เกอซีชักแท่งเข็มเงินขึ้น ฉีกเสือด้านนอกของชายหนุ่มออกเผยมัดกล้ามเนื้อบนแผงอกที่แข็งแกร่งสมบูรณ์
ฝ่ามือน้อย ๆ ที่อุ่นร้อนแตะสัมผัสลงไปตามจุดฝังเข็มทั่วแผ่นอก แท่งเข็มทั้งชุดถูกกดปักแทรกลงไปบนเส้นชีพจรสู่หัวใจของชายหนุ่ม
ฉับพลันนางได้ยินเสียงห้าวลึกดังขึ้นเบา ๆ ที่ข้างกกหู “ไม่คิดเลยว่าซีเอ๋อจะใจดีถึงเพียงนี้”
นางรีบเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงงจึงสบเข้ากับใบหน้าเปื้อนยิ้มเปี่ยมเสน่หาของหนานกงยวี่
แม้ดวงหน้านั้นจะยังคงซีดเซียว ทว่าประกายตายังสื่อความรู้สึกได้อย่างชัดเจน นี่เขาไม่ได้หมดสติเฉียดตายเมื่อครู่ล่ะหรือ ?
“เจ้าหลอกข้าหรือ ? !” นางถลึงตาขมวดคิ้วเข้มด้วยแทบไม่อยากเชื่อ
จอมกะล่อน ! แล้วเมื่อครู่นางหวั่นกังวลสิ่งใดกัน เขาถึงกับคุมให้ชีพจรในการเต้นผิดปกติ…. ชายผู้นี้น่าชังนัก เขาจงใจต้มนางจนเปื่อย !
เกอซีลุกพรวดหันหลังกลับด้วยสีหน้าเย็นชา
หนานกงยวี่รีบรั้งแขนนางไว้ “ซีเอ๋ออย่าเพิ่งไป !”
หากเกอซีคิดจะสะบัดมือออกย่อมง่ายดายยิ่ง เพียงไม่คิดเลยว่าหนานกงยวี่จะรวบรวมพลังปราณที่เหลือแค่เพียงน้อยนิดของตนเพื่อรั้งนางไว้ พลังในกายที่เหลืออยู่แค่เพียงเล็กน้อยส่งผลให้ฝ่ามือของชายหนุ่มเย็นเฉียบพลังชีวิตที่ไหลเวียนในกายบางเบาอย่างน่าใจหาย
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ! หยุดใช้พลังแล้วปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้ ! อยากตายหรือไง ?”
“ไม่ ซีเอ๋อต้องรับปากข้าก่อนว่าจะไม่ไป !”
ความว้าวุ่นใจเผยผ่านออกมาทางดวงหน้าของหญิงสาวด้วยเกรงว่าหากเขายังดึงดันเช่นนี้ต่อไปอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต นางรีบตอบกลับในทันที “ได้ ! ข้ารับปาก !”
ด้วยถ้อยวาจานี้ ชายหนุ่มจึงยอมคลายมือออกพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนแรงบางเบาบนมุมปาก “ซีเอ๋อ ยากนักหรือที่เจ้าจะยอมรับว่าเจ้าเองก็มีความรู้สึกกับข้าเช่นกัน ?”
