กระทั่งหญิงนางโลมที่กำลังมอบความบันเทิงให้แก่บรรดาบุรุษหนุ่มรูปงามยังอดไม่ได้ที่จะชะงักน้ำเสียงนิ่มนวลน่าฟังของตนขณะที่สายตาของพวกนางล้วนจับจ้องเขม็งอยู่กับผู้เด่นสง่าตรงประตูทางเข้า
หนุ่มน้อยในชุดบัณฑิตสีขาวยกฝ่าเท้าก้าวเข้ามาด้านใน คิ้วของบุรุษผู้นี้เรียวยาวดั่งใบหลิว นัยน์ตาเยียบเย็นดั่งดวงดารา ผิวเนื้อผ่องเนียนประดุจชิ้นหยก พรรณขาวนวลผ่องเรียบเนียนละเอียด เมื่อแสงตะวันตกต้องสัมผัสปลายจมูกที่คมสันล้วนไม่สามารถหาริ้วรอยตำหนิใดที่อาจพบเจอหรือยลเห็น
รูปร่างของหนุ่มน้อยผู้นี้ไม่สูงนัก กลับกันเขามีทรงกายที่งดงามระหง แม้ร่างกายเช่นนี้อาจให้ความรู้สึกที่อ่อนแอไปบ้างหากแต่เมื่อสายตาชำเลืองมองอันเย็นเยียบคู่นั้นกวาดไปในที่ใด กลับให้ความรู้สึกที่กดขี่ข่มขวัญแก่ผู้คนอย่างหนักหน่วงประดุจแท่งน้ำแข็งแกร่งที่ยะเยือกเย็นบนกองหิมะ
ทันทีที่ได้เห็นหนุ่มน้อยผู้นี้ทุกผู้คนล้วนอดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในความตะลึงงัน ภายใต้ความเฉิดฉายท่ามกลางสุริยันนั้นช่วยขับส่งให้เขายิ่งดูราวกับปุยหิมะสะอาดเป็นธรรมชาติที่งดงามใสพิสุทธิ์ กระจ่างพร่างตา ทรงเสน่ห์เร้ารึงใจอย่างไร้ขอบเขต
บุรุษผู้ยืนอยู่ไม่ไกลจากหนุ่มน้อยผู้นั้นแทบจะสำลักน้ำลายตนเอง เขาเพียงบ่นเพ้อพึมพำขึ้นกับตนเบา ๆ “คุณชายน้อยผู้นี้มาจากตระกูลใด เหตุใดจึงให้ความรู้สึกที่ช่าง…..ช่าง…..” ดึงดูดจิตใจดูดกลืนจิตวิญญาณได้มากถึงเพียงนี้ !
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้คือบุรุษ เพียงเป็นหนุ่มน้อยที่แลดูบอบบางนุ่มนวลดั่งสตรี ทว่าเขากลับรู้สึกราวกับจิตวิญญาณของตนถูกดูดกลืนไปเสียแล้ว คนผู้นั้นรู้สึกคันยุบยิบในใจอยากจะเร่งฝีเท้ารุดเข้าไปชมอย่างใกล้ชิด
ทว่าเพียงก้าวออกไปด้วยหมายจะเข้าไปลองสัมผัสพวงแก้มนุ่มนิ่มละเอียดอ่อนของหนุ่มน้อยรูปงามผู้นั้นเขาก้าวได้แค่สองก้าวเท่านั้น ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่กระจายไปตลอดทั่วทั้งกาย ก่อนที่ท่อนกายจะลอยกระเด็นขึ้นไปบนอากาศแล้วตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง
สายตาที่เย็นชาของหนุ่มน้อยผู้นั้นกวาดไปหาทุกผู้คนที่อยู่โดยรอบขณะที่เสียงเอ่ยถามถูกปล่อยออกไปอย่างเชื่องช้า “ที่นี่คือบ่อนจางเลอใช่ไหม ?”
หนุ่มน้อยผู้ทำให้ทุกคนต้องอยู่ในอาการตกตะลึงผู้นี้ย่อมเป็นเกอซีที่แปลงโฉมในร่างของบุรุษอย่างแน่นอน !
