หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 281 มิติแยกแตก
หนานกงยวี่เบนสายตาหันมาจับจ้องเกอซีด้วยสัญชาตญาณ ขณะที่อีกฝ่ายกลับพ่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาพลางหันหน้าเบือนหนีหลบเลี่ยงการจ้องมองของเขา
ใบหน้าของชายหนุ่มยามนี้เย็นยะเยียบด้านชาอย่างเหลือล้น เขาไม่ตอบข้อซักใช้ใด ๆ ของกู้หลิวเฟิ่ง หากกลับกัน ชายหนุ่มเลือกจะถลึงจ้องชิงหลงด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยอายสังหารอันเกรี้ยวกราดเย็นชา
ผู้ถูกจ้องรีบก้าวตรงออกมาพลางตอบคําอย่างรอบคอบ “เรียนนายท่าน ข่าวลือพวกนั้นแพร่สะพัดมาจากจตุรัสเมาความสุขสันต์ครูใหญ่แล้ว เดิมที่พวกเราคิดลบล้างคําลือเหล่านั้น หากทว่าเมื่อจูเฉวี่ย*สืบสาวจึงพบว่า จตุรัสเมาความสุขสันต์แห่งนั้นเป็นของสํานักหลิวหลี ทั้งนางยังกล่าวอีกว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายท่านกับเทพธิดาบัวเยือกแข็งล้วนหาใช่ธรรมดาดังทั่วไป เช่นนั้นหากพวกเรากระทําการผลีผลามย่อมอาจกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีซึ่งมีต่อสํานักหลิวหลีได้ เช่นนั้นเรื่องนี้จึงยืดเยื้อยาวนานมากระทั่งยามนี้”
*จูเฉวี่ยคือวิหกเพลิงที่มีเรื่องกับนางเอก และถูกกักตัวไว้เป็นการลงโทษ
ย่อมเป็นการดียิ่งกว่าหากชิงหลงจะไม่เอ่ยกล่าวถ้อยคําพวกนั้น เพราะทันทีที่เขากล่าวจบ กู้หลิวเฟิ่งกลับหัวเราะร่าอย่างสบายใจ ขณะสืบฝ่าเท้าค่อย ๆ ย่างกรายเข้าหาเกอซีพร้อมคํากล่าว “เยว่เอ๋อน้อย ได้ยินแล้วใช่ไหม ? โดยแท้จริงแล้ว พวกเขาทั้งคู่ล้วนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาดังเช่นทั่วไปมาเนิ่นนานแล้ว !”
เกอซีหันมาถลึงตาใส่กู้หลิวเฟิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา กระทั่งอีกฝ่ายต้องยกมือขึ้นถูจมูกไปมาพลางอิด ๆ ออด ๆ กล่า วคํา “ก็ได้ ๆ ซีเยว่”
แววตาเย็นชามืดมัวของหนานกงยวเขม็งจ้องใส่ชิงหลง กระทั่งผู้ถูกจ้องตรง ๆหนาวสะท้านไปทั่วกาย ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าตนพร้อมจะถูกนายท่านผู้นี้เตะกระเด็นได้ทุกเมื่อ
ลําคอของเขาหดกลับลงสู่บ่าทั้งสอง ดวงหน้าเงยขึ้นพร้อมเสียงแผ่วเบาแทบกระซิบ “นายท่าน…”
อีกฝ่ายพ่นเสียงอย่างเย็นชา “ทันทีที่กลับไป ข้าต้องได้เห็นจตุรัสเมาความสุขสันต์พังทลาย และหากเจ้ายังไม่อาจจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม พวกเจ้าทั้งสี่ก็สมควรออกไปจากตําหนักราชันมัจจุราชเสียจะดีกว่า !”
“ขอรับ นายท่าน !” ชิงหลงถอนใจออกมา เฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจ เขายกมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากก่อนจะขยับก้าวถอยกลับไป
ยามนี้เกอชีเบื่อจะฟังเรื่องของเทพธิดาบัวเยือกแข็งผู้นั้นแล้ว เช่นนั้นหญิงสาวจึงหันไปหากู้หลิวเฟิง “เจ้าพบเจอสถานที่นี้ได้อย่างไร ?”
