เฟิ่งเหลียนอิ่งรู้สึกถึงลมหายใจอันเย็นเยียบที่ผ่านเข้าสู่เรือนกายใบหน้ายามนี้ของนางมืดมัวอย่างน่าชัง อ่านนิยาย
ด้วยเพราะนางจดจำได้ว่าครั้งหนึ่งท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่ากล้วยไม้งูพิษทะลวงเป็นพิษที่ร้ายกาจสักเพียงไร หากจะอย่างไรเสีย นางยังคงหันไปชำเลืองมองท่านเจ้าวังจื่อจินด้วยใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวแฝงความเคลือบแคลงในใจว่าเขาจะนำพิษนี้ออกมาใช้จริงล่ะหรือ
ประกายตาอันเฉียบคมฉายผ่านแววตาของท่านเจ้าวังจื่อจินขึ้นวูบหนึ่งก่อนเขาจะเริ่มเอ่ยกล่าวต่อ “สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำในครานี้คือกลืนกล้วยไม้งูพิษทะลวงนี้ลงไป จากนั้นจงเร่งหายาถอนพิษซึ่งถูกบรรจุอยู่ในหนึ่งในขวดโอสถทั้งสามสิบขวดเบื้องหน้านี้”
“ขวดโอสถทั้งสามสิบล้วนมีคุณลักษณะเฉกเช่นเดียวกันกับยาถอนพิษตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นสี กลิ่น กระแสพลังที่สะสม นอกไปเสียจากตัวยาถอนพิษขวดจริงแล้ว ที่เหลือล้วนไม่มีคุณสมบัติในการสกัดกั้นพิษร้าย ยังอีกทั้งจะกลับกลายส่งผลให้พิษร้ายกลับกำเริบอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น เช่นนั้นแล้ว บททดสอบนี้พวกเจ้าทั้งสองจงตรองดูเถิดว่าพวกเจ้าจะยังหมายเข้าร่วมการรับบททดสอบอยู่อีกหรือไม่ พวกเจ้าควรใคร่ครวญให้ถ้วนถี่”
เกอซีก้าวตรงออกไปคว้าขวดน้อย ๆ ขึ้นมาสองใบเปิดจุกออกสูดดม
แน่นอนที่สุด เป็นดังที่กล่าว ทั้งรูปร่าง สีสัน กลิ่น ทุกสิ่งล้วนไม่มีข้อแตกต่าง การค้นหายาถอนกล้วยไม้งูพิษทะลวงนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็น หากทว่าสิ่งที่ยากเย็นนั้นคือภายหลังจากได้กลืนกินพิษชนิดนี้ลงไปแล้ว
ช่วงเวลาในการแสวงหายาถอนพิษซึ่งอยู่ในขอบข่ายเวลาที่จำกัด เกล็ดงูอันสืบเนื่องมาจากผลพิษจะค่อย ๆ ปรากฏเด่นชัดขึ้นบนกายมากขึ้นเรื่อย ๆ จากสภาพดังที่กล่าว มนุษย์สามัญโดยทั่วไปจะยังคงบรรจงคลำหายาถอนพิษจากตัวยาทั้งหมดที่มีด้วยอาการเฉยชาอย่างไรได้
เกอซีหัวร่ออย่างเย็นชาก่อนจะคว้าขวดโอสถสีแดงขึ้นมาใส่ปากกลืนลงไปในทันทีอย่างไร้ความลังเล
ท่านเจ้าวังจื่อจินเลิกคิ้วสูง ในแววตาคู่นั้นจ้องเขม็งด้วยความประหลาดใจ ความกล้าหาญชาญชัยของเกอซีผู้นี้ทำให้เขาผู้ดำรงอยู่มาเนิ่นนานนับสหัสวรรษยังอดไม่ได้ที่จะยอมรับชื่นชม
เพียงกล้วยไม้งูพิษทะลวงล่วงผ่านลงสู่ช่องท้อง เส้นสายสีแดงวิ่งไล่ไต่ไปตามแนวเส้นเลือดที่ไหลเวียนตลอดทั่วทั้งช่วงแขนของนางก็เริ่มปรากฏเด่นชัด เส้นสายสีแดงทั้งหมดทั้งมวลเหล่านั้นค่อย ๆ แผ่ขยายเลื้อยตามลงไปกระทั่งถึงหัวใจ
