หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 313 สัญชาตญาณ
กู้หลิวเฟิ่งขยับเข้าหาเกอซีพลางกล่าวกลั้วรอยยิ้มเฉื่อยเนื้อย “เยว่เอ๋อน้อย เจ้าเห็นปัญหาอันจะพึงเกิดด้วยสมุนไพรเหล่านี้เป็นเหตุมาก่อนหน้านานแล้วกระมัง ?”
สีหน้าของเกอซียังคงเฉยชายามเมื่อนางผงกศีรษะอย่างเชื่องช้า
หากทว่าเหล่าอารักขาแห่งตําหนักราชันมัจจุราชกลับคืนสติได้ในฉับพลัน ภายใต้ความหวาดกลัวอันหลั่งล้นภายในใจ พวกเขาทั้งหมดล้วนหันมองเกอซีด้วยสีหน้าเปี่ยมความซาบซึ้ง
เมื่อครู่ หากมิใช่เพราะพระชายาของพวกเขายับยั้งพวกเขาไว้ก่อน ปานนี้พวกเขาคงมีจุดจบที่น่าสยดสยองเช่นกัน !
ไม่น่าสงสัยเลยว่าเหตุใดนายท่านจึงลุ่มหลงพระชายาถึงเพียงนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งยังเชื่อมั่นในทักษะการแพทย์ของนางอย่างมิต้องกล่าวถึง ! ในที่นี้ล้วนดารดาษด้วยยอดฝีมือระดับพระกาฬ ทั้งยังมีท่านหมอผู้มีทักษะการแพทย์ถึงระดับห้า ทว่าเพียงผู้เดียวที่มองเห็นความพิศวงของสวนสมุนไพรแห่งนี้กลับเป็นพระชายา
“เจ้ารู้ได้เยี่ยงไรว่าสมุนไพรเหล่านั้นผิดปกติ ?” น้ำเสียงเย็นชาดังแทรกขัดบทสนทนาโต้ตอบของทุกคน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เฟิ่งอวิ๋นจิ่งขยับร่างเข้ามาหยุดยืนข้างกายเกอซี ยามนี้เขาโน้มกายลงประสานตานางด้วยสายตาเร่าร้อนประหนึ่งกําลังรั้งรอคอยคําตอบ
หญิงสาวทิ้งหางตามองคราหนึ่งก่อนจะตอบคําด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระใด “สัญชาตญาณ”
คําตอบลวก ๆ ของนางส่งให้ใบหน้าของเฟิ่งอวิ๋นจิ่งบึ้งตึงด้วยความโกรธเกรี้ยว
ไม่คาดคิดเลยว่ากระทั่งเขายอมละทิฐิมานะของตนเพื่อเอ่ยถาม ทว่าอีกฝ่ายกลับตอบอย่างไม่ไว้หน้า !
หากแต่ นั่นคือความจริง สิ่งที่เกอซีเอ่ยกล่าวหาใช่คําโป้ปดแต่อย่างใดไม่
และหากจะกล่าวถึงสมุนไพรในสวนสมุนไพรแห่งนี้ ไม่ว่าจะสี รูปร่าง กลิ่น หรือกระทั่งอายพลังที่คุกรุ่นกําจายออกมา ล้วนเหมือนสมุนไพรปกติทั่วไปทุกประการ
เกอซีไม่อาจระบุได้อย่างแน่ชัดถึงความผิดปกติของพืชสมุนไพรเหล่านั้น หากแต่ด้วยจิตวิญญาณทางการแพทย์ทําให้นางมีสัญชาตญาณรับสัมผัสพิษร้ายได้เฉียบไวโดยธรรมชาติ
นี่ล้วนรวมถึงคําเตือนของต้านต้านผู้อยู่ภายในมิติจิตของนางนับแต่แรกเริ่ม “ท่านแม่ ท่านแม่ ที่นี้อันตราย ต้องระวัง!”
