เฟิ่งเหลียนอิ่งยกยิ้มเย้ยหยัน “เจ้าเป็นเพียงมังกรตัวกระจ้อยที่ไม่เหนือไปกว่างูน้อยสักเท่าไร ! กระทั่งศิษย์ขั้นต้นแห่งสำนักหลิวหลีของข้ายังสามารถจับเจ้ามาทำสัตว์เลี้ยงได้โดยง่าย กระนั้น เจ้ากลับยังกล้าแสดงตนหยิ่งผยองเบื้องหน้าข้า ไม่เพียงไม่รู้จักประมาณตนยังกล้าฝืนดื้อด้านกระทำสิ่งอันไม่อาจบรรลุผล ในบรรดาสัตว์เวทซึ่งนับว่าไร้ค่าทั้งหมดนั้น ตัวเจ้านับเป็นสิ่งไร้ค่าอย่างที่สุด ! เมื่อเจ้าพร้อมพลีชีพปกป้องมัน เช่นนั้นข้าจะช่วยส่งเสริมให้พวกเจ้าทั้งหมดได้ตายร่วมกันสมใจ !”
ขณะที่เอ่ยกล่าววาจาออกไป ปลายกระบี่ยาวในมือของหญิงสาวพลันเปล่งประกายแสงเรืองรองสีแดงสว่างเจิดจ้าจนต้องหรี่ตามอง ตลอดทั่วทั้งปลายกระบี่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉานประหนึ่งมันพร้อมจะแผดเผาวังจื่อจินแห่งนี้ให้พินาศย่อยยับลงไป
ทั้งความหวาดกลัวทั้งความโศกสลดปรากฏฉายผ่านดวงหน้ากลม ๆ ของด้านต้าน ทว่าในทันทีนั้นเอง เจ้าตัวน้อยกลับตัดสินใจกัดฟันกำอุ้งมือกระโจนตัวขึ้นสู่อากาศเอาตัวตรงเข้าโอบรัดร่างของเกอซีด้วยความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น
ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา กับการรอคอยท่ามกลางความเดียวดายกว่าจะได้พบเจอกับท่านแม่ในท้ายที่สุด ! ท่านแม่ผู้อ่อนโยน ท่านแม่ผู้อารี ท่านแม่ผู้คอยทำของกินแสนล้ำเลิศให้เขาอยู่เสมอ ท่านแม่ผู้คอยโอบกอดปลอบประโลมเขามาโดยตลอด…… หากต้องสูญเสียท่านแม่ไป เขาจะต้องกลับไปจ่อมจมอยู่กับความมืดมนอนธการอันหาที่สิ้นสุดมิได้อีกครา ไร้สิ้นอาหารยอดโอชารส ไร้สิ้นแสงสว่างคอยนำทาง ไร้สิ้นอ้อมกอดอันอบอุ่นของท่านแม่ตลอดกาลกระนั้นหรือ ?
ไม่ได้ ! เขาจะไม่มีวันยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด !
ตราบเท่าที่สามารถรั้งตัวท่านแม่ไว้ข้างกายได้ แม้ต้องสูญเสียมากมายสักเพียงไรเขาพร้อมยินยอมทุ่มเทอย่างไร้สิ้นความลังเล !
ร่างกลม ๆ ของต้านต้านใหญ่หนายิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ขุมพลังภายในกายถูกปลุกปั่นให้ระเบิดท่วมท้นอย่างรุนแรงก่อกำเนิดคลื่นพลังหมุนวนขนาดย่อม
กระบี่ด้ามยาวที่ลุกโชติช่วงด้วยเปลวเพลิงที่ร้อนแรงส่งเสียงเปรี๊ยะเสียดโสตประสาท ยามเมื่อมันพุ่งเข้าโจมตีสัตว์เวทตัวน้อยทั้งสองอย่างเต็มกำลัง
ความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นฉายผ่านนัยน์ตาของต้านต้าน คลื่นพลังวนที่ถูกหล่อหลอมไว้เมื่อครู่ถูกผลักส่งออกไปอย่างไม่รอช้า
ฉับพลัน กลับบังเกิดคลื่นน้ำใสกระจ่างระหว่างเบื้องหน้าสายตาทั้งสองฝ่าย ในเสี้ยวนาทีแห่งความเป็นความตาย บางสิ่งกลับตรงเข้าขวางการจู่โจมของกระบี่ยาวเปลวเพลิงเมื่อครู่
เฟิ่งหลียนอิ่งส่งเสียงร้องไถ่ถามด้วยน้ำเสียงที่หม่นมัวภายใต้ดวงหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัว “ผู้ใด ? ออกมาเดี๋ยวนี้ !”
