หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 316 ความหวังสุดท้าย
หนานกงยวี่คว้าคอเสื้อกู้หลิวเฟิงราวกับลากคอลูกไก่กลับมาทิ้งกองไว้หน้าเกอซีก่อนจะก้มลงกระซิบแผ่ว “รางวัล !”
เกอซีผู้นิ่งสงบมาโดยตลอดหันไปเห็นอีกฝ่ายเอียงแก้มส่งให้พร้อมสายตาคาดหวังให้นางจุมพิตลงข้างแก้มอย่างล้นเหลือ หญิงสาวจึงเบือนหน้าหนีในทันที
หนานกงยวี่หาได้รู้สึกอุ่นเคืองไม่ หากแต่กลับกัน เขารวบร่างของนางเข้าสู่อ้อมแขนจุมพิตแผ่วเบาที่มุมปากพร้อมกระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างหู “พระชายาปฏิเสธที่จะจุมพิตข้า ทั้งยังไม่ยอมมอบรางวัลให้ข้า เช่นนั้นข้าจําต้องริบรางวัลนี้ด้วยตนเอง ข้าจําต้องออกแรงเก็บเกี่ยวผลตอบแทน จากน้ําพักน้ําแรงด้วยตนเอง ข้ามิอาจยอมขาดทุนได้อีกแล้ว”
“คนชั่ว !” เกยซีหันมาถลึงตาใส่ด้วยความเกรี้ยวกราดก่อนจะบ่ายหน้าหนี ปฏิเสธที่จะหันกลับมามองบุรุษหนุ่ม ทว่าพวงแก้มใสทั้งสองกลับแดง
เมื่อเฟิ่งอวิ่นจึงได้เห็นภาพฉากเช่นนั้นจากตําแหน่งที่ตนยืนอยู่ สีหน้าของนายน้อยแห่งตระกูลเฟิ่งพลันแปรเปลี่ยนเป็นมืดมัว อายพลังเย็นยะเยือกประดุจอสรพิษร้ายคล้ายกําลังโคจรไหลเวียนในแววตาอันล้ําลึก
คู่นั้น
“อ๊ากกก….อ้ากกกกกกก !!”
เสียงแผดร้องลั่นแสบรูหูดังแทรกฉับพลันจากในสวนสมุนไพร
เหล่ายอดยุทธที่หมดสติอยู่กลางสวนสมุนไพรเริ่มรู้สึกตัวขึ้นทีละคน ทีละคน
ผื่นแดงบนดวงหน้าแต่ละคนเริ่มแปรสภาพเป็นต่อมโลหิต สีคล้ําม่วงแดง ทั้งแผลพุพองของบางคนยังบวมโป่งเร็วกว่าผู้อื่น เพียงครู่ ต่อมโลหิตก็เริ่มพุพองบวมเป่งก่อนจะแตกระเบิด !!
น้ําเลือดน้ําเหลืองไหลนองท่วมร่าง ยามนี้สภาพร่างของยอดฝีมือทั้งหลายน่าสยดสยองยิ่งกว่าวิญญาณร้ายที่คืบคลานขึ้นจากขุมนรกอเวจี
บนใบหน้าของทุกผู้คนที่ยืนรายล้อมรอบนอกสวนสมุน ไพรล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ละคนรีบกระโดดถอยหนีอย่างไม่รอช้า
พวกที่ขวัญอ่อนใจฝ่อเริ่มส่งเสียงร่ําไห้คร่ําครวญบ้าง ก็หันไปโก่งคออาเจียนหลบมุมอยู่ด้านข้าง
สวนสมุนไพรเบื้องหน้าทุกสายตาของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธทั้งหลายในยามนี้ประหนึ่งภาพฉากของนรกบนผืนดิน
ฉับพลัน ร่างสะบักสะบอมกระทั่งมิอาจจดจําเค้ารูปเดิมได้ของคนผู้หนึ่งก็กระโผลกกระเผลกตรงปรี่เข้าหาเฟิ่งเหลียนยิ่งอย่างรวดเร็ว
คนผู้นั้นคุกเข่าลงตรงหน้าเฟิงเหลียนอิ่ง เปล่งเสียงคร่ําคร่ําครวญ “เทพธิดาบัวเยือกแข็ง ช่วยข้าด้วย! ข้าคือฉางกวนรุ่ย !”
“เจ้าสามารถทําลายพิษหลอนประสาทได้ เช่นนั้นเจ้าย่อมมีหนทางรักษาพวกเรา! ทั้งเจ้ายังคือศิษย์สายตรงของท่านอาจารย์แห่งขุนเขาพันพิษ ! ใต้หล้านี้ย่อมไม่มีผู้ใดช่วยพวกเราได้อีกแล้วนอกจากเจ้า! ขอร้องเถิด !”
