ซีเยว่ ! ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะเจ้า เจ้าคนสารเลวซีเยว่ !
รอให้นางได้รับช่วงตำแหน่งผู้สืบทอดเสียก่อน ออกจากวังจื่อจินเมื่อไร นางจะต้องฉีกร่างของมันเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน !
ท่านเจ้าวังจื่อจินยังเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมตอบโต้ของคนทั้งสอง เพียงชายเสื้อสะบัด ภาพเบื้องหน้าสายตาของทุกคนพลันแปรเปลี่ยนในทันที
สวนที่แสนหรูหราสง่างามพลันปรากฏภาพขึ้น ในกลางสวนแห่งนั้นคือเจ้าสัตว์ป่าแสนดุร้ายขนาดมหึมาประมาณเท่าภูเขาย่อม ๆ กำลังนอนหมอบอยู่ รูปร่างเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้คล้ายหมี หากทว่า ใบหน้าดูคล้ายสุนัข ยามนี้ร่างกายท่อนล่างของมันนอนเหยียดยาวราบไปกับพื้นดูน่าขบขันยิ่งนัก
เพียงท่านเจ้าวังจื่อจินเห็นเจ้าสัตว์ป่าแสนดุร้ายตัวนี้ ใบหน้าของเขากลับแลดูอ่อนโยนขึ้นในทันที ชายหนุ่มก้าวตรงเข้าหาเจ้าสัตว์ป่าตัวร้ายพลางเหยียดยื่นมือออกไป “นี่คือชิงชาสัตว์เวทพลังชีวิตที่ข้าเป็นผู้ปราบมันลงด้วยตนเองสมัยที่ข้ายังคงหนุ่มแน่น มันคือผู้ร่วมเดินทางตัวสำคัญของข้าทีเดียว บททดสอบที่สามของพวกเจ้านั้นคือ เจ้าต้องทำให้ชิงชายอมรับตัวเจ้าให้ได้ ผู้ใดสามารถทำให้ชิงชายอมสยบให้ได้เป็นคนแรกย่อมจะได้ขึ้นเป็นเจ้าวังจื่อจินรุ่นต่อไป
ชิงชาผงกหัวขนาดยักษ์ของตนอย่างเร็วรี่ทำท่าออดอ้อนออเซาะประดุจต้องการจะตอบรับคำสั่งของท่านเจ้าวังจื่อจิน
ที่สุดแล้วใบหน้าที่หม่นมัวของเฟิ่งเหลียนอิ่งผู้ยืนชมอยู่ข้าง ๆ ก็สามารถเผยรอยยิ้มออกมาได้
นางก้าวตรงออกมาด้วยความมาดมั่นพลางเอ่ยถามพร้อมเสียงหัวเราะอันนุ่มนวล “ท่านเจ้าวังจื่อจิน ในครานี้ขอให้ข้าเป็นผู้ลองก่อนจะได้หรือไม่”
ท่านเจ้าวังจื่อจินผงกศีรษะ “ย่อมได้”
เฟิ่งเหลียนอิ่งค่อย ๆ ขยับย่างกรายออกไป ครั้นเมื่อผ่านร่างของเกอซี ฝีเท้าของนางชะงักลงเล็กน้อย มุมปากขยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แปลกตา “ขอถามท่านเจ้าวัง หากข้าสามาถทำให้เจ้าสัตว์เวทตนนี้เชื่อฟังได้ ย่อมหมายความว่าข้าจะได้เป็นผู้รับช่วงสืบทอดวังจื่อจินต่อในทันทีใช่หรือไม่ ?”
