เซี่ยวหลีรีบตอบรับคำโดยไม่มีข้อกังขาต่อคำสั่งของเกอซีแม้เพียงน้อย
เกอซีรับแม่นมเฉินขึ้นรถม้าทันทีโดยไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายกล่าววาจาใดอีก เมื่อแม่นมเฉินยังคงมีความคิดหลงผิดไปกับบิดาผู้ด้อยค่าของนาง รวมถึงคนแห่งเรือนน่าหลานเหล่านี้ เกอซีย่อมสมควรฉกฉวยโอกาสนี้ช่วยทำให้ความหวังลม ๆแล้ง ๆของแม่นมเฉินสิ้นสุดลงไปเสียที
ในเมืองเหยียนจิง หมู่บรรดาตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ชื่อเสียงของสกุลน่าหลานนับได้ว่าเลื่องลือระบือไกล
น่าหลานเจิ้งเจ๋อคือท่านหมอผู้มีทักษะการรักษาสูงส่งที่สุดในอาณาจักรจินหลิง อีกทั้งยังเป็นสมาชิกระดับอาวุโสชั้นต้นในสมาพันธ์แพทย์ ผู้คนมากมายเท่าไรที่ต่างร่ำร้องอ้อนวอนขอรับการรักษาจากน่าหลานเจิ้งเจ๋อ
ตั้งแต่มู่หรงหย่าหรูออกเรือนตบแต่งเข้าสู่ตระกูลน่าหลาน และได้กลายมาเป็นฮูหยินน่าหลาน นางย่อมมีความสุขสำราญ อยู่ภายใต้ความริษยาของเหล่าบรรดาตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลาย ไม่ว่านางจะย่างกรายไปในที่ใดผู้คนทั้งหลายล้วนเข้ามาพินอบพิเทาทั้งสิ้น
ทว่ายามนี้ ฮูหยินน่าหลานกลับต้องวิตกกังวลกระทั่งเส้นผมแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน เมื่อเกิดข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับน่าหลานเฟ่ยเสวี่ย ฮูหยินเก็บตัวอยู่แต่เพียงในเรือนโดยไม่กล้าย่างกรายออกไปพบหน้าผู้คนอีก
ข่าวลือนี้แพร่สะพัดไปทั่วหัวระแหงในนครเหยียนจิงกระทั่งทำให้ตระกูลน่าหลานต้องกลายเป็นที่ขบขันของชาวเมือง
ว่ากระไรนะ “น่าหลานเฟ่ยเสวี่ยหลงรักคุณชายสกุลจูหัวปักหัวปำ หากแต่กลับยั่วยวนไม่สำเร็จจึงใช้กำลังเข้าบีบบังคับงั้นรึ ?”
ว่ากระไรนะ “คุณชายแห่งสกุลจูเป็นผู้ลงมือทำลายความบริสุทธิ์ของน่าหลานเฟ่ยเสวี่ย นางแค้นเคืองที่ได้รับความอัปยศ จึงจับคุณชายสกุลจูเปลื้องผ้าออกเพื่อระบายโทสะงั้นรึ ?”
ข่าวลือเช่นนี้กระพือไปทั่วล่วงรู้ผ่านไปถึงหูทุกผู้คน !
