สิ้นสุดคำกล่าว เกอซีขยับยกกระบี่ในมือขึ้น
เพียงสตรีในชุดขาวผู้นั้นได้เห็นปลายกระบี่ถูกกดตรงเข้ามาใกล้ นางก็มิอาจฝืนทนต่อความทรมานอันทุกข์ทน และความประหวั่นพรั่นพรึงภายในใจของตนได้อีกต่อไป นางร่ำร้องตะโกนด้วยสีหน้าแทบสิ้นสติ “ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว ขอเจ้าจงละเว้นข้าด้วย !”
“เช่นนั้นก็รีบพูด เป็นคำสั่งผู้ใดใช้ให้เจ้ามาสังหารข้า ?”
“เป็น ….. เป็นตำหนักราชันมัจจุราช ! คนของตำหนักราชันมัจจุราชสังให้ข้ามาสังหารเจ้า !”
“ตำหนักราชันมัจจุราช ?” เกอซีหรี่ตาลง “เหตุใดคนจากตำหนักราชันมัจจุราชจึงมีใจจะสังหารข้า ? เช่นนั้นผู้ใดที่ต้องการสังหารข้า ?”
ทั่วร่างของนางกระตุกดวงตากรอกไปมาก่อนนางจะขยายความต่อด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “เป็น…เป็นชิงหลง ! ถูกแล้ว เป็นชิงหลงที่สั่งให้ข้ามาสังหารเจ้า ! นั่นเพราะเจ้าคือบุรุษทว่ากลับกล้ายั่วยวนองค์ราชันมัจจุราช ทำให้ชื่อเสียงขององค์ราชันมัจจุราชต้องหม่นหมอง นี่จึงเป็นเหตุให้พวกชิงหลงต้องการให้เจ้าตาย พวกเขาจึงส่งข้ามาสังหารเจ้า”
ชิงหลงต้องการสังหารนาง ? ด้วยเพราะนางใช้รูปลักษณ์ของบุรุษมายั่วยวนหนานกงยวี่ ?
น่าขบขันเป็นที่ยิ่ง ! คิดว่านางเป็นเด็กสามขวบไร้สมองกระนั้นหรือ ?
ทั้งชิงหลง ไป๋หู่ และทุกคนล้วนรู้ดีว่านางคืออิสตรี และแม้นหากพวกเขาหมายจะลงมือสังหารใครสักคน ย่อมไม่มีทางส่งสวะมาจัดการแทนอย่างแน่แท้
เกอซียกยิ้มอย่างเยาะหยันก่อนชิ้นเนื้อบางจะถูกเฉือนออกจากใบหน้าของสตรีผู้อยู่เบื้อหน้า “เมื่อเจ้ายังไม่ต้องการจะบอก ก็ไม่ต้องบอก ข้าไม่อยากรู้ว่าผู้ใดหมายจะสังหารข้าแล้ว อันที่จริง เจ้าน่าจะมาเป็นหนูทดลองให้ข้าได้ฝึกฝนฝีมือมีดเสียหน่อย”
ชิ้นเนื้อบนใบหน้า ติดตามมาด้วยชิ้นเนื้อบนท่อนแขนล้วนถูกเฉือนให้ร่อนเผยออกทีละชิ้น ๆ สตรีในชุดขาวกรีดเสียงร้องโหยหวนแหลมดัง
แม้บาดแผลเหล่านี้ล้วนนับเป็นเพียงอาการบาดเจ็บทั่วไปสำหรับเหล่าผู้ฝึกยุทธ ทั้งยังสามารถเยียวยารักษาได้โดยง่าย ทว่าการทรมานด้วยวิธีการเช่นนี้ย่อมนับได้ว่าโหดร้ายทารุณอย่างเหลือแสน
หญิงผู้นั้นคิดได้เพียงว่าผู้ที่นางกำลังเผชิญหน้าอยู่ในยามนี้คือปีศาจ ที่ทำให้นางรับรู้ถึงประสบการณ์ความตื่นผวาอย่างสุดชีวิตในยามนี้ ผู้ใดจะล่วงรู้ได้ว่าจะมีการทรมานเช่นไรรออยู่เบื้องหน้า !
ที่สุดแล้วสายน้ำตาของหญิงผู้นั้นก็แตกทะลัก “ข้าพูด ข้าพูดแล้ว เป็นจื่อเหยียนที่สั่งข้ามา ! ได้โปรดละเว้นข้าเถิด !”
