หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 332 หัวแข็งอกตัญญ
หนุ่มน้อยเบื้องหน้าพวกเขานั้นมีวัยเพียงราวสิบห้าหรือสิบหกปี พลังฝีมือล้วนต่ําเตี้ยเพียงขั้นที่สองปฐมภูมิโลกันตร์ ทว่ามิมีผู้ใดคาดคิดเลยว่าทักษะทางการแพทย์ของเด็กหนุ่มผู้นี้จะสูงส่งน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้
แต่แรกเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างตกตะลึงงุนงง ทว่าเมื่อพวกมันคืนสติขึ้นมาได้ พวกมันทั้งหมดล้วนรีบกุลีกุจอเข้ามาคุกเข่าโขกศีรษะเบื้องหน้านาง
“ท่านหมอเทวะ ผู้สูงส่งยิ่งใหญ่เฉกเช่นท่านนี้ ย่อมสามารถอภัยต่อการล่วงเกินของพวกเราผู้ต่ําต้อยถูกต้องหรือไม่? ขอท่านได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด”
“ถูกแล้ว ถูกแล้ว การช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์นับเป็นกุศลอันสูงสุด ได้โปรดเมตตารักษาพิษให้แก่พวกเราด้วยเถิด”
เมื่อได้เห็นเหล่ามนุษย์หน้าเหม็นไร้ยางอายคุกเข่าวิงวอนร้องขอเกอซีเช่นนี้ หวูอวี้ จึงยกพัดขึ้นโบกพร้อมกล่าวคําเยาะหยัน “โอวโหยว ข้าให้นึกฉงนเสียจริงว่าเมื่อครู่ ผู้ใดกันหนอที่หมิ่นหยามกล่าวหาว่าคุณชายซีของพวกข้าเป็นพวกนักต้มตุ๋นคร่าชีวิตผู้คน”
“แล้วผู้ใดกันที่ประนามว่าคุณชายของข้ามคู่ควร แม้จะเป็นเด็กถือรองเท้าให้เทพธิดาบัวเยือกแข็ง ทั้งยังกล่าวว่าจะไม่ปล่อยให้คุณชายของข้าหลุดรอดเหลือชีวิตออกไปจากสวนสมุนไพรแห่งนี้”
“ยามนี้เมื่อพวกเจ้าตระหนักแล้วว่าความสามารถของคุณชาย ข้านั้นสูงส่งสุดเปรียบปาน พวกเจ้ากลับหันมาร้องขอความช่วยเหลือกระนั้นรี ! ข้าล่ะสงสัยจริงว่าคนเยี่ยงพวกเจ้านี้สามารถปั้นหน้าได้มากมายเพียงไรกันแน่?”
พวกมันทุกคนล้วนรู้สึกอัปยศอดสู ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความขุ่นข้อง วาจาของหวูอวี้ผู้นี้กระด้างเสียดแทงความรู้สึก และทําให้พวกมันเสียหน้ามากเกินไป!!
หากทว่าเมื่อพิษในกายเริ่มกําเริบขึ้นอีกครา ชีวิตน้อยๆของพวกมันย่อมพร้อมจะปลิดปลิวไปตรงหน้า มีหรือที่พวกมันจะยังมีแก่ใจห่วงใยเรื่องเกียรติศักดิ์ศรี?
พวกมันหาได้โต้ตอบวาจาสามหาวของหวูอไม่ กลับกัน มันกลับพากันบีบน้ําตาร่ําร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือ ด้วยใบหน้าที่เกรอะกรังไปด้วยน้ํามูกและน้ําตา
ช่วงเวลานั้นเอง บุรุษผู้มีเรือนกายโทรมไปด้วยคราบโลหิต ได้หอบพาลมหายใจสุดท้ายของตน ตะเกียกตะกายคลานออกมาจากฝูงชน หากทว่าเขาหาได้คืบคลานร่างเข้ามาหาเกอซีดังเช่นผู้อื่นไม่ หากแต่กลับกระเสือกกระสนร่างของตนมาหากู้หลิวเฟิง ชายผู้นั้นยุคชายอาภรณ์ของกู้หลิวเฟิงพลางร้องเรียกกู้หลิวเฟิงด้วยน้ําเสียงที่แหบพร่า “หลิวเฟิง เจ้าคือมู่หรงหลิวเฟิงใช่หรือไม่? !”
