หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 312 อเวจีบนแดนดิน
เพียงมิช้านาน เนียจินเฉินก็ถอดถอนพฤกษาเวทขั้นห้าออกมาได้ มันคือผลเฉินเซียง ขณะเหยียดย่างกายกลับคืนตําแหน่ง ชายหนุ่มยังจงใจส่งยิ้มกวนโทสะมาหาเกอซีรวมถึงพวกที่เหลือ
หากทว่าก่อนฝ่าเท้าของเนียจินเฉินจะล่วงพ้นสวนสมุนไพรชายหนุ่มพลันได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากด้านหลัง
ด้วยสัญชาตญาณ เขารีบหันกลับไปมอง จึงเห็นเงาร่างของคนสองคนที่โผลโพล่งขึ้นจากส่วนลึกแห่งสวนสมุนไพร ช่วงบริเวณเนินเขาน้อยที่ปลดปล่อยแสงรัศมีหลากสีอัน เรืองรอง
เมื่อคนทั้งสองเคลื่อนเข้าใกล้ชายหนุ่มกระทั่งเขาสามารถแลเห็นใบหน้ารูปลักษณ์ของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจนเนียจินเฉินกลับส่งเสียงร้อง “เฮ้ย !” ลัน
ไม่อาจรู้ได้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ใบหน้าของทั้งคู่ถูกปกคลุมไปด้วยทุ่มโลหิตพุพอง
ขนาดของตุ่มโลหิตใหญ่ที่สุดเทียบได้กับเม็ดองุ่นขณะที่ตุ่มพุพองโลหิตที่เล็กที่สุดอาจเทียบได้กับปลายเล็บสตรีตุ่มโลหิตพุเบียดเสียดบ้างมีสีม่วงบ้างออกสีแดงคล้ํา ความแออัดเนืองแน่นของมันทําให้ผู้ที่ได้ยลเห็นต่างรู้สึกคลื่นไส้ รู้สึกอยากอาเจียนในทันที
ทั้งคู่นัยน์ตาแดงกําดั่งสายโลหิต ขณะสองขาปัดวิ่งตรงมาสองแขนยกขึ้นข่วนเกาไปทั่วหน้าอย่างไม่อาจควบคุมและนั่นยิ่งเป็นเหตุให้ตุ่มโลหิตยิ่งผุดปูด คล้ายต่อมทุ่ม เหล่านั้นกําลังหลอมละลายน้ําเลือด น้ําเหลือง น้ําหนองให้ไหลนองอาบลงตามแก้ม
“ชะชะช่วยด้วย…” มันผู้หนึ่งเหยียด แขนออกคว้าตัวเนียจินเฉินด้วยสายตาวิงวอนหวาดกลัว
ฝ่ามือข้างนั้นสั่นกระตุกรุนแรง ปลายนิ้วเหล่านั้นถูกครอบคลุมไปด้วยโลหิตสีแดงสดปนเปื้อนสีเหลืองโส โครกของน้ําหนอง อีกเพียงอึดใจมันจะสามารถคว้าชาย เสื้อของเนียจินเฉินไว้ได้
ชายหนุ่มพลันได้สติ เขาแหกปากร้องลั่นพลางรีบเห็นร่างหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากสวนสมุนไพรด้วยอาการคลุ้มค ลั่งราวได้เห็นภูตผี
เมื่อพวกมันทั้งคู่ไม่อาจยึดตัวเนียจินเฉินไว้ได้พวกมันต่างเปลี่ยนทิศทางพากันเดินบัดปายเข้าหากลุ่มฝูงชนอย่างไม่ลังเล
ขณะพวกมันวิ่งไขว่คว้า ปากของพวกมันยังส่งเสียงแผดร้องน่าอนาถ “ช่วยเข้าด้วย ! ช่วยด้วย..! ข้ายังไม่อยากตาย !!”