“จื่อเหยียน ?” เกอซีไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบต่อชื่อเสียงเรียงนามของจื่อเหยียนผู้นี้ เกอซีนิ่งไปครู่หนึ่ง “นางคือผู้ใด ? เหตุใดจึงหมายชีวิตข้า ?”
สตรีในชุดขาวตอบคำพลางร่ำไห้ “ข้าคือไป๋จื่อ ข้าคือผู้ที่คอยดูแลรับใช้คุณหนูเช่นกัน ส่วนจื่อเหยียนหากจะเทียบกับข้าแล้ว นางนับเป็นผู้รับใช้ส่วนตัวของคุณหนูที่มีพลังฝีมือชั้นสูง จื่อเหยียนบอกว่าเจ้ายั่วยวนองค์ราชันมัจจุราช เป็นเหตุให้คุณหนูต้องชอกช้ำผิดหวังในรัก เช่นนั้นนางจึงสั่งให้ข้ามาสังหารเจ้า และหากข้าทำภารกิจในครานี้ลุล่วงเป็นผลสำเร็จได้ จื่อเหยียนจะเอ่ยปากขอให้คุณหนูเลื่อนตำแหน่งให้แก่ข้า !”
สองคิ้วของเกอซีจิกเข้าหากันเล็กน้อย “คุณหนูที่เจ้ากล่าวถึงนั้นคือเทพธิดาบัวเยือกแข็งผู้นั้นล่ะหรือ ?”
“ถูกแล้ว !” เพียงกล่าวถึงคุณหนูของนาง ใบหน้าของสตรีในชุดขาวผู้นั้นกลับเผยแสดงออกถึงความเคารพอย่างสุดซึ้งในดวงใจ “คุณหนูของข้าคือคุณหนูแห่งตระกูลเฟิ่งผู้มีชาติกำเนิดมาแต่ท่านฮูหยินใหญ่ผู้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย ยังอีกทั้งคุณหนูคือผู้นำตระกูลรุ่นน้อยแห่งสำนักหลิวหลี ตลอดทั่วทั้งอาณาเขตแทบทวีปหมีหลัวแห่งนี้ เพียงผู้เดียวที่เหมาะสมจะเคียงคู่กับองค์ราชันมัจจุราชนั้นก็คือคุณหนูของข้า ส่วนเจ้าคือผู้ใดกัน เจ้าเป็นบุรุษเพศโดยแท้ ทว่ากลับหมายจะได้ทอดกายลงใต้ร่างของบุรุษอย่างไร้ยางอาย ! เจ้าถึงกับเพียรพยายามจะยื้อแย่งองค์ชายราชันมัจจุราชให้ได้ ! ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่าให้รีบปล่อยตัวข้าไป หาไม่แล้ว คุณหนูย่อมไม่มีวันยอมรามือจากเจ้าเป็นแน่ !”
“ได้ !” ร่องรอยแห่งความเหยียดหยันปรากฏรอบมุมปากที่ขยักขึ้นของเกอซี “ข้าได้ยินคำเตือนของเจ้าอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำแล้ว เช่นนั้นสำหรับเจ้า ย่อมสมควรไปตายได้แล้ว !”
พร้อมถ้อยคำที่หลุดออกจากปาก เกอซียกฝ่ามือขึ้นตะปบลำคอผู้ที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่รั้งรอให้ไป๋จื่อได้โต้ตอบใด ออกแรงกดแค่เพียงนิดที่ปลายนิ้ว เสียงดัง ‘กร๊อก’ ก็สะท้อนก้องไปทั่วทั้งตรอก ลูกนัยน์ตาของไป๋จื่อเบิกโพลง ความหวาดกลัวอาบล้นไปทั่วทั้งดวงหน้า เพียงไม่นาน ศีรษะของนางก็พับลง ลำคอไร้เรี่ยวแรงพลัง
นาง ! สาวใช้ขั้นสองแห่งตระกูลเฟิ่ง ผู้มีพลังฝีมือระดับสูงสุดในขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ ที่สุดแล้วกลับต้องสิ้นลมไปโดยมิอาจแม้เพียงเปล่งเสียงร้องโอดครวญ
เกอซีจับจ้องไปยังร่างไร้วิญญาณ ภายใต้ดวงตาคู่นั้นไร้ร่องรอยแห่งอารมณ์ความรู้สึกใดที่สามารถยลเห็นหรือสัมผัส ขวดน้อย ๆ ใบหนึ่งถูกควักออกจาก
อกเสื้อ วารีกร่อนกระดูกถูกรินรดหลั่งลงบนร่างที่นอนแน่นิ่งสนิท
***จบตอน ปีศาจ***