เพียงเมื่อฉางกวนรุ่ยเอ่ยกล่าวถ้อยคํานั้น ทุกผู้คนในสวนสมุนไพรที่เหลือเพียงความสิ้นหวัง พลันยึดเหนี่ยวถ้อยคําองค์ชายหนุ่มผู้นี้เป็นความหวังสุดท้าย
ทุกชีวิตในสวนสมุนไพรลุกฮือเข้าหาเฟิงเหลียนอิ่ง ดั่งคลี่นพายุพร้อมเสียงร้องตะโกน “เทพธิดาบัวเยือกแข็ง โปรดช่วยพวกเราด้วย !!”
คนพวกนั้นช่างมิได้ตระหนักเลยว่า สภาพของตนในยามนี้น่าสยดสยองมากมายสักเพียงไร
ยังอีกทั้ง ช่วงระยะเวลาหลายปีที่ทุกคนมีลมหายใจอยู่นั้น ยังไม่มีผู้คนเคยพบเห็นโรคร้ายที่น่าขนพองสยองเกล้าเช่นนี้มาก่อน
ยามนี้พวกมันทั้งหมดมีสภาพราวผีดิบ ประหนึ่งพวกมันล้วนถูกตัดสินโทษทัณฑ์ให้ถึงแก่ความตายสิ้นแล้ว
เพียงทว่า แม้ไม่มีผู้ใดปรารถนาความตาย หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดปราถนาจะมีชีวิตอยู่ในสภาพนี้เช่นกัน ขอเพียงมีความหวังแม้จะริบหรี่ พวกมันทั้งหมดล้วนพร้อมฝากความหวัง ด้วยความทุ่มเทอย่างสุดกําลัง
ทั้งยิ่งไปกว่านั้น ตลอดทั่วแถบทวีปหมีหลัวแห่งนี้ ผู้ใดไหนเล่าที่ไม่รู้จักกิตติศัพท์ของเทพธิดาบัวเยือกแข็ง
ด้วยวัยแค่เพียงนี้ นางสามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นแพทย์ระดับห้า ทั้งยังเป็นสมาชิกชั้นกลางในสมาพันธ์แพทย์ อีกทั้งยังเป็นศิษย์สายตรงของท่านอาจารย์แห่งขุนเขาพันพิษ
ขอเพียงนางผู้นั้นอยู่ร่วมในที่นี้ พวกมันล้วนยังมีความหวัง ไม่ใช่สิ ! ขอเพียงเทพธิดาบัวเยือกแข็งอยู่ร่วมในที่นี้ พวกมันทั้งหมดล้วนต้องปลอดภัยอย่างมิต้องสงสัย!
เมื่อเฟิ่งเหลียนอิ่งได้เห็นใบหน้าสุดสยองน่าสะพ รึ่งของพวกมันเหล่านั้น ความหวาดกลัวขยะแขยง พลันท่วมท้นขึ้นในใจอย่างถึงขีดสุด
คล้ายชั้นบรรยากาศในที่นั้นกลับอัดแน่นไปด้วยกลิ่นคา คละคลุ้ง กระทั่งนางคันฝ่าเท้าอยากเตะกลุ่มคนที่น่าสะอิดสะเอียดพวกนี้กระเด็นไปให้ไกล
หากแต่ยามนี้ หวอ กลับยกมือขึ้นโบกพัด พร้อมโพล่งคํากล่าวออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคํา “ทุกท่านโปรดวางใจเถิด เทพธิดาบัวเยือกแข็งเป็นผู้มีจิตใจงดงามโอบอ้อมอารีดังโพธิสัตว์ เมื่อทุกท่านได้รับความทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ นางจะทนนิ่งเฉยดูดายได้เยี่ยงไร ?”
“ยิ่งไม่ต้องกล่าวว่าทักษะทางการแพทย์ของนางวิเศษเพียงไหน นี่ยังไม่นับเรื่องที่นางเป็นบุคคลสําคัญในสมาพันธ์แพทย์อีกด้วย นางย่อมสามารถเยียวยารักษาพวกท่านได้เป็นธรรมดา หากนางรักษาพวกท่านไม่ได้ จะไม่เสื่อมเสียถึงกิตติศัพท์อันลือลั่นของเทพธิดาบัวเยือกแข็งกระนั้นหรือ
***จบตอน ความหวังสุดท้าย*-*-*
หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 316 ความหวังสุดท้าย
หนานกงยวี่คว้าคอเสื้อกู้หลิวเฟิงราวกับลากคอลูกไก่กลับมาทิ้งกองไว้หน้าเกอซีก่อนจะก้มลงกระซิบแผ่ว “รางวัล !”
