“เฮ้ย ! เสียดายของ เสียดายของชะมัด !” เมื่อได้เห็นขากระต่ายย่างหายเกลี้ยงไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ขอทานเฒ่าถึงกับเอะอะโวยวายจนหนวดกระตุก
“นี่เจ้าตุ๊กตาน้อย เหตุใดต้องจริงจังถึงเพียงนี้เล่า ? เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดไป อย่างไรข้าก็เป็นอาจารย์ของเจ้าอยู่ดี ! ทำอาหารให้อาจารย์กินนั้นก็ถือเป็นการแสดงความกตัญญูที่เหมาะสมยิ่งแล้ว !”
หญิงสาวหัวเราะเยาะ “ข้ายินยอมคารวะเจ้าเป็นอาจารย์ตั้งแต่เมื่อไรกัน ? เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว !”
“โธ่ กะอีแค่คารวะข้า เจ้าไม่เจ็บไม่ตายหรอกน่า ! เหตุใดเจ้าจึงแบ่งอาหารให้ผู้อื่นได้แต่ให้ข้าบ้างไม่ได้เล่า ! นี่มันอกตัญญูชัด ๆ !”
กล่าวจบ เขาก็โบกมือฟึ่บในอากาศ ต้านต้านที่ยืนลูบท้องกลม ๆ อยู่พลันกลับมาปรากฏในมือของขอทานเฒ่าในสภาพที่ถูกรัดคอห้อยตัวต่องแต่งอยู่กลางอากาศ
ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดลงทันใด นางรีบตรงเข้าไปคว้าตัวต้านต้านกลับคืนมาด้วยความคล่องแคล่วฉับไว
ทว่า แม้จะเคลื่อนไหวรวดเร็วสักเพียงไรกลับไม่อาจแตะต้องแม้เพียงชายเสื้อของขอทานเฒ่า
ส่วนต้านต้านนั้นก็ร้องเอะอะเสียงหลง ชายชราลูบเคราหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “แม่ตุ๊กตาน้อย พรสวรรค์ของเจ้านั้นนับว่าดีทีเดียว แต่หากคิดจะฉวยสิ่งที่อยู่ในมือข้านั้นนับว่ายังเร็วไป !”
ประกายตาของเกอซีค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาประดุจน้ำแข็ง ครั้นเมื่อสามารถประชิดตัว นางรีบเหยียดยื่นท่อนแขนออกไป เพิ่งจะตอนนี้เองที่ร่างของขอทานเฒ่าถูกอัดกระแทกใส่เสียงดังตุบ !
“โอ้ ลงมือได้หนึ่งกระบวนท่า ! คิดไม่ถึงว่าสัญชาตญาณของเจ้าจะเฉียบคมไม่น้อย” แม้ชายชราจะล้มลง ทว่าต้านต้านกลับยังคงอยู่ในมือ ถึงตอนนี้ ร่างของผู้ชราขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ ขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับเกอซีพร้อมรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ และเสียงหัวเราะด้วยความสุขสันต์ “ยิ่งได้รู้จักเจ้า ข้าก็ยิ่งอยากได้เจ้ามาเป็นศิษย์เสียแล้ว”
ใบหน้าของหญิงสาวเย็นชายามเมื่อนางแหงนมองต้านต้านที่ดิ้นพราด ๆ อยู่กลางอากาศ น้ำเสียงของนางแข็งกร้าว “เจ้าต้องการสิ่งใด ?”
ชายชราทำหน้าสลดน้ำเสียงเศร้าสร้อย “แม่ตุ๊กตาน้อย เจ้ายังมีขากระต่ายย่างนั่นเหลืออยู่บ้างไหม ? ข้าท้องว่างมาหลายวันแล้ว ยังไม่ได้กินอิ่มให้เต็มคราบเสียที !”
ช่างมันเถิด ! ก็แค่เพียงของกินเท่านั้น นางยังมีอีกตั้งมากมาย !
นางเป็นเพียงคนสามัญธรรมดา ทั้งก็ไม่ต้องการต่อปากต่อคำกับขอทานเฒ่าสติเฟื่องผู้นี้ด้วย !
เมื่อได้เห็นของกิน มีหรือที่ขอทานเฒ่าจะเสียมือไปจับตัวประกันอย่างต้านต้านไว้ “ใครจะไปสนเรื่องคารวะอาจารย์อะไรนั่นเล่า !” เขาเปล่งอุทานออกมาก่อนจะตรงรี่เข้าหาของกิน
และทันทีที่ต้านต้านร่วงลงจากกลางอากาศแล้วได้เห็นของกินอันล้ำค่าของตนถูกผู้อื่นชิงเขมือบไปก่อน ต้านต้านก็หลงลืมความหวาดกลัวเมื่อครู่ไปสิ้น เสียงตะโกนร้องด้วยความดุเดือดดังขึ้นก่อนร่างกลม ๆ จะพุ่งตรงเข้าหาเป้าหมาย
“เจ้าเฒ่าเต่าเหม็น ห้ามกินอาหารข้า ! อาหารของท่านแม่เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น !”
หญิงสาวยกมือขึ้นกุมหน้าผากด้วยความอ่อนใจ เจ้าลูกหมูน้อยสมองกลวงเอ๋ย ! ช่างทำตัวให้นางไม่อยากได้มาเป็นสัตว์เวทได้ตลอดเวลาเสียจริง !
การประชันฝีมือสวาปามครั้งใหญ่ว่าผู้ใดจะยัดเข้าพุงไปได้มากกว่ากันระหว่างขอทานเฒ่ากับต้านต้านดำเนินไปชั่วหนึ่งก้านธูป บนโต๊ะอาหารที่บริบูรณ์ไปด้วยของกินต้องพังพินาศยับเยินด้วยฝีมือของทั้งคู่ ยิ่งโดยเฉพาะสำรับชุดเนื้อทั้งหลายล้วนราพณาสูร
ขอทานเฒ่ายกมือขึ้นลูบท้องเป่งเรอแสดงความพึงพอใจ “ในชีวิตนี้ข้าได้กินอาหารยอดโอชะเช่นนี้ ถึงตายก็ไม่เสียดายแล้ว——”
“สำรับที่ท่านปรุงกับมือนั้นต้านต้านกินได้ทุกวันเลย !” ต้านต้านหน้าบูดบึ้งหันก้นชี้ส่งให้ขอทานเฒ่า “ต่อไป อาหารของท่านแม่ต้านต้านจะกินให้เรียบ ไม่ให้เหลือถึงเจ้าเลย !”
“เจ้าตัวน้อย เหตุใดเจ้าจึงร้ายเหมือนนายเจ้าไม่ผิดเพี้ยน !” ขอทานเฒ่าขบขัน หากทว่าเมื่อเพ่งมองดูต้านต้าน ร่องรอยแห่งความฉงนกลับปรากฏขึ้นในแววตา
เจ้าลูกหมูสีชมพูตัวนี้เห็นจะเป็นสัตว์เวทของแม่หนูน้อย อายรัศมีที่แผ่ออกจากเจ้าตัวนี้ไม่ใช่ปกติ ลักษณะเช่นนี้แปลก และแตกต่างจากสัตว์เวทโดยทั่วไปนัก แม้กระทั่งตัวเขาก็ยังไม่อาจมองทะลุเห็นร่างที่แท้จริงภายใต้การอำพรางกายของร่างนี้ได้
แม้ในทวีปหมีหลัวจะมีสัตว์เวทที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ทว่ายากยิ่งนักที่สัตว์เวทจะมีความเฉลียวฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้
***จบตอน สู้สุดฤทธิ์ชิงยอดอาหารโอชะ***