เมื่อคิดเช่นนั้น เหตุผลเดียวที่อาจสามารถเพียงพอจะเป็นคำอธิบายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ…….สาวน้อยผู้นี้คือผู้ครอบครองสมบัติอันล้ำค่า ! ทั้งสมบัติชิ้นนั้นย่อมจะต้องเป็นสมบัติเวทขั้นสูงกว่าระดับห้าอย่างแน่แท้ !
กลุ่มมือสังหารต่างหันมาสบตากันด้วยความตื่นตะลึง สีหน้าเปี่ยมความละโมบฉายวาบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกมันเร่งความเร็วของกระบี่เหินเวหาไล่ตามติดอีกฝ่ายอย่างกระชั้นชิด
ขณะยังคงวิ่งหนีกระเสือกกระสน เกอซียกฝ่ามือของตนขึ้นไล้ไปตามเส้นผม เศษชิ้นบางสิ่งที่แหลกละเอียดสัมผัสต้องเข้ากับฝ่ามือ ความรู้สึกภายในใจของหญิงสาวพลันพองฟูขึ้นทันที
เมื่อครู่ หาใช่สมบัติล้ำค่าอันใดที่ช่วยปกป้องนางจากพลังโจมตีของเหล่ามือสังหาร……มันคือปิ่นปักผมตราประทับที่หนานกงยวี่ทิ้งไว้บนร่างของนาง
ยามเมื่อเกิดเหตุร้ายขั้นวิกฤติสุ่มเสี่ยงต่อความเป็นความตาย ตราประทับที่ถูกผนึกไว้จะแปรเปลี่ยนสภาพของมันกลายเป็นม่านปราการปกป้องนางจากผองภัยทั้งปวง
หนานกงยวี่ ดูเหมือนข้าจะติดหนี้ท่านมากเกินไปเสียแล้ว
หากเพียงช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่ในวันนี้คงจะเป็นวาระสุดท้ายของนางแล้ว เกรงว่าคงจะไม่อาจมีโอกาสได้ตอบแทนเขาผู้นั้นอีกแล้ว
เพียงความคิดไหลวูบผ่านเข้ามาในหัว เหล่ามือสังหารทั้งหมดก็ปรากฏกายห้อมล้อมเกอซีไว้แล้ว
สายตาแสร้งแสดงถึงความปรานีจากหัวหน้ามือสังหารจับจ้องมาที่นาง ทว่าน้ำเสียงกลับเย็นชายิ่งนัก “น่าหลานเกอซี หากเจ้ายินยอมมอบสมบัติล้ำค่าที่เก็บซ่อนไว้ออกมา ข้าก็จะมอบวาระสุดท้ายอันไม่เจ็บปวดทรมานให้แก่เจ้า…….หาไม่แล้ว ความเคียดแค้นชิงชังที่เจ้าสังหารเสี่ยวปาจะทำให้พวกเรามอบความทรมานกระทั่งเจ้าต้องเอ่ยปากร่ำร้องหาความตายเท่านั้น !”
เกอซีหอบหายใจเล็กน้อย สายตาเย็นชาเพ่งพินิจสำรวจบุรุษทั้งสามเบื้องหน้า ในแววตานั้นไร้สิ้นร่องรอยแห่งความตื่นตระหนกหวาดหวั่น “ผู้ใดสั่งให้พวกเจ้าลงมือสังหารข้า ?”
สีหน้าของมือสังหารผู้ยืนอยู่ทางซ้ายของหัวหน้ามือสังหารบิดเบ้ขึ้นมาในทันที มันชักกระบี่ยาวพลางร้องตะโกน “หญิงน่ารังเกียจเช่นเจ้าไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตา ! น้ำหน้าอย่างเจ้ายังกล้าแสดงท่าทีเหิมเกริมต่อหน้าพวกเรา เพียงเจ้าผู้เดียวคิดหรือว่าจะต่อกรกับพวกเราได้ ?”
