หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 331 โอสถสมานพิษของจริง
เฟิ่งเหลียนอิ่งอ้าปากค้าง ภายในใจมีเพียงความคับแค้น ครั้นเพียงนางกําลังจะเอ่ยปาก ถ้อยคําถัดมาของเฟิ่งอวิ๋นจิ่ง กลับทําให้นางตัวสั่นไม่กล้ากระทําสิ่งไร้ความยั้งคิด
“หากเจ้ากล้าทําลายเกียรติคุณของตระกูลเฟิงอีก ข้าจะส่งเจ้าเข้าหอบรรพชน และจงอย่าได้คิดหมายจะได้กลับออกมาอีก!”
การถูกส่งตัวไปกักไว้ในหอบรรพชน ย่อมหมายถึงนามของนางจะถูกลบออกจากรายชื่อบุตรหลานตระกูลเฟิง และหากเป็นเช่นนั้น ชีวิตของนางย่อมเป็นอันสิ้นสุด นางจะไม่มีโอกาสมาปรากฏกายในแถบทวีปหมีหลัวได้อีก สําหรับเฟิ่งเหลียนอิ่งผู้หยิ่งทระนงกระหายในอํานาจแล้ว การกระทําเช่นนี้ย่อมโหดร้ายทารุณเสียยิ่งกว่าความตาย
อีกด้านหนึ่ง เกอซีผู้ได้ยินถ้อยคําถามของพวกชิงหลง พลันเผยอาการแย้มยิ้มผ่านม่านนัยน์ตา
นางมิได้ตอบคํา ทว่ากลับกัน หญิงสาวคว้าเม็ดโอสถเสริมพลังวิญญาณขึ้นมาเม็ดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปยังแอ่งโลหิตที่ยังคงขยับกระดุกกระดิก นางหย่อนโอสถเสริมพลังเม็ดนั้นลงไป
ทุกผู้คนต่างนึกฉงนสงสัยจึงอดมิได้ที่จะขยับเข้ามาดูอย่างใกล้ชิด
เพียงไม่นาน สิ่งที่ทําให้ทุกคนต้องตระหนกตกใจพลันปรากฎ
แก่งโลหิตซึ่งเดิมมีขนาดแค่เพียงเท่าสองฝ่ามือ พลันเริ่มส่งเสียงดัง “ฟุด ฟุด” เมื่อได้รับโอสถเสริมพลัง
สายธารโลหิตเริ่มแผ่ขยายกินพื้นที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น มันขยับดิ้นกระดับกระดิ์บรุนแรงยิ่งขึ้น กระทั่งดูคล้ายมันกําลังดิ้นทุรนทุราย คล้ายเริ่มกระตุก คล้ายเจ้าโลหิตปีศาจกองนี้สามารถฟื้นคืนชีวิต
ยามนี้โอสถเสริมพลังวิญญาณถูกกลืนกินไปจนสิ้น
ทุกคนต่างอ้าปากค้าง ความตื่นตระหนกอัศจรรย์ใจเผยปรากฏอย่างชัดเจนบนใบหน้า กู้หลิวเฟิงบ่นพึมพําในลําคอ “ด้วยเหตุนี้เอง เจ้าจึงจําต้องสลายพลังจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในสมุนไพรโอสถ รวมถึงผ่องถ่ายพลังที่ซ่อนเร้นในร่างของท่านลุงข้าก่อนใดอื่นใช่หรือไม่ ?”
