งนัก ทว่านางไม่อาจเคลื่อนขยับกายหรือสิ่งใดได้แม้เพียงน้อย
ที่ย่ำแย่อย่างที่สุดนั้นคือ ปลายเท้าความเย็นยะเยือกด้านชาประดุจถูกแช่แข็งกำลังค่อย ๆ คืบคลานกลืนกินเข้ามาเรื่อย ๆ ประดุจถูกพอกด้วยโคลนหนาขึ้นเป็นชั้น ๆ
ชั่วขณะนี้เอง น้ำเสียงของเกอซีพลันก้องดังขึ้นในโสตประสาท “เป็นอย่างไรเล่า เจ้ายังหมายจะสังหารข้าอีกไหม ?”
ความตื่นตระหนกหวาดกลัวพาดผ่านดวงหน้าของนาง ในแววตาคือความหวาดผวาอย่างเหลือแสน
“เจ้า….เจ้าทำอะไรข้า ? เหตุใดข้าจึงไม่อาจขยับเขยื้อนกาย ?”
“อ้อ นี่คือพิษผนึกผืนปฐพี ซึ่งทำให้ร่างของผู้ที่ต้องพิษมิอาจขยับเคลื่อนไหว เสมือนหนึ่งถูกพันธนาการด้วยพลังปีศาจให้คนผู้นั้นถูกตรึงผนึกไว้กับผืนปฐพี กล้ามเนื้อทั้งหมดไม่อาจทำงานเคลื่อนไหวอวัยวะในกาย ยิ่งผ่านไปเนิ่นนาน ร่างของคนผู้นั้นจะค่อย ๆ อ่อนกำลังสิ้นไร้เรี่ยวแรงลงไปเรื่อย ๆ แข็งค้างไม่อาจเคลื่อนมากขึ้นไปเรื่อย ๆ กระทั่งที่สุดร่างกายของคนผู้นั้นจะอยู่ในสภาพที่มิต่างใดกับรูปสลักศิลาซึ่งแตกเปราะ กระเทาะเพียงคราเดียวก็แหลกลาญลงเป็นล้านเสี่ยง !”
ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายได้รับฟัง สีหน้าของนางกลับยิ่งเผยให้เห็นความหวาดกลัวอย่างเด่นชัด ความหวาดผวาตื่นกลัวเพิ่มขึ้นอย่างหนักหน่วงกระทั่งกล้ามเนื้อบนใบหน้าบิดเบี้ยวแปรเปลี่ยน
แม้กระนั้น เกอซีกลับเพียงเปล่งเสียงหัวเราะ “ทว่าเจ้าไม่ต้องกังวลไป การจับตัวของพิษผนึกผืนปฐพีนั้นจะให้ผลอย่างที่สุดได้เฉพาะแต่เพียงกับคนสามัญธรรมดาเท่านั้น เมื่อผู้ฝึกยุทธทั้งหลาย โคจรกระแสพลังปกป้องเรือนกายของตนไว้ พิษผนึกผืนปฐพีย่อมไม่อาจทำให้คนผู้นั้นกลับกลายเป็นหลักศิลาไปได้โดยง่าย เช่นนั้น พิษผนึกผืนปฐพีนี้ย่อมสามารถตรึงเจ้าไม่ให้เคลื่อนกายได้แค่เพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น”
***จบตอน พิษผนึกผืนปฐพี***