เกอซีผู้นิ่งสงบมาโดยตลอดหันไปเห็นอีกฝ่ายเอียงแก้มส่งให้พร้อมสายตาคาดหวังให้นางจุมพิตลงข้างแก้มอย่างล้นเหลือ หญิงสาวจึงเบือนหน้าหนีในทันที
หนานกงยวี่หาได้รู้สึกอุ่นเคืองไม่ หากแต่กลับกัน เขารวบร่างของนางเข้าสู่อ้อมแขนจุมพิตแผ่วเบาที่มุมปากพร้อมกระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างหู “พระชายาปฏิเสธที่จะจุมพิตข้า ทั้งยังไม่ยอมมอบรางวัลให้ข้า เช่นนั้นข้าจําต้องริบรางวัลนี้ด้วยตนเอง ข้าจําต้องออกแรงเก็บเกี่ยวผลตอบแทน จากน้ําพักน้ําแรงด้วยตนเอง ข้ามิอาจยอมขาดทุนได้อีกแล้ว”
“คนชั่ว !” เกยซีหันมาถลึงตาใส่ด้วยความเกรี้ยวกราดก่อนจะบ่ายหน้าหนี ปฏิเสธที่จะหันกลับมามองบุรุษหนุ่ม ทว่าพวงแก้มใสทั้งสองกลับแดง
เมื่อเฟิ่งอวิ่นจึงได้เห็นภาพฉากเช่นนั้นจากตําแหน่งที่ตนยืนอยู่ สีหน้าของนายน้อยแห่งตระกูลเฟิ่งพลันแปรเปลี่ยนเป็นมืดมัว อายพลังเย็นยะเยือกประดุจอสรพิษร้ายคล้ายกําลังโคจรไหลเวียนในแววตาอันล้ําลึก
คู่นั้น
“อ๊ากกก….อ้ากกกกกกก !!”
เสียงแผดร้องลั่นแสบรูหูดังแทรกฉับพลันจากในสวนสมุนไพร
เหล่ายอดยุทธที่หมดสติอยู่กลางสวนสมุนไพรเริ่มรู้สึกตัวขึ้นทีละคน ทีละคน
ผื่นแดงบนดวงหน้าแต่ละคนเริ่มแปรสภาพเป็นต่อมโลหิต สีคล้ําม่วงแดง ทั้งแผลพุพองของบางคนยังบวมโป่งเร็วกว่าผู้อื่น เพียงครู่ ต่อมโลหิตก็เริ่มพุพองบวมเป่งก่อนจะแตกระเบิด !!
น้ําเลือดน้ําเหลืองไหลนองท่วมร่าง ยามนี้สภาพร่างของยอดฝีมือทั้งหลายน่าสยดสยองยิ่งกว่าวิญญาณร้ายที่คืบคลานขึ้นจากขุมนรกอเวจี
บนใบหน้าของทุกผู้คนที่ยืนรายล้อมรอบนอกสวนสมุน ไพรล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ละคนรีบกระโดดถอยหนีอย่างไม่รอช้า
พวกที่ขวัญอ่อนใจฝ่อเริ่มส่งเสียงร่ําไห้คร่ําครวญบ้าง ก็หันไปโก่งคออาเจียนหลบมุมอยู่ด้านข้าง
สวนสมุนไพรเบื้องหน้าทุกสายตาของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธทั้งหลายในยามนี้ประหนึ่งภาพฉากของนรกบนผืนดิน
ฉับพลัน ร่างสะบักสะบอมกระทั่งมิอาจจดจําเค้ารูปเดิมได้ของคนผู้หนึ่งก็กระโผลกกระเผลกตรงปรี่เข้าหาเฟิ่งเหลียนยิ่งอย่างรวดเร็ว
คนผู้นั้นคุกเข่าลงตรงหน้าเฟิงเหลียนอิ่ง เปล่งเสียงคร่ําคร่ําครวญ “เทพธิดาบัวเยือกแข็ง ช่วยข้าด้วย! ข้าคือฉางกวนรุ่ย !”
“เจ้าสามารถทําลายพิษหลอนประสาทได้ เช่นนั้นเจ้าย่อมมีหนทางรักษาพวกเรา! ทั้งเจ้ายังคือศิษย์สายตรงของท่านอาจารย์แห่งขุนเขาพันพิษ ! ใต้หล้านี้ย่อมไม่มีผู้ใดช่วยพวกเราได้อีกแล้วนอกจากเจ้า! ขอร้องเถิด !”
