ตอนที่ 273 หลอกล่อ
ยิ่งคิด คิ้วทั้งสองของเกอชีก็ยิ่งขมวดยุ่ง ครั้นแล้วจู่ๆหนานกงยี่ก็เข้ามาเขี่ยจมูกนางเบาๆ น้ําเสียงหยอกเย้าเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “จอมเซ่อซ่าตัวน้อย หากผู้อื่นหมายจะ กําราบพฤกษาเวทปีศาจย่อมมิใช่ง่ายดาย ทว่าเจ้ามีสิ่งที่มันชอบใจอย่างที่สุด ทิพย์ธารา ครานี้อย่าบอกนะว่าเจ้ายังไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันเช่นไรอีก ?”
เพียงได้ยิน เกอซีก็ต้องยอมจํานนให้แก่หนานกงยวี่ หญิงสาวผายมือข้างซ้ายออกในทันที เพียงพริบตาทิพย์ธาราก็เริ่มควบกลั่นรวมตัวขึ้นใจกลางฝ่ามือละเอียดเนียนที่บอบบางนั้น
และแน่นอน เมื่อเถาวัลย์ม่วงอเวจีสัมผัสได้ถึงขุมพลังหนาแน่นที่ส่งกลิ่นหอมหวานแสนชื่นใจ มันก็รีบไต่เลื่อยพันรอบแขนของเกอซีประหนึ่งเด็กน้อยที่ตามพันแข้งพันขาออดอ้อนขอขนม
ขณะที่เถาวัลย์ม่วงอเวจีกําลังกลืนกินพลังงานอย่างตะกรุมตะกรามนั้นเอง หนานกงยวี่รีบฉวยโอกาสคว้ามือขวาของเกอซีขึ้นมาขบกัดลงบนปลายนิ้ว
หยาดโลหิตสีแดงสดใหลค่อยๆ หยดลงบนเถาหนา
เพียงพริบตา ประกายแสงสีม่วงเข้มพลันวิ่งกระจายไปทั่วเถาใบไม้บนเถาตั้งตรงเสียดสีส่งเสียงอื้ออึง
ประหนึ่งมันกําลังเกรี้ยวกราดพยายามดิ้นรนต่อต้านในสภาพที่สิ้นหวัง
สายตาของเกอซีเย็นเยียบดุจน้ําแข็ง น้ําเสียงเย็นชา ไร้หัวใจ “เมื่อเจ้าอยากได้ทิพย์ธารา เจ้าย่อมต้องตอบแทนข้า! เกอซี! ขอให้คํามั่นว่า ตราบเท่าที่เจ้ายอมมาเป็นสัตว์เวทของข้า ข้าจะให้เจ้าได้ดื่มกินทิพย์ธาราแห่งความสันโดษ ชั้นเก้าได้มากตามใจปรารถนา
เพียงเมื่อหญิงเสาวกล่าวจบ เจ้าเถาวัลย์ม่วงก็หยุดการสะบัดดิ้นรน ทว่าแนวใบทั้งหลายยังขยับไปมาส่งเสียงกรอบๆแกรบๆ คล้ายพวกมันกําลังปรึกษาหารือกันอย่างหนัก
ที่สุด เถาทั้งหมดของมันก็หยุดการสะบัดแกว่ง ร่างของมันเคลื่อนตรงเข้ามาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว ทั้งหยาดโลหิต ของนางทั้งทิพย์ธาราแห่งความสันโดษชั้นเก้าล้วนค่อยๆ เลือนหายเข้าสู่ร่างของเถาวัลย์ม่วงอเวจี
เพียงครู่ถัดมา ลําแสงสีม่วงพลันเจิดจ้าขึ้นจากใจกลางฝ่ามือ ร่างแห่งเถาวัลย์ม่วงอเวจีพลันปรากฏขึ้นวาบหนึ่งก่อนจะค่อยๆเลือนลางหายไปจากสายตาของทุกคน
เกอซีเพ่งกระแสจิตสู่ภายในพร้อมเหยียดฝ่ามือขวาออกไป เถาวัลย์ม่วงปลดปล่อยเถาพุ่งตรงกระแทกใส่หินก้อนยักษ์ซึ่งอยู่ด้านข้างตัวถ้ําพร้อมกันในทันที เพียงพริบตา ศิลาก้อนใหญ่ก็แตกละเอียดเป็นฝุ่นผง
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างยิ่ง ทว่าเสียงที่ปรากฏกลับบางเบายิ่งนัก ลําแสงสีม่วงที่พุ่งออกไปนั้นรวดเร็วเพียงพริบตา หากไม่จับตาดูให้ดีย่อมอาจคลาดสายตาเข้าใจไปว่าก้อนศิลาแหลกละเอียดลงด้วยสภาพอากาศที่แปรเปลียน
เกอซีเก็บเถาวัลย์ม่วงอเวจีกลับเข้าในร่าง และพบว่าเถาวัลย์ม่วงสามารถปรับเปลี่ยนตนให้ยืดยาวและหดสั้นได้ดั่งใจนางนึกคิด ยังมีความเร็วของมันอีกที่นับว่ายอดเยี่ยมอย่างเหนือความคาดหมาย ประสิทธิภาพในการทําลายล้างสูงส่งยิ่งกว่าแส้กระดูกของนางอย่างไม่อาจเปรียบกันได้
ทว่าขณะที่เกอซีกําลังยินดีปรีดาอยู่นั้น เถาวัลย์ม่วงกลับกําลังขุ่นมัวขัดข้องทั้งกําลังเริ่มแสดงอาการประท้วง
แม้พฤกษาปีศาจเวทจะไม่อาจพูดกล่าวได้ กระนั้นผู้เป็นท่านนายของมันย่อมสามารถเข้าใจความหมายของการสื่อสารได้เป็นอย่างดี
ผลของมันจึงทําให้หญิงสาวรู้สึกราวได้ยินเสียงก่นด่าไม่หยุดปากในหัว เนื่องเพราะนางไม่รักษาคําพูดทั้งยังเป็นผู้ไม่ซื่อตรง
หญิงสาวมิรู้จะหัวเราะหรือร้องให้ดี นางส่งกระแสจิตเข้าสู่ภายในอีกครา และย้ายเถาวัลย์ปีศาจม่วงเข้าสู่มิติเวท คงเหลือไว้เพียงปลายเถาสั้นๆ เพื่อใช้เป็นอาวุธ
ทว่าเพียงเถาวัลย์ม่วงอเวจีถูกย้ายเข้าสู่มิติเวท เกอซีกลับพบสิ่งแปลก
ยามนี้นางสามารถเห็นสภาพภายในมิติเวทแม้ร่างจิตของนางไม่ได้เข้าสู่ด้านใน
หญิงสาวสามารถเห็นต้านต้าน และมังกรทองตัวจิ๋วที่นอนหมดสภาพอยู่ขอบบ่อทิพย์ธาราอย่างชัดเจน น้ําเสียงตื่นตกใจของต้านต้านพลันดังก้องอยู่ในหู
แม้มังกรทองตัวน้อยจะยังอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส กระนั้นนางก็สามารถรับรู้ได้ว่าสภาพบาดเจ็บภายนอกบนร่างของเจ้าตัวน้อยทั้งสองสามารถฟื้นตัวได้แล้วในยามนี้ เพียงเท่านั้นนางก็ค่อยคลายใจ
***จบตอน หลอกล่อ***