เกอซีกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เช่นนั้น นับเป็นคู่ที่เหมาะสมยิ่ง”
เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายรับคำ ใบหน้าของจื่อเหยียนก็ยิ่งแสดงถึงความภาคภูมิใจ และหยิ่งผยอง “รู้ก็ดีแล้ว ฐานะอย่างคุณหนูของข้าสมควรให้ผู้ต่ำต้อยเช่นเจ้าละเลยได้กระนั้นหรือ ? เจ้าคิดว่าแค่เพียงสามารถเข้าออกตำหนักราชันมัจจุราชได้ก็จะทำตัวหยิ่งผยองไม่เห็นหัวผู้ใดได้กระนั้นหรือ…..”
คำพร่ำพูดของจื่อเหยียนขาดช่วงไปเมื่อมันถูกแทนที่ด้วยความแปลกประหลาดใจที่ได้เห็นราชันมัจจุราชหยุดมีปฏิสัมพันธ์กับคุณหนูของตนแล้วมุ่งตรงมาทางนี้แทน
เมื่อได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาขององค์ราชันมัจจุราช รูปกายกำยำที่สูงตรงตระหง่าน สองพวงแก้มของจื่อเหยียนพลันแดงก่ำขึ้นมาในทันที นางก้มหน้าก้มตาบนใบหน้าแต่งแต้มไว้ด้วยร่องรอยแห่งรอยยิ้มที่เหนียมอาย
ทว่าเสียดายที่หนานกงยวี่กลับไม่ได้ให้ความใส่ใจในความมีอยู่ของนาง หากแต่เขากลับเคลื่อนกายตรงเข้าหาเกอซีเหยียดมือลูบศีรษะของนาง “พูดเรื่องใดกันอยู่ ? ดูจะเคร่งเครียดไม่น้อย กระทั่งเปิ่นหวางมาถึงตัวแล้วเจ้าก็ยังไม่ทันรู้ตัว”
หญิงสาวรีบหลบมืออีกฝ่ายด้วยสัญชาตญาณ ทว่าคนเยี่ยงหนานกงยวี่เป็นเช่นไร ? ยามนี้พละกำลังของเขาฟื้นคืนกลับดังเดิมแล้ว มีหรือเกอซีจะรอดพ้นมือไปได้ !
ผลกระนั้นหรือ จากแค่เพียงการลูบหัวจึงกลายเป็นฝ่ามือที่กำยำของอีกฝ่ายตรงเข้าหาเอวของนางรั้งร่างทั้งร่างเข้าสู่อ้อมแขนของเขาอย่างอ่อนโยน
เสียงหัวเราะทุ้มลึกเบา ๆ ดังก้องอยู่ข้างใบหูยามเมื่อเขาเอื้อนเอ่ย “เจ้ายังเคืองข้าอยู่หรือ ?”
เกอซีกำลังจะผลักอีกฝ่ายออก พลันพบว่าทั่วเรือนกายของนางกลับรู้สึกสั่นสะท้าน อายรัศมีแห่งการเข่นฆ่าที่เข้มข้นปะทุขึ้นจากด้านหลัง ประดุจมีผู้กำลังหมายจะฉีกร่างของนางให้แหลกราญเป็นพันส่วน
อายสังหารนี้ปรากฏแค่เพียงชั่วครู่ เมื่อเกอซีหันตามทิศทางอายพลังนั้นไป สิ่งที่ปรากฏคงมีเพียง เทพธิดาบัวเยือกแข็งผู้กำลังจับจ้องอยู่กับคนทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มอ่อนบาง บนดวงหน้านั้นไม่ปรากฏเงื่อนงำว่าอายสังหารเมื่อครู่แผ่มาจากทิศทางใด
เกอซีขมวดคิ้ว ผลักร่างของหนานกงยวี่ออกห่าง “พวกเรากำลังกล่าวถึงว่าที่พระชายาแห่งตำหนักราชันมัจจุราช ว่าทั้งคู่ช่างเป็นคู่สวรรค์สรรสร้าง ห่วงหยกคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก”
หนานกงยวี่ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา เขาโน้มกายลงมากระซิบข้างหูอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
“ซีเอ๋อกำลังกล่าวยกย่องชื่นชมตนเองอยู่กระนั้นหรือ ? อืม…. จะว่าไปที่เจ้ากล่าวมาล้วนเป็นเช่นนั้นจริง ต้องใจข้ายิ่งนัก !”