เพียงเมื่อฉางกวนรุ่ยเอ่ยกล่าวถ้อยคํานั้น ทุกผู้คนในสวนสมุนไพรที่เหลือเพียงความสิ้นหวัง พลันยึดเหนี่ยวถ้อยคําองค์ชายหนุ่มผู้นี้เป็นความหวังสุดท้าย
ทุกชีวิตในสวนสมุนไพรลุกฮือเข้าหาเฟิงเหลียนอิ่ง ดั่งคลี่นพายุพร้อมเสียงร้องตะโกน “เทพธิดาบัวเยือกแข็ง โปรดช่วยพวกเราด้วย !!”
คนพวกนั้นช่างมิได้ตระหนักเลยว่า สภาพของตนในยามนี้น่าสยดสยองมากมายสักเพียงไร
ยังอีกทั้ง ช่วงระยะเวลาหลายปีที่ทุกคนมีลมหายใจอยู่นั้น ยังไม่มีผู้คนเคยพบเห็นโรคร้ายที่น่าขนพองสยองเกล้าเช่นนี้มาก่อน
ยามนี้พวกมันทั้งหมดมีสภาพราวผีดิบ ประหนึ่งพวกมันล้วนถูกตัดสินโทษทัณฑ์ให้ถึงแก่ความตายสิ้นแล้ว
เพียงทว่า แม้ไม่มีผู้ใดปรารถนาความตาย หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดปราถนาจะมีชีวิตอยู่ในสภาพนี้เช่นกัน ขอเพียงมีความหวังแม้จะริบหรี่ พวกมันทั้งหมดล้วนพร้อมฝากความหวัง ด้วยความทุ่มเทอย่างสุดกําลัง
ทั้งยิ่งไปกว่านั้น ตลอดทั่วแถบทวีปหมีหลัวแห่งนี้ ผู้ใดไหนเล่าที่ไม่รู้จักกิตติศัพท์ของเทพธิดาบัวเยือกแข็ง
ด้วยวัยแค่เพียงนี้ นางสามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นแพทย์ระดับห้า ทั้งยังเป็นสมาชิกชั้นกลางในสมาพันธ์แพทย์ อีกทั้งยังเป็นศิษย์สายตรงของท่านอาจารย์แห่งขุนเขาพันพิษ
ขอเพียงนางผู้นั้นอยู่ร่วมในที่นี้ พวกมันล้วนยังมีความหวัง ไม่ใช่สิ ! ขอเพียงเทพธิดาบัวเยือกแข็งอยู่ร่วมในที่นี้ พวกมันทั้งหมดล้วนต้องปลอดภัยอย่างมิต้องสงสัย!
เมื่อเฟิ่งเหลียนอิ่งได้เห็นใบหน้าสุดสยองน่าสะพ รึ่งของพวกมันเหล่านั้น ความหวาดกลัวขยะแขยง พลันท่วมท้นขึ้นในใจอย่างถึงขีดสุด
คล้ายชั้นบรรยากาศในที่นั้นกลับอัดแน่นไปด้วยกลิ่นคา คละคลุ้ง กระทั่งนางคันฝ่าเท้าอยากเตะกลุ่มคนที่น่าสะอิดสะเอียดพวกนี้กระเด็นไปให้ไกล
หากแต่ยามนี้ หวอ กลับยกมือขึ้นโบกพัด พร้อมโพล่งคํากล่าวออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคํา “ทุกท่านโปรดวางใจเถิด เทพธิดาบัวเยือกแข็งเป็นผู้มีจิตใจงดงามโอบอ้อมอารีดังโพธิสัตว์ เมื่อทุกท่านได้รับความทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ นางจะทนนิ่งเฉยดูดายได้เยี่ยงไร ?”
“ยิ่งไม่ต้องกล่าวว่าทักษะทางการแพทย์ของนางวิเศษเพียงไหน นี่ยังไม่นับเรื่องที่นางเป็นบุคคลสําคัญในสมาพันธ์แพทย์อีกด้วย นางย่อมสามารถเยียวยารักษาพวกท่านได้เป็นธรรมดา หากนางรักษาพวกท่านไม่ได้ จะไม่เสื่อมเสียถึงกิตติศัพท์อันลือลั่นของเทพธิดาบัวเยือกแข็งกระนั้นหรือ
***จบตอน ความหวังสุดท้าย*-*-*