เกอซีผวาตกใจหลุดออกจากห้วงภวังค์ได้ในทันที ครั้นเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นจึงประสานเข้ากับดวงตาที่ยากเกินจะหยั่งคู่นั้น
มุมปากของหนานกงยวี่ขยักยกรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเสน่หา แววตาที่เขาใช้ยามเมื่อมองดูนางช่างอ่อนโยนนุ่มนวล ประกายตาที่กระจ่างใสไหวสะท้อนปานประดุจคำมั่นว่ามันจะพานางให้จมดิ่งอย่างล้ำลึกจนมิอาจถอนตน
คล้ายถูกบางสิ่งแผดเผาให้ร้อนผ่าวที่กลางฝ่ามือ เกอซีรีบชักมือกลับอย่างเร็วรี่ ทว่าอารามตกใจจึงกระชากมือกลับแรงเกินไปจนเกือบล้มหงายลงไปกับพื้น
อา ! เสน่ห์ของเขาช่างเหลือร้ายกระทั่งตัวนางยังหลงเผลอไผลไปด้วยอีกคน สัญชาตญาณตื่นรู้ในฐานะมือสังหารของนางหายไปไหนเสีย ? นางไม่รู้ตัวเลยจริง ๆว่าชายผู้นี้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว
เกอซีกระแอมออกมาเบา ๆ ขณะพยายามกลบเกลื่อนความขัดเขินยามเมื่อนางออกปากถามไถ่ “เจ้าตื่นตั้งแต่เมื่อไร ?”
ในแววตาของหนานกงยวี่ลอบเปล่งประกายแห่งความขบขัน “ตอนที่เจ้าบ่นพึมพำกับตัวเองว่าจะปรนเปรอข้าได้อย่างไร”
“แค่ก แค่ก แค่ก….” หญิงสาวสำลักน้ำลายจนต้องกระแอมต่อมาอีกหลายคราก่อนจะขึ้นเสียงสูงด้วยความเขินอาย “เจ้าฟังผิดแล้ว !”
ปรนเปรออะไรกัน ? นางไม่ยอมรับ ไม่ยอมรับแน่ !
อีกฝ่ายก็รู้จักปั้นหน้าเออออห่อหมกตามกันไป ทั้งยังเหยียดแขนออกมาตบไหล่นางเบา ๆ พลางเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รักใคร่เอ็นดู “อืม ข้าต้องฟังผิดแน่ !”
หญิงลากเสียงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ คราแรกนางยังคิดว่าบุรุษผู้นี้นับว่าอุปนิสัยดีทีเดียว ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นพวกตีสองหน้าอย่างแท้จริง
ทว่าครู่ต่อมากลับได้ยินหนานกงยวี่กล่าวเสริมขึ้นอีก “หากจะเทียบกันแล้ว ดูจะเป็นข้าที่คอยดูแลปรนเปรอเจ้าเสียมากกว่า”
หญิงสาวนิ่งค้างด้วยนัยน์ตาที่ว่างเปล่า “…….”
นางอยากถอนความคิดเมื่อครู่เสียจริง โดยที่แท้แล้วบุรุษผู้นี้คือยอดนักปั้นหน้าตัวฉกาจหาใดปานต่างหากเล่า
หนานกงยวี่รู้สึกขบขันกับสีหน้าท่าทางยามขัดเขินที่แสนน่ารักซึ่งหาโอกาสชมได้ยากของอีกฝ่าย ฝ่ามือที่วางอยู่บนลาดไหล่ของนางค่อย ๆ เคลื่อนลูบไล้อย่างแผ่วเบาจนทำให้ความร้อนภายในกายของคนทั้งคู่เริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ความรุ่มร้อนภายในกายของหนานกงยวี่พลุ่งพล่านท่วมท้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาค่อย ๆ เขยิบกายเข้าใกล้อีกฝ่าย ลมหายใจร้อนผ่าวราดลดลงบนใบหน้าของนางส่งให้ความร้อนทั่วชั้นบรรยากาศรอบกายยิ่งระอุหนักขึ้น
เมื่อร่างของคนทั้งคู่เริ่มใกล้ชิดแนบแน่น ริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่ก็เริ่มขยับใกล้จนแทบจะสัมผัส เกอซีรีบบ่ายหน้าหลบ กลีบปากของชายหนุ่มจึงประทับลงบนพวงแก้มนุ่มของนางแทน
