ตอนที่ 310 รอชมความแปรเปลี่ยน
เพียงครู่สวนสมุนไพรที่แต่เดิมเป็นระเบียบเรีย บร้อยกลับอยู่ในสภาพชุลมุนวุ่นวาย กรุ่นกลิ่นสมุนไพรที่หอ มตลบอบอวลโดยทั่วยามนี้กลับถูกแทนที่ด้วยกลิ่นเหล็กด้า มกระบี่ และคาวโลหิต
อาจกล่าวโดยรวบรัดว่าพฤกษาสมุนไพรชั้นสูงเหล่านั้น ล้วนถูกกลบกลืนด้วยเหล่ายอดฝีมือผู้กําลังคลุ้มคลั่งวิปริต
อารักขาผู้ติดตามมาจากตําหนักราชันมัจจุราชคนหนึ่งอดมิได้ที่จะเอ่ยปากถามด้วยความร้อนใจ “คุณชายซี พวกเราจะไม่เข้าไปหรือขอรับ?”
เกอซีส่ายศีรษะ “เห็นได้ชัดว่าสวนสมุนไพรแห่งนี้แปลกประหลาดจนเกินไป พวกเจ้าจําต้องระมัดระวังให้จงหนัก”
ย่อมสมควรแก่เหตุ หากจะกล่าวว่าเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายผู้อาจสามารถล่วงเข้าสู่อาณาจักรไม้ขจี รักษาชีวิตให้คงอยู่ได้ ภายใต้ม่านหมอกขาวกลับไร้สิ้นความระแวดระวังอย่างสิ้นเชิง
เพียงเมื่อพวกเขาเหยียบย่างเข้าสู่แดนสมุนไพรแห่งนี้ กลับดูคล้ายทุกคนล้วนสูญสิ้นปัญญาและเหตุผล
โดยปกติ สิ่งแรกที่พวกเขาสมควรลงมือกระทําทันทีที่สามารถล่วงข้ามผ่านหมอกขาวในสภาพที่สิ้นสูญพลังปราณนั้น คือการลงนั่งรวบรวมบ่มเพาะขุมพลังในกายให้คืนกลับ เพราะการถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวย่อมเป็นไปได้ทุกเมื่อ
แม้นหากพวกเขาหมายมุ่งจะเก็บสมุนไพรล้ําค่า เหล่านั้นย่อมสมควรตระเตรียมตนให้พร้อมเป็นประการแรก มิเช่นนั้น แม้จะเก็บสมุนไพรที่ต้องการมาได้ย่อมอาจถูกผู้อื่นฉกชิงแย่งไปได้เช่นกัน
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ยอดฝีมือบางพวกถึงกับกัดกินสมุนไพรเข้าปากโดยตรง การกลืนกินสมุนไพรด้วยวิธีการเช่นนี้ ย่อมส่งผลลดทอนประสิทธิภาพของตัวยาให้คงเหลีอคุณสมบัติเพียงหนึ่งในสิบส่วนของคุณสมบัติแท้จริง ยังอีกทั้งอาจส่งผลร้าย เมื่อสิ่งปนเปื้อนสกปรกแทรกซึมเข้าสู่ร่างคนผู้นั้น
แม้นยอดฝีมือเหล่านี้จะถึงความละโมบสักเพียงไร ล้วนย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกกลวิธีอันโง่เขลาถึงเพียงนี้
เว้นแต่เพียง…พวกเขาทั้งหมดล้วนสิ้นสูญสัมปชัญญะ
ด้วยความคิดพิเคราะห์นี้ เกอซีจึงกวาดสายตาเพ่งพินิจอย่างละเอียดโดยทั่วอาณาบริเวณอย่างอดมิได้
โดยไม่จําเป็นต้องปริปากบอกกล่าวสิ่งใด ทั้งหนานกงยวี่กู้หลิวเฟิงตลอดถึงทุกคนในกลุ่มนี้ล้วนยืนมองภาพ ฉากโกลาหลเบื้องหน้าประหนึ่งกําลังรับชมเรื่องขบขัน
ทั้งเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง และเฟิ่งเหลียนอิ่งต่างยืนนิ่งสงบด้วยท่วงท่าอันงามสง่าเผยให้เห็นว่าพวกเขาทั้งคู่มิได้สูญเสียสติสัมปชัญญะแม้เพียงน้อยนิด กระทั่งศิษย์ในสํานักหลิวหลีล้วนสงวนท่าที่นิ่งสงบ แม้นสีหน้าท่าทางจะบ่งแสดงความอดกลั้นจิตใจอย่างสุดซึ้ง หากทว่าย่อมมีมีผู้ใดกล้ากระทําการทุ่มบ่าม