เกอซีผงกศีรษะพลางตอบคําอย่างไม่เร่งร้อน “ดอกวานรม่วง ผลทับทิมเพลิง หญ้ามังกร คือตัวยาต้านพิษอย่างแน่นอน หากทว่าพลังจิตวิญญาณที่เอิบอาบอยู่ในพฤกษาเหล่านั้น ล้วนกลายเป็นขุมพลังที่เสริมความร้ายกาจให้แก่พิษชนิดนี้ ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่าตัวยาซึ่งมีคุณสมบัติต้านพิษเหล่านั้น ไม่เพียงจะไม่แสดงผลเท่านั้น มันยังกลับกลายเป็นแหล่งเสริมพลังความร้ายกาจให้แก่พิษชนิดนี้อีกด้วย”
แท้จริงเกอซีได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้จากตําราสรรพโอสถอันหลั่งล้น นางย่อมรู้ดีว่าพิษชนิดนี้คือพิษโลหิตหลั่งสําราญ ซึ่งมีดอกวานรม่วง ผลทับทิมเพลิง และหญ้ามังกรเป็นตัวยารักษา
หากทว่าด้วยเหตุที่พิษโลหิตหลั่งสําราญชนิดนี้ได้หายสาบสูญไปจากทวีปหมีหลัวมาเนิ่นนานหลายปี ผู้คนทั้งหลายจึงแทบจะหลงลืมอาการกําเริบของพิษชนิดนี้ ทั้งยังหลงลืมไปว่าพิษชนิดนี้อาศัยพลังจิตวิญญาณเป็นตัวหล่อเลี้ยงให้ยิ่งส่งผลร้ายกาจ
เฟิ่งเหลียนอิ่งคิดว่าตนรู้ตัวยารักษารวมถึงกระบวนการขจัดพิษโลหิตหลั่งสําราญ หากทว่านางกลับไม่รู้วิธีการที่ถูกต้องในการสกัดยา และถอนพิษ ซึ่งล้วนคือดอกวานรม่วง ผลทับทิมเพลิง และหญ้ามังกร อันเป็นส่วนประกอบสําคัญ จําต้องถูกย่อยสลายพลังทางจิตวิญญาณกระทั่งเดือดแห้ง พลังปราณในร่างของผู้ป่วยจําต้องถูกสกัดถ่ายเทออกกระทั่งไม่มีเหลือ
ยาวนานมากระทั่งถึงทุกวันนี้ พลังปราณในร่างผู้ฝึกยุทธล้วนคือสิ่งต่อต้านพิษร้ายทั้งมวล โดยทั่วไปหากพลังปราณในร่างคนผู้นั้นแข็งแกร่งเพียงพอ ล้วนย่อมสามารถขจัดพิษร้ายแทบทุกชนิดออกจากร่างคนผู้นั้นได้อย่างง่ายดาย หากทว่าพิษโลหิตหลั่งสําราญกลับผิดแผก พลังปราณกลับกลายเป็นอาหารบํารุงที่มันชื่นชอบอย่างที่สุด และย่อมไม่แปลกที่เฟิ่งเหลียนอิ่งจะเข้าใจว่าเม็ดโอสถห้าธาตุสกัดโลหิตจะสามารถรักษาอาการพิษชนิดนี้ได้
“ส่วนเพราะเหตุใดข้าจึงรู้ว่าสมุนไพรบางตัวสามารถกลืนกินได้ บางส่วนกลับกลายเป็นพิษกระนั้นหรือ ?” เกอซียกยิ้มสบายอารมณ์ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ําเสียงเฉื่อยชา “ข้าคงบอกเจ้าได้แค่เพียง ข้าสามารถแยกแยะความแตกต่างของพวกมันแต่ละต้นได้ว่าพฤกษาใดมีส่วนแห่งพิษ พฤกษาใดล้วนเป็นปกติ เพียงความสามารถในการแยกแยะดังที่กล่าวมานั้น อภัยเถิดที่ข้าไม่อาจชี้แนะพวกเจ้าได้”
ความจริงนั้นคือ ตัวนางเองก็ไม่รู้จะอธิบายเช่นไร ด้วยสิ่งนั้นคือสัญชาตญาณอันเกิดจากการสั่งสมเรียนรู้พิษหลากชนิดของนางมาเนิ่นนานหลายปี เพียงนางได้กลิ่น หรือเพียงปรายตามอง นางย่อมสามารถบอกกล่าวได้ทันทีว่าสมุนไพรเบื้องหน้าตนนั้นต้องพิษใดหรือไม่
แม้เกอซีจะไม่ได้แจกแจงลึกลงไปในรายละเอียด ทว่าย่อมกระจ่างชัดกว่าคําชี้แจงของเฟิ่งเหลียนอิ่งมากมายหลายเท่า
ผู้ที่เคยคิดว่ากู้อี้ตาวจะยังคงติดต้องส่วนเสี้ยวแห่งพิษร้าย มาบัดนี้กลับสิ้นความคลางแคลงใจอย่างสิ้นเชิง
***จบตอน โอสถสมานพิษของจริง***