สมควรทราบว่าการหายตัวไปของหนานกงยวี่ และเกอซีนับเป็นปรากฏการณ์ไม่ปกติ ด้วยพวกเขาทั้งคู่ถูกดูดกลืน เข้ามาในรอยแยกระหว่างมิติ การที่ผู้อื่นคิดแกะรอยติดตามมาให้ถึงสถานที่แห่งนี้ย่อมไม่อาจเป็นได้
กู้หลิวเฟิ่งตอบคํา “ผู้ที่สมควรได้รับความชอบย่อมต้องเป็นอารักขาส่วนพระองค์ผู้อยู่ในอาภรณ์สีดําสนิทแห่งตําหนักราชันมัจจุราชผู้นั้น เมื่อพวกเจ้าทั้งสองหายตัวไป เฟิ่งเหลียนอิ่ง หญิงใจชั่วผู้นั้นกับทั้งศิษพี่เนียของนางล้วนช่วยกันรุมลงมือสังหารข้า ยังดีที่พี่ชายท่านนั้นให้การช่วยเหลือ…”
หญิงสาวหันมาจ้องหน้าเขาก่อนพ่นน้ำเสียงขึ้นจมูกเบา ๆ “อย่างเจ้านี่หรือที่เฟิ่งเหลียนอิ่งกับเนียจินเฉินจะจัดการได้ ? พวกมันทั้งสองย่อมต้องพบความสิ้นหวังในการกําจัดเจ้าหากเจ้าไม่เสแสร้งกระทําตนราวสุกรถูกพยัคฆ์จับกิน !”
นางหาได้มีจิตใจเลื่อนลอยยามเมื่อกู้หลิวเพิ่งประฝีมือกับเฟิ่งเหลียนอิ่งไม่ หากมิใช่ด้วยหนานกงยี่ผู้มีพลังฝีมือระดับย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณยื่นมือเข้ามาร่วมประสมโรง กู้หลิวเฟิ่งย่อมชนะการประพลังยุทธเมื่อครูได้อย่างง่ายดาย
“แค่กแค่ก…” ผู้ตั้งใจฟังแทบสําลักน้ำลาย เขายกมือขึ้นลูบปลายคางไปมาด้วยท่าที่แทบไม่เชื่อหูก่อนจะกล่าวโต้ “เยว่เอ๋อน้อยช่างมีความเชื่อมั่นในตัวข้ายิ่งนัก นับเป็นเกียรติแก่ตัวข้าเหลือเกิน”
หนานกงยวี่ยังคงจับจ้องอยู่ด้านข้างโดยไม่ละสายตา เขาย่อมเห็นการสนทนาหยอกเย้าอย่างชื่นมื่นระหว่างกู้หลิวเฟิ่งและเกอซีโดยตลอด ความรู้สึกในยามนี้ประดุจกองเพลิงกําลังก่อตัวทั้งโหมกระพืออยู่ในอกชายหนุ่ม เริ่มรู้สึกคันไม้คันมืออยากลงมือเข่นฆ่าเจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่สวมใส่หน้ากากเสียในตอนนี้
เนื่องเพราะข่าวลือหนาหูรอบตัวเรื่องความมุ่งหมายตระเตรียมการสมรสของเขาที่เข้าถึงหูหญิงสาวเมื่อครู่ หนานกงยวี่จึงยิ่งรู้สึกอึดอัดคับข้องไม่กล้ากระทําการโผงผาง ด้วยเกรงจะทําให้ซีเอ๋อเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีก
หากจะกล่าวไปเรื่องนี้นับเป็นความผิดพลาดของเขาอย่างแท้จริง ! ข่าวลือต่าง ๆ พวกนั้นเขาล้วนไม่รับรู้มาใส่ใจ นับแต่เยาวว์วัยกระทั่งยามนี้เขาไม่เคยมอบความใกล้ชิดสนิ ทสนมแก่สตรีใด เมื่อที่สุดในยามนี้เขาได้พบสตรีอันเป็นที่รัก เขากลับยังคงเมินเฉยต่อคําเล่าลือกระทั่งก่อเกิดเป็นความเข้าใจผิด ย่อมเป็นธรรมดาที่จะทําให้เขาอับจนถ้อยคํากล่าวคงมีเพียงความอึดอัดคับข้องที่เดือดพล่านอยู่ในใจเท่านั้น
เมื่อชิงหลงเห็นผู้เป็นนายถูกครอบคลุมไว้ด้วยม่านรัศมีแห่งเพลิงสังหารซึ่งไม่อาจหาหนทางระบายความอัดอั้นเช่นนั้น มีหรือที่เขาจะไม่กระจ่างแจ้งถึงเหตุผลที่มาที่ไป อา รักขาส่วนตัวในชุดดําจึงรีบก้าวตรงเข้ามาแทรกบทสนทนาระหว่างหนุ่มสาวทั้งสอง “พระชา…แค่ก….คุณชายซี ผู้น้อ กับนายท่านล้วนมีพันธสัญญาโลหิตต่อกัน เช่นนั้นแม้น หากไกลห่างกันนับหลายผู้น้อยยังสามารถรับรู้ถึงตําแหน่งของนายท่าน เช่นนั้นจึงสามารถนําทางคุณชายกู้มาพบท่านในที่นี้ได้ รอยแยกในมิติที่เกิดขึ้นนี้พร้อมจะ ฉีกขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ ทุกเมื่อ ตลอดการเดินทางมาพบพวกท่าน ผู้น้อยมีเพียงความหวั่นวิตกกังวล โชคดีที่ท่านและนายท่านไม่ได้รับอันตรายใด ๆ”
***จบตอน มิติแยกแตก***