สีหน้าของเกอซีคมเข้มด้วยสมาธิอันจดจ่อ การเคลื่อนมือของนางรวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงชั่วพริบตา ขวดกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินคาดลายขาวทั้งสามสิบใบพลันถูกเปิดออก โอสถทั้งหมดถูกเทลงใส่ถาดเรียบ
ฉับพลันนั้นเอง แท่งเข็มเงินปรากฏขึ้นในมือของเกอซี นางสอดแทรกแท่งเข็มเงินลงเพียงเล็กน้อยเข้าสู่เม็ดโอสถแต่ละเม็ดที่ถูกถ่ายออกมาเมื่อสักครู่ กลิ่นหอมของสมุนไพรลอยฟุ้งไปในอากาศ
ทั้งกลิ่น ทั้งลักษณะคลื่นพลังที่ไหลถ่ายเทออกมาจากโอสถทั้งหมดล้วนคลับคล้ายใกล้เคียง กระทั่งแม้เมื่อหมอทั้งหลายซึ่งมีทักษะการรักษาโดยทั่วไปในแถบทวีปหมีหลัวจะเดินพลังเพื่อตรวจสอบเม็ดโอสถเหล่านี้ล้วนย่อมไม่อาจพบเจอยาถอนพิษเม็ดจริงได้เลย
หากทว่าเกอซีนั้นแตกต่าง ด้วยเมื่อนางสามารถตรวจหาความแตกต่างแห่งคุณสมบัติของเม็ดโอสถทั้งหลายได้ด้วยการสัมผัสเพียงแผ่วเบา ด้วยการลิ้มรสเพียงเล็กน้อย แม้นางจะเคยผ่านการชิมรสสมุนไพรต่าง ๆ มากมายหลากหลายในอดีตภพ ในฐานะหมอเทวะ หากทว่าการต้องแยกแยะห้าธาตุจากเม็ดโอสถทั้งสามสิบเม็ดจะนับเป็นสิ่งอันไม่ต้องอาศัยความเพียรมุ่งมั่นอย่างไรได้
เพียงชั่วสามอึดใจถัดมา หญิงสาวหยิบยกเม็ดโอสถเม็ดหนึ่งขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางบนดวงหน้า
ครั้นเมื่อเห็นนางกำลังจะโยนเม็ดโอสถล่วงใส่ปาก ท่านเจ้าวังจื่อจินถึงกับเอ่ยปากยั้งอย่างอดใจไม่ได้ “เจ้ายังมีเวลาตรวจสอบอีกมาก ไม่จำเป็นต้องรีบด่วนตัดสินใจ หากเจ้าเลือกเม็ดยาผิด ย่อมอาจเป็นได้ที่สิ่งนั้นจะทำให้พิษในกายกำเริบกระทั่งต้องสิ้นใจ เจ้าตรองอย่างถ้วนถี่แล้วกระนั้นหรือ ?”
ประกายตาแห่งความมั่นใจฉายผ่านดวงตาคู่นั้นของเกอซี เม็ดโอสถถูกกลืนล่วงผ่านลำคอไปอย่างไร้อาการลังเลไม่แน่ใจ เสียงกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างบ้าบิ่นดังขึ้น “ต้องขออภัยด้วยที่ตัวข้านั้นมีความเชื่อมั่นในทักษะการแพทย์ของตนยิ่งนัก”
แม้ท่านคือเจ้าวังจื่อจินผู้อยู่ล่วงเลยกาลเวลามาเนิ่นนานนับพันปี ก็ย่อมไม่อาจเป็นไปได้ที่จะข่มขวัญข้าในความเชื่อมั่นนี้ !
และนี่คือความภาคภูมิใจอย่างยิ่งใหญ่ที่นางเชื่อมั่นมาโดยตลอด
และเป็นดังที่คาด ทันทีที่เม็ดโอสถล่วงเลยผ่านไปถึงกระเพาะ พิษทั้งหมดทั้งมวลที่ไหลรวมลงสู่จุดตันเถียน และเริ่มไหลเวียนถ่ายเทไปเรื่อยกลับถูกแปรสถาพให้กลับกลายเป็นกลางโดยฉับพลัน
ความเหลือเชื่อแฝงอาการแห่งการยอมรับเผยผ่านดวงหน้าของท่านเจ้าวังจื่อจิน ยิ่งมอง สายตาที่จับจ้องมายังเกอซีกลับยิ่งเปี่ยมไปด้วยความทึ่ง
***จบตอน ความภาคภูมิใจอันใหญ่หลวง***