ความตื่นเต้นตกใจฉายชัดในแววตาของหญิงสาวยามเมื่อนางลุกพรวดพราดขึ้นกล่าวคำ “เข็มเงินยังปักคาตัวอยู่ อีกสักระยะกว่าจะถอนออกได้ ไม่จำเป็นก็อย่าเคลื่อนไหว มิเช่นนั้นเจ้าอาจได้รับบาดเจ็บ”
โดยที่แท้แล้วมีแท่งเข็มเงินที่ปักคาไว้บนร่างของหนานกงยวี่เหลือแค่เพียงหกเล่มเท่านั้น ทั้งยังเพียงปักไว้เพื่อปรับสภาวะสมดุลย์ในร่างเท่านั้นจึงแทบไม่อาจส่งผลใด ทว่ากระทั่งตัวนางเองยังไม่แน่ใจว่าด้วยเหตุใดตนจึงต้องหยิบยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวอ้างหลอกลวงด้วย
ครั้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามหาทางเอาตัวรอดหลีกหนีการรุกรานของตน ประกายตาแห่งความเฉียบคมพลันฉายวาบผ่านขึ้นคราหนึ่งก่อนแท่งเข็มเงินในร่างจะถูกสลัดหลุดออกพร้อมอ้อมแขนที่เหยียดยื่นอออกโอบรัดรั้งกายของหญิงสาวให้เข้ามาซุกซบในอ้อมกอดของตน
สิ่งที่ยังคงกั้นขวางคนทั้งคู่ในยามนี้เหลือเพียงอ่างไม้ แม้กระนั้นช่วงกายส่วนบนของคนทั้งคู่ยังคงสนิทแนบชิด ร่างที่เปียกโชกของหนานกงยวี่ทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์ของอีกฝ่ายพลอยเปียกชุ่มไปด้วย และนั่นกลับยิ่งทำให้เนื้อสัมผัสของทั้งคู่ยิ่งสนิทแนบแน่นยิ่งกว่าที่เคย
ชายหนุ่มก้มลงมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่ยังคงมีสีหน้าตื่นตกใจระคนอับจนหนทางด้วยสายตาที่อบอุ่น และอ่อนโยนดั่งสายน้ำพุร้อน น้ำเสียงของเขาพร่ำพรอดอ่อนละมุน “เจ้ารู้ว่าข้าอยากจุมพิตเจ้า เช่นนั้น…..”
สุ้มเสียงนั้นเล็ดลอดออกมาพร้อมใบหน้าที่ก้มลงจุมพิตนางอย่างล้ำลึก
ปานประดุจทั่วทั้งเรือนกายถูกโอบล้อมอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงที่แผดเผา ริมฝีปากของนาง ลมหายใจของนาง หยาดโลหิตทั่วร่างล้วนเสมือนถูกรุกล้ำด้วยความรู้สึกอันไม่คุ้นเคย สัมผัสจากบุรุษผู้นี้ช่างแข็งแกร่งทรงพลังแฝงไว้ด้วยความกำแหงอหังการ์ ทว่ากลับเปี่ยมไปด้วยอายแห่งรักที่ทะนุถนอม
ในหัวพลันอื้ออึง ความรู้สึกคล้ายดำดิ่งล้ำลึกไปกับห้วงแห่งสัมผัสจนมิอาจดิ้นรน มิอาจหลีกลี้
ทว่า มโนภาพหนึ่งพลันผุดขึ้นในใจ ภาพของเหลิ่งเหย่พลันปรากฏอย่างเด่นชัดภายในใจ
ในหูยังคงก้องดังเสียงของบุรุษผู้นั้น “เมื่อข้าไม่สามารถครอบครองเจ้าได้ ข้าก็จะทำลายเจ้าเสีย !”
ชายผู้นั้นเคยเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายของนาง สหายเพียงผู้เดียวที่นางรู้จัก และให้ความสนิทสนม ทว่าที่สุดแล้วเขาคือผู้ที่แทงกริชปักแทรกลงบนหัวใจของนาง เสียงหัวเราะปานประหนึ่งคนคลุ้มคลั่งนั้นยังคงก้องดัง “หากข้าไม่สามารถครอบครองเจ้าได้ ข้าก็จะไม่ให้ผู้ใดได้ครอบครองตัวเจ้า !”
***จบตอน มุ่งมั่นเพื่อความสัมฤทธิ์***