สีหน้าของแม่นมเฉินเศร้าซึมยิ่งขึ้น เมื่อนางแลเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวบนเรือนร่างที่ผอมบางของเกอซี ขอบตาของนางพลันแดงก่ำ นางตำหนิตนเองที่เป็นคนใช้ไม่ได้ไร้ประโยชน์ นำพามาแต่เรื่องหนักใจให้คุณหนู
“แม่นม ท่านอย่าได้หวั่นกังวลไป ข้าจะจัดการเรื่องปากท้องกับเงินทองให้เอง ท่านให้โม่ซานนำตัวหลี่ซีเข้ามาหาข้าที”
เพียงไม่นานหลี่ซีผู้มีใบหน้าผอมแห้งอิดโรยถูกนำมาหาเกอซี
ร่างของมันสั่นสะท้านเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเกอซี ความแตกตื่นหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วในแววตา ยามเมื่อมันทรุดลงคุกเข่าโขกศีรษะลงกับพื้น “คุณหนูขอรับ ข้าไม่ผิดขอรับ ข้าไม่ควรเชื่อท่านลุง และลงมือทำร้ายท่านเลย ได้โปรดละเว้นข้าเถิดขอรับ !”
หลี่ซีได้เห็นความตายที่น่าอนาถของผู้ที่มีฐานะเป็นลุงด้วยตาตนเอง อีกทั้งสองสามวันมานี้เขายังเห็นโม่ซานผู้มีดวงตาว่างเปล่าไร้ชีวิตจิตใจกระทำตามคำสั่งของเกอซีทุกถ้อยคำอย่างไม่บิดพริ้ว เช่นนี้แล้วมันย่อมน่าแตกตื่นหวาดผวาต่อสาวน้อยผู้อยู่เบื้องหน้าอย่างถึงที่สุด
เกอซีค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้น เพื่อย่างฝีเท้าตรงเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลี่ซีก่อนจะก้มลงมองมัน “ข้าจะยอมไว้ชีวิตอันไร้ค่าของเจ้าก็ได้ หากแต่เจ้าต้องยอมบอกกล่าวแก่ข้าโดยดีว่าผู้ใดคือพ่อบ้านจางที่นำข้าออกขายให้แก่หอรื่นรมย์ ?”
“มัน….มันคือ จางเต๋อจง !” หลี่ซีไม่กล้าจะปกปิดความเป็นจริงใด ๆ มันรีบโพล่งตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “มันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่นมของฮูหยิน มันได้รับมอบหมายให้อยู่ในตำแหน่งสำคัญในเรือนใหญ่ มีคุณชายใหญ่คุณหนูรองช่วยส่งเสริม ครึ่งปีหลังนี้มันได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นผู้ดูแลจัดการส่งเสบียงอาหารและเงินทองมายังเรือนแห่งนี้ ข้า …..ท่านลุง และข้าหลงเชื่อวาจาของมันจึงช่วยกันทุบศีรษะคุณหนูจนหมดสติก่อนจะนำไปส่งในตัวเมือง ! ทว่าเรื่องที่มีการนำท่านไปขายยังหอรื่นรมย์นั้นไม่เกี่ยวกับข้าจริง ๆ ! คุณหนูโปรดไว้ชีวิตด้วยขอรับ ข้าไม่กล้าแข็งขืนไม่อยู่ในโอวาทของท่านอีกต่อไปแล้วขอรับ !”
ความโหดร้ายฉายผ่านใบหน้าของเกอซีเพียงวูบ ก่อนคำถามอย่างไม่แยแสจะดังขึ้น “ข้าจะไปพบจางเต๋อจงได้ที่ใด ?”
หลี่ซีมีท่าทีลังเลเล็กน้อย มันก้มหน้าละล่ำละลักออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว “ข้าไม่รู้ พ่อบ้านจางเป็นคนใหญ่คนโต บ่าวรับใช้ที่ต่ำต้อยเช่นข้าจะรู้ที่อยู่ของเขาได้อย่างไร…….อ๊าก อ๊าก อ๊าก—— !”