ฮูหยินน่าหลานเป็นผู้ให้การอบรมสั่งสอนน่าหลานเฟ่ยเสวี่ยด้วยตนเองมากระทั่งเติบใหญ่ หากชื่อเสียงของบุตรสาวต้องเสื่อมเสียลงเช่นนี้ มิเท่ากับว่านาง มู่หรงหย่าหรู อบรมบุตรสาวล้มเหลวกระนั้นหรือ ? เรื่องนี้จะไม่กระทบต่ออนาคตของบุตรชาย และบุตรสาวคนโตไปด้วยล่ะหรือ ? นี่คือสิ่งที่ฮูหยินน่าหลานมิอาจทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
อีกทั้งสกุลจูยังยืนกรานว่าผู้ที่ลงมือเปลื้องผ้าสร้างความอัปยศให้แก่จูจงป้าคือน่าหลานเฟ่ยเสวี่ย พวกเขาต้องการให้น่าหลานเฟ่ยเสวี่ยรับผิดชอบในเรื่องนี้เพื่อสยบข่าวลือเสียหายที่ระบือไปทั่วนครเหยียนจิง ความรับผิดชอบนี้สกุลน่าหลานย่อมไม่อาจบิดพริ้ว
โชคร้ายยิ่งนักที่น่าหลานเฟ่ยเสวี่ยเดินทางออกไปฝึกฝนพลังฝีมือของตนจึงยังไม่อยู่ที่เรือน เช่นนั้นแล้ว แม้นางจะต้องการให้บุตรสาวออกมาเอ่ยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดด้วยตนเองย่อมไม่อาจเป็นได้ ยิ่งมิต้องกล่าวถึงว่าฮูหยินน่าหลานย่อมรู้จักนิสัยใจคอของบุตรสาวตนเป็นอย่างดี นางย่อมรู้ว่าบุตรสาวของตนอาจกระทำการอุกอาจดังเช่นที่กล่าวจริง
ครั้งที่แม่นมหูบ่าวคนสนิทเอ่ยกระตุ้นเตือนขึ้น นางจึงคิดอุบายยกบุตรสาวของอนุเข้ามาแทนที่บุตรสาวของตน ซึ่งคนผู้นั้นย่อมต้องเป็นน่าหลานเกอซี ผู้ถูกขับออกไปอยู่เรือนหลังนอกมากว่าสิบปีแล้ว
ครั้นเมื่อคิดถึงเกอซี ฮูหยินน่าหลานก็อดคิดถึงสตรีผู้นั้นมิได้
รูปโฉมที่งดงามปานประหนึ่งสามารถพลิกผืนธรณี ความสูงสง่าทรงศักดิ์ ความยะเยือกเย็นชา แววตาที่เย่อหยิ่งโอหังไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา นางเป็นแค่เพียงอนุผู้หนึ่งเท่านั้น ทว่ากิริยาท่วงท่าของนางกลับปานประหนึ่งบุปผาที่เบ่งบานอยู่บนยอดภูผาอันสูงชัน แม้กระทั่งสามีของนางยังไม่อยู่ในสายตาสตรีผู้นั้น
กระทั่งทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ฮูหยินน่าหลานคิดถึงสีหน้าท่าทางที่เย็นชายามเมื่อสตรีผู้นั้นจับจ้องมองมา นางจะโกรธเกรี้ยวจนเนื้อกายสั่นสะท้าน สามีของฮูหยินน่าหลานหลงรักปักใจในสตรีผู้นั้นยิ่งนัก เขาทั้งยกย่องทั้งสุภาพอ่อนโยนกับนางอย่างเหลือล้น อีกทั้งยังไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้ หรือทำร้ายล่วงเกินสตรีผู้นั้นได้เลย
หญิงผู้นั้นคือนางแพศยาที่ยั่วยวนบุรุษอย่างไร้ยางอาย ! ทว่าเหตุใดนางกลับได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยงนี้ ? ฝันหวานไปก่อนเถอะ !
นับว่ายังโชคดีที่เมื่อสตรีผู้นั้นให้กำเนิดบุตรีก็สิ้นใจลง อีกทั้งบุตรีที่ให้กำเนิดยังมีใบหน้าอัปลักษณ์ทั้งยังไร้สิ้นพลังฝีมือ ช่างไม่มีความงดงามหรืออุปนิสัยใดรับสืบทอดมาจากผู้เป็นมารดาเอาเสียเลย
บุตรสาวชั้นต่ำผู้นี้เกะกะขวางหูขวางตานางมาโดยตลอด ครานี้ย่อมเป็นโอกาสดีที่จะหาทางเขี่ยมันไปให้พ้น ๆ ทางชีวิตเสีย
คิดได้เช่นนั้นฮูหยินน่าหลานก็ยิ่งปลื้มปริ่มยินดี รอยยิ้มที่โฉดชั่วไร้ไมตรีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ชั่วขณะเดียวกันนั้นเองสาวใช้ตรงเข้ามารายงานแก่ผู้เป็นนาย “ฮูหยิน คุณหนูสามมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
เพียงไม่ช้านาน สาวน้อยผู้สวมใส่อาภรณ์ของบุรุษเนื้อหยาบไร้เครื่องประดับศีรษะผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาด้านในด้วยท่าทีไม่เร่งร้อนพร้อมแม่นมผู้ชรา
***จบตอน ฮูหยินน่าหลาน***