เช่นนั้นนางจึงยิ่งมั่นใจว่าสวนสมุนไพรแห่งนี้มีสิ่งผิดปกติอย่างแน่นอน
ศิษย์ติดตามแห่งสํานักหลิวหลีผู้ยืนอยู่ด้านหลังเฟิ่งอวิ๋นจิ่งไม่อาจทนดูนายน้อยของพวกเขาถูกมองข้ามอย่างไร้ค่าเช่นนี้ จึงอดเปรยสบประมาทออกมามิได้ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง หาใช่เพราะพรสวรรค์อันล้ำเลิศไม่ หากแค่เพียงความมีโชคด้วยความบังเอิญก็เท่านั้น”
พัดเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือของหวูอวี้ เขาโบกพัด มอบอายเย็นให้ตนพลางหัวเราะกล่าวคํา “เกรงว่าใครบา งคนในที่นี้ กระทั่งวาสนาเพียงโดยบังเอิญกลับยังมิมี หากแต่ กลับคิดว่าตนวิเศษเหนือผู้คน”
กู้หลิวเฟิงรีบเข้าร่วมสําทับ เสียงหัวเราะดังพร้อมคํากล่าว “ถูกต้อง ! แล้วผู้ใดกันที่กล่าวว่าสัญชาตญาณไม่นับเป็นส่วนหนึ่งแห่งความเก่งฉกาจ ? อาจบางที่ใครบางคนในที่นี้ สํานักนี้อาจไม่มีฝีมือมากพอจะนําออกมาเทียบเคียงด้วยซ้ำ”
ทั้งคู่ช่วยกันเสียดสีสํานักหลิวหลี และเฟิ่งเหลียนอิ่งรับส่งกันไปมาอย่างออกรส และเมื่อศิษย์สํานักหลิวหลีได้ยินถ้อยคําดูหมิ่นเช่นนั้นต่างต้องหงุดหงิดด้วยความขุ่นเคือง
ส่วนเนียจินเฉินนั้นเดือดดาลยิ่งกว่าผู้ใด เขาเริ่มสบถด่าว่า “กู้หลิวเฟิง อย่าแสร้งทําไม่รู้ว่าผู้ใดยอดเยี่ยมที่สุด !! อย่างพวกเจ้ามีคุณสมบัติใดมาหมิ่นประมาทน้องหญิงเหลียนอิ่ง แห่งสํานักหลิวหลี ? หรือคิดว่าข้าไม่กล้าสังหารพวกเจ้า ? !”
หวูอวี้ โบกพัดในมือขณะส่งเสียงหัวร่อฮา “โอ้ว เช่นนี้เอง พวกเจ้านิยมฆ่าคนปิดปากกระนั้นรึ? โอ้ น่ากลัวจริง ข้ากลัวไปหมดแล้ว ! เอ……ในริ้วอาคมเมฆานั้น ผู้ใดกันที่ร่ำร้องขอชีวิตจากนายท่านของข้า”
นับแต่ได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะจากเกอซี หวูอวี้ก็ทั้งเชิดชูทั้งยึดถือทุกถ้อยคําของพระชายาอย่างแน่นเหนียวไม่เสื่อมคลาย
และหากพระชายาต้องโต้เถียงมีปากเสียงกับนายท่าน เขาก็จะสนับสนุนพระชายาให้ถึงที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา
ใช่แล้ว ทุกความทุ่มเทล้วนคุ้มค่าเพื่อยอดอาหารอันโอชะ
เมื่อกู้หลิวเฟิ่งได้เห็นสีหน้าไม่น่าดูของเฟิ่งเหลียนอิ่ง เสียงเย้ยหยันจึงดังขึ้น “ถ้อยคําใดของพวกเราที่แสดงถึงความหมิ่นประมาทกระนั้นรึ ? มิใช่เพราะเทพธิดาบัวเยือกแข็งแห่งสํานักหลิวหลีของเจ้าหรอกหรือที่ทําให้ผู้คนต้องเสียสติยิ่งไปกว่าเดิม ?”
ยอดฝีมือมากมายผู้เข้าสู่สวนสมุนไพรล้วนตกอยู่ในสภาพเสียสติด้วยเหตุเพราะสุคนธ์หลอมรวมวิญญาณของเฟิ่งเหลียนอิ่งนั่นเอง
เฟิ่งอวิ๋นจิ่งทิ้งหางตามองหวูอวี้ ก่อนจะเบนแนวสายตามายังหนานกงยวพร้อมมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย “เหตุใดข้าจึงมิเคยรู้เลยว่าคนรับใช้จากตําหนักราชันมัจจุราชจะเหิมเกริม ไม่อยู่ในบังคับบัญชาถึงเพียงนี้ ?”
***จบตอน สัญชาตญาณ***