เหล่ายอดยุทธผู้ยืนอยู่ด้านนอกสวนสมุนไพรต่างตะลึงงันกับภาพฉากที่เห็น ใบหน้าพวกมันทั้งหมดล้วนแสดงออกถึงอาการตื่นระวังภัย
เพียงทว่า ความน่าสะพรึงที่ปรากฏล้วนห่างไกลจากปลายทางแห่งความสิ้นสุด เหล่ายอดฝีมือผู้อยู่ในสวนสมุนไพรที่คืนสติด้วยสุคนธ์หลอมรวมวิญญาณล้วนหมดสติก ระทันหันโดยไร้สัญญาณล่วงหน้า
ขณะผู้เยี่ยมยุทธที่กลืนกินพฤกษาสมุนไพรลงไปแล้วล้วนพบตุ่มสีแดงน่ารังเกียจเริ่มค่อย ๆ ผุดขึ้นบนดวงหน้าอย่างรวดเร็วชนิดสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตุ่มตะปุ่มตะป่าสีแดงเริ่มกระจายลุกลามไปทั่วร่างทั้งยังมีแนวโน้มว่าพวกมันกําลังจะโปงบวมเพื่อกลายเป็นตุ่มหย่อมโลหิตพุพอง
บรรดายอดฝีมือที่ตุ่มแดงลามกระจายไปตามอวัยวะส่วนต่าง ๆ เริ่มมีอาการเนื้อกายกระตุก ส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดใบหน้าของพวกมันบิดเบี้ยวแส ดงออกถึงความทรมานอย่างเหลือแสน
เพียงพริบตา สวนสมุนไพรบรรยากาศร่มรื่นเมื่อครู่ก่อนกลับถูกปกคลุมไปด้วยเหล่ายอดฝีมือที่แตกฮือคลุ้มคสั่งประหนึ่งฝูงไก่ถูกเชือดสิ่งที่ปรากฏในยามนี้กลับกลายเป็นนรกอเวจีบนแดนมนุษย์
เนียจินเฉินตะลึงค้างใบหน้าซีดเผือด เมื่อได้เห็นภาพฉากอันโหดร้ายเบื้องหน้าความประหวั่นพรั่นพรึงส่งให้ทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มสันไหวสะท้าน
ฉับพลัน เขาก็นึกบางสิ่งขึ้นได้ จึงรีบเขวี่ยงกล่องบรรจุผล เฉินเซียงในมือทิ้งไปด้วยสีหน้าตื่นตกใจขวัญผวาราวลูกกวางน้อยที่แตกตื่น
เสียงกู้หลิวเพิ่งกล่าวกลั้วหัวเราะ “ข้าสงสัยจริงว่าผู้ใดกัน ที่กล่าวว่าสวนสมุนไพรแห่งนี้ไม่มีภัยอันตรายใดทั้งเยว่เอ๋อน้อยของพวกเราก็ยังอ่อนต่อโลกที่สุดแล้วผู้ใดกันแน่ หนอที่ไม่รู้จักใต้หล้ากว้างใหญ่ ?”
แนวสายตาของชายหนุ่มหยุดอยู่ที่ฝ่ามือของเนียจินเฉินเขาเดาะลิ้นพลางเอ่ยกล่าวด้วยความย่ามใจ “เจ้าเพิ่งสัมผัสสมุนไพรนั่นโดยตรงด้วยมือของตนเองเจ้าต้องโรคร้ายแล้วเมื่อถึงเวลาเจ้าเองก็จะมีสภาพเฉกเช่นเดียวกับผีดิบ…โถ โถ โถ ช่างน่าเวทนาเสียนี่กระไร..”
เนียจินเฉินหวาดผวาซวนเซถลาถอยกระทั่งไปกระแทกเข้ากับเพิ่งเหลียนอิงผู้กําลังสืบฝ่าเท้าก้าวขึ้นมาด้านหน้า
หญิงสาวยกมือขึ้นจับปลายจมูกที่ถูกชนเข้าอย่างจัง นางจ้องภาพฉากสวนสมุนไพรที่ยามนี้กลับกลายประหนึ่งแดนนรกในเมืองมนุษย์ที่คราคร่ําไปด้วยเสียงกรีดร้อง โหยหวนด้วยใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ
อีก..อีกแค่เพียงอึดใจ นางก็กําลังจะติดตามพวกเขาเข้าไปเก็บโกยสมุนไพรที่ด้านในแล้ว
หาก….หากนางต้องโรคร้ายนั่น ดวงหน้างดงามของนางจะต้องกลายเป็นอัปลักษณ์สุดน่าสะพรึง… แค่เพียงคิดถึงผลที่ต้องติดตามมาทั่วร่างของเพิ่งเหลียนยิ่งพลันเย็นเยียบลมหายใจติดขัดสะดุด
***จบตอน อเวจีบนแดนดิน***