เกอซีทอดถอนใจด้วยความสลด ที่สุดแล้ว ชายผู้นี้ไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย หรือยามนี้เขาเพียงแสร้งทำไม่รู้เรื่องเท่านั้นกันแน่ ?
“อย่าแสร้งทำเฉไฉต่อหน้าข้า โฉมงามผู้นั้นก็อยู่ในที่นี้แล้ว ! องค์ชายราชันมัจจุราชเบื้องหน้าต่อไป อย่ามาหยอกล้อข้าเช่นนี้อีก !”
หนานกงยวี่จ้องตาค้างด้วยอาการงุนงง นับแต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาคืบหน้าขึ้นมาก นางแทบไม่เรียกขานเขาว่า ‘องค์ชายราชันมัจจุราช’ อีก ทว่าเมื่อได้เห็นอาการเย้ยหยันผ่านมุมปาก แววตาที่เย็นชาคู่นั้น เขาจึงรับรู้ได้ว่ายามนี้นางกำลังโกรธเกรี้ยวเดือดดาลอย่างแท้จริง
เพียงทว่า ซีเอ๋อหมางใจเรื่องใด ?
ครั้นเมื่อหันไปเห็นเทพธิดาบัวเยือกแข็งผู้ยืนอยู่ไม่ไกลกัน ประกายตาแห่งความเข้าใจก็ฉายวาบขึ้นทันที ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ “ซีเอ๋อกำลังหึงใช่ไหม ?”
เกอซีถลึงตาใส่ หัวเสียอย่างที่สุด “หึงหวงอะไรกัน เจ้าพูดเรื่องใด จะเพ้อเจ้ออะไรก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย ! กลับไปดูแลแขกคนสำคัญของเจ้าเถอะ ! ข้ายุ่ง ขอตัวก่อน !”
ครั้นเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะผละหนีก็กลับถูกหนานกงยวี่ดึงกลับเข้าสู่อ้อมแขนอีกครา เสียงกระซิบข้างหูเพียงแผ่วเบาพอให้ได้ล่วงรู้แค่ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ “เจ้าตัวยุ่ง ก็แค่ยอมรับมาว่าเจ้าก็พอใจในตัวเปิ่นหวางมันจะไปยากอะไร แค่เพียงยอมรับว่าเจ้ากำลังหึงหวงเปิ่นหวางเท่านั้น”
ครั้นเมื่อเห็นสาวน้อยในอ้อมแขนกำลังบันดาลโทสะจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเขาจึงรีบเอ่ยคำอธิบาย “ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเหลียนอิ่งหาใช่ที่เจ้าคิดไม่ เป็นเด็กดี อย่าคิดมากเข้าใจไหม ? ข้าจะให้ไป๋หู่ตามไปส่งเจ้า ข้ายังมีเรื่องต้องสะสาง ผู้ที่ว่าจ้างองค์กรปีศาจสยบแดนดินให้มาสังหารเจ้ายังไม่อาจพบตัว เช่นนั้นช่วงนี้เจ้าต้องเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนอย่าได้ออกมาหากไม่จำเป็น และหากเจ้าต้องการสิ่งใดให้เรียกใช้ไป๋หู่ จำไว้ว่าเจ้าต้องใส่ตราประดับที่ข้าให้เจ้าติดตัวไว้ตลอด ข้าจะได้รู้ว่าเจ้ายังคงปลอดภัยดีหรือไม่”
“เสร็จงานเมื่อไร ข้าจะรีบไปพบเจ้าทันที” หนานกงยวี่ก้มลงประทับจุมพิตอย่างแผ่วเบาที่ข้างแก้มของนาง น้ำเสียงสั่งคำของเขาแสนอ่อนโยน
“เป็นเด็กดีรอข้าอยู่ที่เรือนเข้าใจไหม ฮืม ?”
หญิงสาวรับรู้ได้ถึงสายตาจากคนรอบข้างที่แผดเผาอย่างรุนแรงกระทั่งแทบจะสามารถมอดไหม้ทะลุผ่านเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางได้เสียกระมัง ใบหน้าของนางแดงก่ำขณะสองมือรีบผลักร่างอีกฝ่ายออกไปอีกครา
“ไม่จำเป็น ข้ากลับเองได้ !”
***จบตอน เหตุใดเจ้าจึงฉุนเฉียวถึงเพียงนี้ ?***