ฉับพลันร่างของเกอซีเลือนหายไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ อาศัยกำลังภายใน ความเคลื่อนไหวของหญิงสาวรวดเร็วประดุจสายฟ้า ร่างนั้นพุ่งตรงเข้าหามือสังหารที่อยู่ทางด้านซ้าย
แม้ใบหน้าถอดสี ทว่าชายผู้นั้นยังคงรีบโคจรรวบรวมพลังสายฟ้าไว้ที่ฝ่ามือแล้วซัดมันโถมเข้าหาร่างของเกอซีอย่างหนักหน่วงรุนแรง
‘ครึก’ ความแสบร้อนเจ็บแปลบคือสิ่งที่เกอซีสัมผัสได้ กล้ามเนื้อทุกส่วนของแขนขากระตุกเกร็ง
ทว่านางหรือจะยอมล่าถอย กลับกันเกอซียังคงพุ่งร่างตรงเข้าหา แม้จะถูกพลังสายฟ้าอัดกระแทกเข้าอย่างเต็มกำลัง รอยยิ้มแปลกประหลาดยังคงฉายอยู่บนดวงหน้าขณะที่ร่างของนางยังคงพุ่งเข้าหาเป้าหมาย
มือสังหารผู้อยู่ทางซ้ายเปล่งเสียงอุทานลั่น มันค่อย ๆก้มศีรษะลง
เบื้องล่างคือมีดสั้นด้ามเรียวที่เสียบแทงตรงเข้ามาในช่องท้องของมันอย่างแม่นยำ สายธารโลหิตค่อย ๆไหลซึมออกมาจากปากแผลอย่างไม่หยุดยั้ง
ทว่าสิ่งที่น่าประหวั่นนั้นคือยามเมื่อหยาดโลหิตสัมผัสต้องเข้ากับอากาศภายนอกมันกลับกลายแปรสภาพเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำที่น่าหวาดหวั่นกระทั่งทำให้เส้นผมทุกเส้นลุกขึ้นชูชัน
“อ๊ากกกก อ๊า อ๊ากกกกก —–ปวด——คัน !”
มือสังหารผู้นั้นทิ้งกระบี่ด้ามยาวตวัดมือเกาไปตามร่างกายด้วยอาการลนลาน มันร้องร่ำคร่ำครวญม้วนตัวกลิ้งเกลือกลงกับพื้น เพียงพริบตา ใบหน้าของมันแต้มไปด้วยหยาดโลหิตที่กลั่นขึ้นเป็นจุดเล็ก ๆท่วมทั่ว
“เสี่ยวหวู เสี่ยวหวู ! เจ้าเป็นอะไร ? ! !”
มือสังหารที่อยู่ทางด้านขวารีบรุดเข้ามาช่วยในทันที ทว่ากลับถูกหัวหน้ามือสังหารยับยั้งไว้ “หล่าวซานเจ้าสังเกตให้ดี พิษที่เสี่ยวหวูได้รับนั้นร้ายแรงยิ่งนัก หากเจ้าเข้าไปใกล้ย่อมต้องพิษไปด้วยเท่านั้น”
ยามเมื่อกล่าวคำ สายตาอันเหี้ยมโหดไร้ความปรานียังคงจ้องนิ่งอยู่ที่เกอซีประดุจดั่งมีดดาบที่เสียดแทง “แพศยา เจ้าทำอะไรเสี่ยวหวู ?”
ร่างของเกอซีปรากฏรอยแผลฉีกขาดโลหิตไหลซึมอันเนื่องมาจากแรงโจมตีสายฟ้าเมื่อครู่ ความเจ็บปวดส่งให้สีหน้าของนางซีดเซียวดั่งซากศพ
ถึงกระนั้นริมฝีปากของหญิงสาวยังคงไว้ด้วยรอยยิ้มโฉดชั่วขณะที่ปากยังคงกล่าววาจา “ข้าเพียงเคลือบมีดสั้นไว้ด้วยโอสถพิษที่มีชื่อว่า ‘ฉีกหัวใจทลายปอด’ เมื่อใดที่พิษแทรกซึมเข้าสู่หัวใจไหลเรื่อยผ่านตลอดไปตามเส้นเลือด ทั่วทั้งร่างของมันผู้นั้นจะเจ็บปวดทรมานแสบคันอย่างเหลือจะทานทน สิ่งเดียวที่มันต้องการคือฉีกสะบั้นหัวใจตนเพื่อสิ้นสุดความเจ็บปวด”
ประดุจดั่งจะช่วยตอกย้ำถ้อยคำ มือสังหารผู้มีนามว่าเสี่ยวหวูส่งเสียงโอดครวญด้วยความทุกข์ทรมาน มันร้องคำรามด้วยอาการทุรนทุราย “ทนไม่ไหวแล้ว !”
ตามมาด้วยร่างที่ระเบิดแหลกเหลวออกเป็นจุณ ชิ้นเศษเนื้อ สายโลหิตสาดกระจายทะลักท่วมอาบย้อมไปทุกหนทุกแห่ง
***จบตอน เสียดแทงจิตใจ***