กู้หลิวเฟิงลดสายตาลงมองชายผู้นั้น แม้บุรุษเบื้องหน้าเขานี้จะผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมอย่างไม่เหลือเค้าโครงเดิมก็ตามที ชายหนุ่มยังคงจดจําเอกลักษณ์บางอย่างของคนผู้นั้นได้ แม้แค่เพียงปราดตามอง ด้วยเพราะคนผู้นั้นคือ มู่หรงจางฟง ท่านผู้นําแห่งตระกูลมู่หรง
กู้หลิวเฟิงหรี่นัยน์ตาทั้งคู่ลง กระบี่ด้ามยาวพลันปรากฏขึ้นในมือ เขาตวัดตัดชายอาภรณ์ที่ถูกมู่หรงจางฟังยึดไว้ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ําเสียงเย็นชา “เจ้าคือผู้ใดกัน ? ข้ารู้จักเจ้าด้วยกระนั้นหรือ?”
“ไม่ต้องมาทําเฉไฉ! ข้าได้ยินทุกอย่างที่เจ้าพูดคุยกับกู้อี้ตาวสิ้นแล้ว !” แม้มู่หรงจางฟงจะพยายามลดเสียงให้เบาลงอย่างที่สุด หากทว่าความโกรธเกรี้ยวกลับทําให้น้ําเสียงนั้นเฉียบคม “เจ้ามันหัวแข็งทั้งยังอกตัญญ เจ้าคือทายาทของสกุลมู่หรงโดยแท้ ทว่าสองปีที่ผ่านมาเจ้ากลับสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นทําลายโรงโอสถของตระกูลมู่หรง!! ไอ้สารเลว มู่หรงฟงคือบิดาของเจ้า ตระกูลมู่หรงเป็นสถานที่ที่เจ้าถือกําเนิด ทั้งยังชุบเลี้ยงเจ้ามากระทั่งเติบใหญ่ หากแต่เจ้ากลับกล้ากัดฝ่ามือที่มอบคําข้าว ให้การดูแล ! เจ้าไม่กลัวหรือว่าสักวันหนึ่งผลกรรมจะตามสนองเจ้า!!”
ใบหน้าของกู้หลิวเฟิงถูกครอบไว้ด้วยหน้ากาก เพียงสิ่งเดียวที่สามารถแลเห็นได้ คือแววตาที่เย็นชา อาการเย้ยหยันเล็กน้อยที่ติดอยู่กับมุมปาก “คนสกุลมู่หรงล้วนไร้สิ้นมโนธรรม พวกเจ้าไม่เคยหวาดกลัวต่อผลกรรมชั่วที่ตนกระทํา เช่นนั้นแล้วเหตุใดข้าจะต้องนึกหวั่นด้วยเล่า?”
“เจ้า ! เจ้า ! เจ้าคือมู่หรงหลิวเฟิงจริง ๆ ! ไอ้สารเลว !” มู่หรงจางฟงโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก สุ้มเสียงของเขาเริ่มดัง เอ็ดตะโรกระทั่งกลายเป็นการแผดเสียงลั่น “เจ้ามันก็เป็นไอ้คนไร้ยางอายดังเช่นกับมารดาของเจ้า โหดเหี้ยม ไร้คุณธรรม ! พวกเราคนสกุลมู่หรงชุบเลี้ยงเจ้ามาอย่างเสียข้าวสุกโดยแท้ !”
คําสบถด่าทอของมู่หรงจางฟงพรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยความคับแค้นใจ และนั่นย่อมเป็นเหตุให้พิษในกายเริ่มกําเริบหนักขึ้นตามสภาพอารมณ์ที่รุนแรง ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ส่งผลให้ความเกรี้ยวกราดของผู้นําตระกูลมู่หรงถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวได้อย่างรวดเร็ว
เขาเงยหน้ามองกู้หลิวเฟิงผู้ก้มหน้านิ่ง จึงมิอาจแลเห็นสีหน้าท่าทางที่แท้จริงของกู้หลิวเฟิงในยามนี้ มู่หรงจางฟงเริ่มสํานึกทั้งรู้สึกอับอายที่ตนสบถ้อยคําด่าทอทั้งหลายออกไป เขารีบตัดบท “ข้าจะไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น ทว่ายามนี้ เจ้ารีบไปเอาโอสถถอนพิษจากเด็กนั่นมาให้ข้าที เมื่อข้ากลับถึงเรือนมู่หรง ข้าจะช่วยพูดให้ทุกคนเมตตาต่อเจ้า”
***จบตอน หัวแข็งอกตัญญ*-*-*