ยังไม่ทันที่วาจาจะสิ้นสุด เกอซีก็ส่งลูกเตะอัดใส่ร่างของมันเข้าแล้ว ฝ่าเท้าข้างซ้ายกดเหยียบลงไปอย่างมั่นคงบนแผงอกของมัน “ข้าลืมบอกเจ้าไปว่าข้าอารมณ์ไม่ใคร่ดีเท่าไรนัก หากเจ้ากล้าโป้ปดข้า แม้ข้าจะไม่สังหารเจ้าก็ตามทีแต่ข้าย่อมสามารถมอบชีวิตที่โหดร้ายเสียยิ่งกว่าได้เผชิญหน้ากับความตายให้แก่เจ้าได้แน่ !”
“ข้าพูดแล้ว !ข้าพูดแล้ว ! คุณหนูโปรดละเว้นข้าด้วย !” น้ำเสียงตะเบ็งแหบแห้งโหยหวนร้องขอความเมตตาของมันน่าอนาถจิต “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าพ่อบ้านจางอยู่ที่ใด เพียงทุกวันมันจะไปเสี่ยงโชคที่จางเลอ นอกเหนือไปจากนั้นข้าไม่รู้จริง ๆ ! คุณหนู ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิดขอรับ !”
จางเต๋อจง ! น่าหลานเฟ่ยเสวี่ย ! เกอซียกยิ้มเยาะขึ้น ฉับพลันแขนของนางยกสูงขึ้น เพียงวูบเดียวแท่งเข็มเงินไร้เงาจำนวนมากแทรกผ่านเข้าไปในหัวหลี่ซีเรียบร้อยแล้ว
หลี่ซีร้องโหยหวน “อ๊าก” สายตาของมันจ้องเขม็งไปยังร่างของเกอซี ในดวงตาคือความตื่นผวาระคนคับแค้น “เจ้า….เจ้าบอกว่าจะละเว้นข้า…..”
ยังมิทันข้อความที่ต้องการสื่อสารจะเรียบร้อยดี ดวงตาทั้งคู่ของมันก็สิ้นประกายแสงแปรสภาพเป็นหุ่นเชิดที่ไร้ความสามารถในการต่อต้านต่อเกอซี
หญิงสาวเปิดริมฝีปากขึ้นกล่าววาจาออกไปอย่างเชื่องช้าด้วยอาการที่เย้ยหยัน “ข้าบอกว่าจะละเว้นชีวิตไร้ค่าของเจ้า หากไม่เคยกล่าวว่าจะปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ”
ยามตะวันตรงศีรษะสะท้อนเช่นนี้ ท้องถนนที่คึกคักที่สุดในนครเหยียนจิงจอแจไปด้วยหมู่ผู้คนที่เดินเข้าออกวุ่นวายไม่หยุดหย่อนเสียงร้องตะโกนเซ็งแซ่ส่งหารับข้ามฝั่งกันไปมา
สถานที่ซึ่งดูจะมีชีวิตชีวาที่สุดเห็นจะไม่พ้นจางเลอ
จางเลอไม่ใช่สถานซึ่งมีอาณาเขตแค่เพียงอาคารเดียว หากแต่สถานที่นี้กินพื้นที่กว้างใหญ่ไปเกือบครึ่งถนน นอกไปเสียจากการเป็นบ่อนพนันแล้ว สถานที่นี้ยังเป็นร้านอาหาร สถานที่หาความสำราญ สถานที่แสดงสินค้ามีค่าหายากนับชิ้นไม่ถ้วน อีกทั้งยังเป็นตลาดค้าทาสแหล่งใหญ่ด้วยเช่นกัน
บานประตูจางเลอจึงเปิดรับคนทุกประเภทระดับชั้นต่างสาวเท้าก้าวเข้าออกในสถานที่แห่งนี้นับไม่ถ้วน ท่ามกลางหมู่ฝูงชนคือกลุ่มบุรุษผู้ภูมิฐานภายใต้อาภรณ์เนื้อละเอียดที่ส่งให้พวกเขาดูเจิดจรัส และหมู่สตรีงดงามร่างบางที่สามารถดึงดูดสายตาทุกผู้คนที่ยลเห็น
ทว่ายามนี้ ผู้ที่ฉุดดึงสายตาหันเหความสนใจของหมู่ชนให้ไปรวมลงอยู่ที่บานประตูหน้าจางเลอกลับเป็นคนผู้หนึ่ง
***จบตอน เจ้าอย่าได้โป้ปดข้า***