บานประตูวังจื่อจินถูกแง้มเปิดออกอย่างเชื่องช้าแทบจะทันทีที่สิ้นสุดเสียงกล่าวของนาง บุรุษผู้อยู่ในอาภรณ์สีดำสนิทสืบฝ่าเท้าก้าวตรงเข้ามาด้านในพร้อมฝ่ามือที่ผายออกแสดงป้ายยันต์อาคมป้องภัย
บุรุษผู้นี้มีรูปลักษณ์เสมือนดั่งบัณฑิตทั่วไป น้ำเสียงยามเมื่อเอื้อนเอ่ยวาจาเผยให้เห็นถึงความบริสุทธ์อ่อนโยน “เทพธิดาบัวเยือกแข็ง ท่านนับเป็นผู้มีกิตติศัพท์เลื่องลือดีงาม อีกทั้งสำนักหลิวหลีของท่านย่อมถือเป็นสำนักใหญ่ที่ทรงเกียรติ หากเรื่องที่ท่านลอบฉวยโอกาสโจมตีอีกฝ่ายในยามที่มิอาจตั้งรับเตรียมตัว ทั้งยังลงมือกับผู้มีพลังฝีมือขั้นต้นต่ำกว่าเช่นนี้แพร่งพรายออกไปย่อมไม่เป็นผลดีกับท่านอย่างแน่นอนมิใช่หรือ ?”
เมื่อเพ่งดูใบหน้าของบุรุษผู้นี้ให้แน่ชัด บนใบหน้าของหญิงสาวกลับฉายอาการแห่งความดูแคลนขึ้นวูบหนึ่ง “ข้าคิดว่าเป็นผู้ใด ที่แท้แล้วก็คือท่านผู้ดูแลโจวแห่งโรงโอสถเซิงเต๋อนั่นเอง เจ้ามันก็แค่พวกสวะชั้นต่ำที่อาศัยเพียงเม็ดโอสถช่วยเผาผลาญพลังปราณในกายให้เพิ่มทวี กระทั่งสามารถบรรลุขอบเขตพลังปราณขั้น 4 ปฐพีสะท้านสะเทือนเท่านั้น คนเยี่ยงเจ้ากล้าดีอย่างไรมาก้าวก่ายเรื่องของข้า เจ้าคิดว่าตนคือผู้ใด ?”
ผู้ที่ก้าวตรงเข้ามาด้านในนั้นคือโจวเหยียนอัน ท่านหมอผู้มีทักษะแพทย์ขั้นสอง ทั้งยังมีหน้าที่เป็นผู้ดูแลโรงโอสถเซิงเต๋อซึ่งเกอซีได้พบเจอ ครั้งที่นางยื่นมือเข้าช่วยเหลือพี่ชายของเซี่ยวหลีเมื่อคราวก่อน
โจวเหยียนอันรีบตรงเข้ามาขวางหน้าเกอซี ขณะที่บานประตูวังจื่อจินค่อย ๆเคลื่อนปิดติดตามมาในทันที
บุรุษใหญ่สูดหายใจลึกก่อนจะเอ่ยกล่าววาจา “คนทั่วหล้าล้วนสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือผู้ที่กำลังตกอยู่ในอันตรายได้ทันที แม้คนผู้นั้นอาจไม่ใช่ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องใดกับตนทั้งสิ้น ยังอีกทั้งท่านผู้นี้คือ คุณชายซี ซึ่งผู้น้อยย่อมพอมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง การจะให้ผู้น้อยทำนิ่งดูดายมองเขาตายตกไปภายใต้น้ำมือท่าน ย่อมไม่อาจเป็นได้”
หญิงสาวโต้กลับด้วยน้ำเสียงแฝงอาการแห่งความเหยียดหยัน “หากนายของเจ้า กู้หลิวเฟิ่งเป็นผู้ประกาศกร้าวออกมาเช่นนี้ ข้าอาจเกรงกลัวขึ้นบ้าง ทว่าเมื่อเป็นเจ้า…..คนเยี่ยงเจ้าไร้คุณสมบัติจะเอ่ยกล่าวกับข้าเช่นนั้น !”
ทันทีที่สิ้นสุดการทักทาย ปลายกระบี่ยาวในมือของหญิงสาวก็ถูกยกขึ้นตวัดแกว่งพุ่งเป้าเบี่ยงไปสู่โจวเหยียนอันในทันที
เสียงก้องกระหึ่มดัง ‘ตึ่ง’ ม่านคลื่นน้ำก็หล่อหลอมรวมขึ้นกั้นขวางการโจมตีของหญิงสาวในทันที หากทว่าครานี้ ม่านปราการคลื่นน้ำกลับสั่นสะเทือนอย่างหนักหน่วง ประหนึ่งมันไม่อาจจะต้านทานแรงพลังการโจมตี และพร้อมจะแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ
เฟิ่งเหลียนอิ่งชักกระบี่ด้ามยาวกลับคืนพร้อมจ้องป้ายยันต์อาคมป้องภัยในมืออีกฝ่ายด้วยสายตาแห่งความเยาะเหยียด “คิดหรือว่าแค่เพียงอาคมป้องภัยกระจอก ๆ ในมือเจ้าจะสามารถยับยั้งการลงมือของข้าได้ ? ฝันไปเถิด !”
***จบตอน ท่านผู้ดูแลโรงโอสถเซิงเต๋อ***