ย่อมแน่นอนว่ามิใช่แค่เพียงผู้คนสองกลุ่มนี้ที่หาได้สูญสิ้นความสามารถในการรักษาสติแลปัญญาของตนไว้ได้ ยอดฝีมือผู้ฝึกฝนตนกระทั่งบรรลุพลังปราณขั้น 3 พลิกผันอเวจี หรือขั้น 4 ปฐพี่สะท้านสะเทือน ล้วนมีกําลังจิตแข็งกล้า ไม่ถูกเหนี่ยวนําด้วยแรงดึงดูดให้ใหลหลงมนต์เสน่ห์สวนสมุนไพร
เพียงทว่า แม้นพวกเขาจะไม่ตกอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง หากแต่สีหน้าล้วนบ่งชัดถึงความกระสันปรารถนา
“คุณชายซี แม้นสวนสมุนไพรแห่งนี้ออกจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง ทว่าหากพวกเราไม่กระทําสิ่งใดบ้าง เพียงมิช้านาน พฤกษาเวทขั้นห้าทั้งสิ้นย่อมถูกทําลายไม่เหลือ ตําหนักราชันมัจจุราชของพวกเรามากมายด้วยโอสถซึ่งมีคุณสมบัติรักษาจิตใจให้กระจ่าง และนิ่งสงบ หากพวกเราใช้โอสถนั้นย่อมไม่ตกอยู่ในสภาพเสียจริตดังเช่นพวกมัน เช่นนี้แล้วพวกเรายังไม่สมควรเข้าไปเก็บสมุนไพรบ้างกระนั้นหรือ ?”
ที่สุดอารักขาอีกคนจึงเร่งกล่าวคํา เมื่อมิอาจรั้งใจไว้ได้อีกต่อไป
เพียงทว่าเกอซียังคงส่ายหน้า “พวกเราควรรอชมสถานการณ์ความแปรเปลี่ยน
อารักขาผู้นั้นอดมิได้ที่จะเคลื่อนสายตาเหลือบมองหนานกงยวี่ ครั้นเห็นผู้เป็นนายไร้วี่แววเจตนาจะขัดใจเกอซีไม่ว่าจะด้วยเหตุใด หรือเรื่องใดก็ตาม ใบหน้าของคนผู้นั้นกลับเผยให้เห็นถึงความขุ่นข้องขึ้นแทนที่
แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของเกอซี เฟิ่งอวิ๋นจิ่งก็ได้ยินเสีี่ดหมายจะถอนตัวก่อนเสียแล้ว”
นางหันมองหนานกงยวด้วยสายตาแสนอ่อนโยนพลางเอ่ยคํา “พี่ยี่ ข้ามีสุคนธ์หลอมรวมวิญญาณ ซึ่งสามารถต้านฤทธิ์กล่อมประสาทที่ท่านอาจารย์มอบไว้ให้ ข้าจะจุดสุคนธ์หลอมรวมวิญญาณให้ท่านเข้าไปเลือกเก็บสมุนไพรด้านในได้ตามใจปรารถนา ข้ารับรองว่าท่านย่อมไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะอย่างแน่นอน”
ก้านกํายานสีแดงขนาดเล็กเพียงนิ้วก้อยพลันปรากฏขึ้นในมือนาง
ผืนอาภรณ์ขาวสะอาดตาที่สะบัดพริ้วลิ่วลม ผนวกเข้ากับผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่ปกปิดใบหน้า ยิ่งขับเน้นแววตาคู่งามให้น่าหลงใหลตกตะลึง
ชั่วขณะนี้ แท่งกํายานถูกจุด สายควันเจือจางแต่งแต้มสี ดังกลีบเหมยกุ้ยลอยขดม้วนไปตามชั้นบรรยากาศไหลผ่าน เอิบอาบทุกผู้คน ชําระจิตวิญญาณที่สูญสิ้นเหตุผลทั้งมวลให้แจ่มกระจ่างขึ้นในทันที
*เหมยกุ้ย คือกุหลาบ
*-*-*จบตอน รอชมความแปรเปลี่ยน*-*-*