ท่านเจ้าวังมีอาการสะดุ้งเล็กน้อย หากทว่าในแววตากลับเปล่งประกายขึ้นวาบหนึ่งด้วยรอยยิ้มที่ขยักยกขึ้นพร้อมการผงกศีรษะรับ “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ชิงชาย่อมสามารถยอมรับนายได้แค่เพียงหนึ่ง เช่นนั้นผู้ใดที่สามารถทำให้ชิงขายอมรับได้ คนผู้นั้นย่อมต้องเป็นผู้รับช่วงการสืบทอดอย่างแน่นอน”
ทันทีที่ได้ยิน เฟิ่งเหลียนอิ่งก็ยิ่งยิ้มหน้าบานด้วยความภาคภูมิใจ นางหันมาหาเกอซีเอ่ยกล่าวเบาเสียง “คุณชายซี กว่าเจ้าจะมาได้ถึงจุดนี้หาใช่ง่ายดาย หากทว่าเสียดายยิ่งนักที่บทสรุปสุดท้ายคงทำให้เจ้าต้องผิดหวังเสียแล้ว ข้าจะได้เป็นผู้รับช่วงสืบทอดตำแหน่งเจ้าวังจื่อจินรุ่นต่อไปอย่างแน่นอน ! ทั้งยังจะมีพี่ยวี่ที่รอฟังข่าวดีจากข้าด้วยความร้อนใจ !”
ร่างของเฟิ่งเหลียนอิ่งลอยเคลื่อนขึ้นกลางอากาศประดุจเทพธิดาในทันทีที่กล่าวจบโดยไม่รั้งรอฟังคำโต้ใดของเกอซี ปลายเท้าของนางจรดลงตรงหน้าชิงชา สัตว์เวทตัวร้าย
เฟิ่งเหลียนอิ่งย่อมไม่กระทำการสุ่มสี่สุ่มห้า นางมีความมั่นใจในพรสวรรค์ของตนเองยิ่งนัก ชื่อเสียงในฐานะเทพธิดาบัวเยือกแข็งผู้นำรุ่นเยาว์แห่งสำนักหลิวหลี และสมาชิกระดับกลางแห่งสหพันธ์แพทย์นั้นแพร่สะพัดไปทั่วอย่างกว้างขวาง
หากทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่จะล่วงรู้ว่า เฟิ่งเหลียนอิ่งนับเป็นยอดฝีมือด้านการปะเหลาะสัตว์ป่าให้เชื่อง ด้วยความสามารถของนางทำให้นางสามารถสร้างพันธสัญญากับสัตว์เวทขั้นสูงได้ถึงสามตน
การทดสอบขั้นที่สามนี้ย่อมเสมือนหนึ่งถูกสรรสร้างวางไว้เพื่อนางเท่านั้น ยังจะมีเหตุผลใดอีกเล่าที่ทำให้นางไม่อาจได้ชัยชนะมาครอบครอง ?
เฟิ่งเหลียนอิ่งยกแขนเนียนสะอาดไร้จุดด่างดำขึ้นพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ กระดิ่งเงินใบเล็กปรากฏขึ้นเบื้องหน้าในทันที
ขณะที่ฝ่ามือบอบบางนั้นแกว่งไกวกระดิ่งใบน้อยไปมาอย่างอ่อนโยนนั้น เสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ อันแสนไพเราะก็ก้องกังวานเสนาะหู
เพียงได้เห็นกระดิ่งใบนี้ ท่านเจ้าวังจื่อจินก็ชะโงกหน้ามองตามพร้อมรอยยิ้มแสดงความสนใจอยู่มิน้อย “กระดิ่งหยินหยาง น่าสนใจจริง เจ้าเฒ่านั่นถึงกับมอบของวิเศษเช่นนี้ให้ศิษย์ตนเชียวรึ !”
ในช่วงแรกเสียงกระดิ่งไร้ผลใด ๆ ทั้งสิ้น หากทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง แววตาของชิงชากลับดูคล้ายไร้ทิศทาง แลดูเลือนลาง
เมื่อกระดิ่งหยินหยางเริ่มสงผล เฟิ่งเหลียนอิ่งก็ยิ่งยินดีปรีดา กระดิ่งน้อยในมือถูกสบัดแกว่งให้เร็วถี่กระชั้นขึ้น
ครั้นเมื่อจังหวะสั่นเริ่มเร็วกระชั้นถี่ เสียงกระดิ่งก็เริ่มส่งท่วงทำนองที่แปลกหูมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
***จบตอน สัตว์เวทชีวิต “ชิงชา”***