สาวน้อยผู้นี้อายุประมาณสิบหกปี ทว่าดวงหน้านั้นกลับไม่อ่อนเยาว์แรกแย้มตามอายุ ผิวพรรณของเด็กสาวแห้งกร้านซีดเหลือง นัยน์ตาที่หลุบลงต่ำส่งให้ถุงตาและความบวมที่มีอยู่โดยรอบดวงตาชัดเจนยิ่งขึ้น
คงกล่าวได้แค่เพียงว่า แม้กระทั่งสาวใช้ในเรือนยังดูดีกว่าเด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ หากบอกกล่าวแก่ผู้ใดว่านางคือคุณหนูสามแห่งสกุลน่าหลาน ยังจะมีผู้เชื่อคำกระนั้นหรือ ?
ครั้นเมื่อคิดถึงว่าสตรีผู้อยู่ในปรโลกผู้นั้นจะรู้สึกเช่นไรเมื่อล่วงรู้ว่าบุตรสาวของตนมีสภาพเยี่ยงนี้ หากนางได้เห็นใบหน้าอันต่ำต้อยน่าสังเวชยามนี้ของบุตรสาว นางจะเป็นเช่นไร ยิ่งคิด ฮูหยินน่าหลานก็ยิ่งสาสมสุขใจ
หากทว่าสีหน้าที่ปรากฏบนใบหน้าของฮูหยินน่าหลานกลับตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่ท่วมท้นของตน เมื่อยามนี้ ในดวงหน้านั้นเปี่มไปด้วยความเห็นใจเวทนาต่อสาวน้อยตรงหน้า ฮูหยินน่าหลานผงกศีรษะเรียกสาวน้อยผู้นั้นให้เข้ามาใกล้ด้วยกิริยาอันสง่างามแช่มช้อย ใช้สายตาสำรวจดูเกอซีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงถอนใจออกมา “เจ้าก็คือเกอซีงั้นหรือ ? น่าเวทนายิ่งนัก ไยเจ้าจึงผ่ายผอมเยี่ยงนี้ ?”
กล่าวคำไป นางก็กวาดสายตาไปยังหวางจ้งผู้ที่นำเกอซีเข้ามา “พ่อบ้านหวาง ข้าสั่งเจ้าไว้อย่างไร ? แม้ว่าคุณหนูสามจะถูกนายท่านส่งไปอยู่ในเรือนหลังน้อย ทว่านางก็ยังคงเป็นคุณหนูแห่งสกุลน่าหลาน ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์เครื่องแต่งกาย หรืออาหารการกินล้วนต้องจัดแจงให้สมฐานะแห่งคุณหนูน่าหลาน ดูสภาพนางยามนี้สิ ! เหตุใดเกอซีจึงซูบผอมเช่นนี้ ? ที่สุดแล้วเจ้าส่งบ่าวไพร่ไปดูแลคุณหนูสามอย่างสมเกียรติหรือไม่ ?”
หวางจ้งถูกตำหนิเช่นนั้นก็หวาดกลัวรีบก้มศีรษะหลบตา “ฮูหยิน มิได้เป็นดังที่ฮูหยินกล่าวเลยขอรับ พวกเราจัดแจงสำรับชั้นเลิศที่สุด ข้าวของเครื่องใช้ที่ดีที่สุดไปให้เรือนหลังน้อยเสมอ แม้กระทั่งหินผลึกหรือตำลึงเงินล้วนไม่เคยขาดมือ ทว่า……”
คิ้วเรียวยาวเข้ารูปของฮูหยินน่าหลานเลิกสูงขึ้น “ทว่า ? จะกล่าวอันใดก็รีบกล่าว !”