เกอซีเกรงว่าจะมีผู้จดจำใบหน้าของน่าหลานเกอซีได้ และแม้การสวมใส่อาภรณ์ในชุดของอิสตรีย่อมอาจนำพาให้นึกคำนึงได้เช่นกัน เช่นนั้น นางจึงใช้ทักษะการแต่งหน้าอันล้ำเลิศเพื่อแปลงโฉมใบหน้าของตนเอง
ในสายตาของทุกคน นอกจากรูปร่างภายนอกที่ดูจะไม่สูงอีกทั้งยังบอบบางแล้วนางยังแลดูเป็นหนุ่มน้อยที่มีอายุราวสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น หากแม้จัดหมอมาตรวจจับเส้นชีพจรของนางก็ย่อมยากที่จะรู้ความเป็นจริงแห่งตัวตนของนางได้
ทว่าสิ่งที่เกินกว่าระดับที่นางจะคาดคิดไว้ได้นั้นคือแม้รูปลักษณ์ภายนอกของนางจะดูเป็นบุรุษ แต่ใบหน้าอันเย้ายวนชวนเพ้อฝันของน่าหลานเกอซียังคงสามารถดึงดูดรัดรึงสายตาของผู้คนได้มากมายอย่างไม่อาจคาดคะเนขนาดนี้
ทว่าผู้ใดหมายจะเอาเปรียบนาง เกอซีผู้นี้ คงต้องทบทวนคุณสมบัติของตนก่อนว่า มีความสามารถเพียงพอหรือไม่ !
หลังจากได้คำตอบที่ต้องการแล้ว เกอซีหาได้เสียเวลาใส่ใจต่อผู้ใดอีก หญิงสาวก้าวฝีเท้าออกไปอย่างรวดเร็วสู่ด้านในบ่อนที่ส่งเสียงดังระเบ็งเซ็งแซ่
ย่อมแน่นอนว่าจางเต๋อจงอยู่ในที่นี้เช่นกัน ยามนี้มันเอนร่างทิ้งท่อนกายส่วนบนไว้บนโต๊ะพนัน พร้อมส่งเสียงร้องตะโกนหงุดหงิดหัวเสียด้วยสุ้มเสียงที่แหบพร่า
“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่ชนะ ! !” มันโยนเบี้ยพนันทิ้งลงไปกลางโต๊ะ “ข้าขอลงเดิมพัน “สูง” ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่ชนะ เปิดเร็วเข้า !”
บนสีหน้าของเจ้ามือผู้กำลังเขย่าลูกเต๋านั้น แววตาที่เจ้าเล่ห์ซ่อนกลกวาดพาดผ่านไปวาบหนึ่ง
เกอซีรับรู้ได้ทันที มุมปากของหญิงสาวโค้งขึ้นอย่างร้ายกาจ ดูเหมือนจางเต๋อจงจะยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก
แน่นอนว่าเมื่อเต๋าถูกเปิดออก ผลนั้นคือ “ต่ำ”
จางเต๋อจงทุบฝ่ามือลงไปบนโต๊ะอย่างเดือดดาลพลางตะโกนร้องลั่น “บ้าที่สุด ! เหตุใดวันนี้ข้าจึงอับโชคนัก เอาเบี้ยมาอีกร้อยหนึ่ง !”
ทว่าผู้เป็นเจ้ามือกลับแสยะยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่รังเกียจ “พ่อบ้านจาง ท่านติดหนี้บ่อนของเราถึงหนึ่งพันตำลึงเงินแล้ว หากท่านยังเพิ่มหนี้สินให้ตนเองเช่นนี้ จะมีปัญญาชดใช้คืนหรือ ?”
“เจ้าพูดอะไร ?” จางเต๋อจงเหยียดมือออกคว้าคอเสื้อชายผู้นั้นพลางพ่นน้ำเสียงที่หนักแน่นออกไป “เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือใคร ? ข้ามีเงินตั้งมากมาย มิใช่เจ้ากำลังดูถูกข้า……อึก !”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบจางเต๋อจงกลับถูกคนผู้หนึ่งเตะส่งออกไป
***จบตอน หนุ่มน้อยผู้ดึงดูดจิตใจดูดกลืนจิตวิญญาณ***