เพียงกล่าวจบเปลือกตาทั้งคู่ของเขาก็ทาบกันสนิท ครานี้เขาหมดสติไปแล้วจริง ๆ
เกอซียังคงยืนนิ่งจ้องมองใบหน้ายามหลับใหลของชายหนุ่มด้วยสมองที่อื้ออึง เมื่อเห็นสีหน้าของเขายังคงเฉกเช่นเดิมนางจึงสามารถถ่ายถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่อก
*****
แม้จะนึกโกรธที่หนานกงยวี่แกล้งหลอกตน แม้จะรู้ว่าอาการของเขายามนี้ไม่น่าห่วงกังวลมากนัก ถึงกระนั้นนางยังต้องให้การดูแลใส่ใจ และคำนึงถึงความปลอดภัยของเขาเป็นอันดับแรก
เกอซีสั่งให้ชิงหลงไปตระเตรียมห้องที่บรรจุหินผลึกเพลิงที่ร้อนระอุเข้มข้นด้วยขุมพลัง รวมถึงอ่างไม้พร้อมน้ำร้อน และสิ่งอันจำเป็นต้องใช้ในกระบวนการรักษาดังเช่นเมื่อวันก่อน
หากจะเทียบกันแล้วโอสถในครานี้มีความแตกต่างจากครั้งก่อนเล็กน้อย เดิมทีเดียว อาการของหนานกงยวี่นับว่าดีขึ้นมากแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มตัวยา เช่นนั้นเกอซีจึงปล่อยให้ชิงหลงเป็นผู้ตระเตรียมทั้งหมด ทว่าผู้ใดใช้ให้เขาทำตัวบ้าระห่ำควบกลั่นพลังในกายออกมาเช่นนี้เล่า
เกอซีจึงต้องหยิบขวดกระเบื้องเคลือบจากมิติเวทอย่างไม่มีทางเลือก นางเทโอสถที่ปรุงเก็บไว้ไม่นานมานี้ลงในอ่างไม้
สิ่งที่อยู่ในขวดกระเบื้องเคลือบนี้นับเป็นสิ่งด้อยมูลค่าราคานักหากจะเทียบกับของวิเศษทั้งหลาย ทั้งนางก็จดจำไม่ได้ว่าตนได้มันมาจากที่ใด แม้มันจะสามารถบรรจุของแข็งได้ในปริมาณที่จำกัดหากทว่าสามารถบรรจุของเหลวได้ในปริมาณหลายตันเลยทีเดียว
โอสถน้ำนี้เกอซีเตรียมไว้เมื่อคืนในระหว่างที่ยังพอมีเวลาว่าง ตัวยาเคี่ยวมาจากสมุนไพรเวทที่ต้านต้านช่วยปลูกชุบชีวิตขึ้นใหม่ ประสานรวมเข้ากับทิพย์ธาราแห่งความโดษชั้นเก้าประสิทธิภาพของตัวยาจึงเข้มข้นกว่าโอสถเมื่อวานนี้ถึงพันเท่า
เพียงทว่าร่างกายของผู้ฝึกยุทธขั้นธรรมดาล้วนไม่อาจทนต่อความแรงของตัวยาได้ เช่นนั้นเกอซีจึงยังไม่เคยนำมันออกใช้เลยสักครา
ชิงหลงนำหนานกงยวี่หย่อนลงในอ่างน้ำโอสถตามคำชี้แนะของเกอซีจากนั้นจึงเขยิบกายไปด้านข้างเพื่อเฝ้าดูหญิงสาวนำแท่งเข็มเงินออกมาปักแทรกลงไปตามจุดสำคัญบนร่างกายของหนานกงยวี่ทีละเล่ม
เแท่งเข็มเงินจำนวนมากถูกฝังลงบนร่างของชายหนุ่ม กลุ่มอายควันเริ่มระเหยออกจากเรือนกาย ภายในห้องซึ่งเดิมทีเต็มไปด้วยความร้อนระอุ ยามนี้อุณภูมิกลับค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ ตามปริมาณของกลุ่มควัน
สืบเนื่องมาจากพิษเหมันต์ในร่างของชายหนุ่มกำลังถูกบีบเค้นให้ปลดปล่อยตนออกมา
เกอซีส่งขวดกระเบื้องเคลือบในมือให้ชิงหลง “สีน้ำโอสถเจือจางลงเมื่อใด ให้เปลี่ยนน้ำแล้วเทโอสถในขวดนี้ตามลงไปอีก ทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่องอีกสามวัน อาการของหนานกงยวี่ย่อมจะคืนสู่ภาวะปกติ”
ชิงหลงรับขวดโอสถพร้อมเอ่ยคำอย่างเร็วรี่ “พระชายา ยามนี้อาการของนายท่านยังไม่อาจวางใจ หวังว่าท่านจะยอมรั้งอยู่ที่นี่ จนกระทั่งนายท่านจะรู้สึกตัวตื่นขึ้น”
***จบตอน เจ้าหลอกข้า ? !***