หวางจ้งเอ่ยตอบไปก็เหลือบตามองแม่นมเฉินด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์แสนร้าย “ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่บ่าวเข้าไปสู่เรือนหลังน้อยด้วยตนเอง จึงเพิ่งรู้ว่าบ่าวรับใช้ในเรือนน้อยหลังนั้นกำเริบเสิบสานเพียงไร พวกมันไม่เพียงไม่ปรนนิบัติรับใช้คุณหนูสามอย่างสมเกียรติ มันยังแอบลอบยักยอกอาหารรวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ล้ำค่าทั้งหลายของคุณหนูอีกด้วยขอรับ คุณหนูสามจึงตกอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่เยี่ยงนี้”
ดวงตาของฮูหยินน่าหลานฉายประกายขึ้นวาบหนึ่ง สายตาของนางชำเลืองกลับมาหาแม่นมเฉินผู้ยืนอยู่ด้านหลังเกอซี น้ำเสียงตะคอกดังลั่น “เจ้าขี้ข้า ยังไม่รีบคุกเข่าอีก !”
แม่นมเฉินหวาดผวากับเสียงตะคอกคำรามจนเนื้อตัวสั่นเทาสีหน้าหวาดกลัว
บ่าวรับใช้สองคนตรงรี่เข้ามาประกบโอบซ้ายขวากดร่างของนางให้ลงไปอยู่ในท่าคุกเข่า
มุมปากของฮูหยินน่าหลานยกขึ้นเล็กน้อยก่อนมันจะถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นสีหน้าอันรันทดสลดจิตที่เผยผ่านมาพร้อมหางเสียงดูแคลน “แม่นมเฉิน ที่ผ่านมา เจ้าทำร้ายเซวียนเอ๋อ ข้าเพียงลงโทษเจ้าด้วยการทำลายวรยุทธของเจ้า ส่งเจ้าไปอยู่เรือนน้อยก็เพื่อให้เจ้าได้ชดเชยความผิดด้วยการคอยอยู่เฝ้าปรนนิบัติดูแลคุณหนูสาม ทว่าเจ้ากลับยังไม่เคยปรับปรุงตนเอง ทั้งยังละเลยหน้าที่ดูแลคุณหนูสาม”
“ในตอนนั้นข้ายังปรานีเจ้าบ้าง ทว่ายามนี้ เพื่อเกอซีผู้น่าเวทนา ข้าจะไม่ละโทษให้แก่เจ้า เด็ก ๆ ลากนางบ่าวชั่วผู้นี้ออกไปโบยร้อยไม้ ไม่ต้องสนใจว่ามันจะอยู่หรือตาย !”
แม่นมเฉินเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญที่ไร้สิ้นพลังฝีมือ หากนางถูกลงทัณฑ์ต้องรับการโบยถึงร้อยไม้ ย่อมไม่อาจปกป้องชีวิตของตนไว้ได้
“ขอรับ” บ่าวรับใช้ทั้งสองหิ้วปีกแม่นมเฉินพร้อมรับคำเสียงดังหนักแน่น ทั้งคู่พากันลากตัวบ่าวชราออกไปด้านนอก
ครั้นแม่นมเฉินรู้สึกตัวจึงรีบดิ้นรนต่อสู้อย่างเต็มที่ “ฮูหยิน ข้าไม่ได้ทำ ! ข้าไม่ได้ทำร้ายนายน้อยเซวียน ! ข้าไม่เคยทรยศต่อคุณหนู ! ท่านอย่าได้เชื่อถ้อยคำโป้ปดใส่ร้ายข้า !”
หวางจ้งที่ยืนอยู่อีกด้านส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา “ตอนที่ข้าไปถึงด้านในสวนยังเห็นเจ้าออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้ ทั้งกระทำตนเย่อหยิงผยองอวดอำนาจต่อคุณหนูสาม เจ้าหาได้มีความเคารพยำเกรงต่อคุณหนูสามแม้เพียงน้อย ถึงตอนนี้ยังกล้ามากล่าวคำโป้ปดต่อหน้าฮูหยินอีก ! รีบลากตัวนางออกไปได้แล้ว !”
แม่นมเฉินพยายามดิ้นรนเปล่งเสียงร้องตะโกน ทว่านางย่อมไม่อาจสู้แรงพลังของบ่าวรับใช้ทั้งสองได้ ดวงตาทั้งสองของหญิงชราค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง
***จบตอน ความห่วงใยจอมปลอม***