ตอนที่ 250 กู้หลิวเฟิ่ ง
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปตลอดทั่วอาณาบริเวณ กระบี่ผลึกเยือกแข็งแปรสภาพเป็นไอน้ำเพื่อตระเหยแห้งไปในอากาศทันทีที่มันปะทะม่านพลังสีแดงสด ทั้งม่านแสงสีแดงนั้นกลับค่อยๆ แตกกระจายเมื่อปะทะต้องกระบี่ผลึกเยือกแข็งประดุจน้ำแข็งปะทะเปลวเพลิงที่ต่างพากันหลอมละลายย่อยสลาย
ร่างของเฟิ่งเหลียนอิ่งกระเด็นกระถดถอยห่างออกมา สายตาเย็นชามืดมัวจ้องเขม็งอยู่กับม่านพลังสีแดงสดที่เลือนหายอย่างไม่เหลือร่องรอย
ยังไม่ทันที่เกอซีจะโต้ตอบสิ่งใด เสียงร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นยินดีของผู้ดูแลโจวพลันก้องดังขึ้น “นายน้อยที่สุดนายน้อยก็มา!”
ติดตามมากับสุ่มเสียงของบุรุษใหญ่นั้นคือร่างคนผู้หนึ่งภายใต้อาภรณ์สีแดงเพลิงผู้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเกอซี
จากที่เห็น ชายผู้นี้มีรูปร่างสมส่วน บนดวงหน้าถูกประกบไว้ด้วยหน้ากากสีขาวซึ่งวาดลวดลายคล้ายภูตผีให้ความรู้สึกน่าประหวั่นครั้นคร้าม ดวงตาสีดอกท้อคู่ที่มิได้ถูกปกปิดไว้ด้วยแผ่นหน้ากากทอประกายแวววาวประดุจคลื่นน้ำที่ล้อแสงตะวันนั้นมอบความงดงามดึงดูดสายตาทุกผู้คนให้หลงใหลชื่นชม
ครั้นเมื่อเฟิ่งเหลียนอิ่งเพ่งมองใบหน้าของบุรุษหน้ากากขาวให้ชัดเจน กลับต้องส่งเสียงร้องอุทานออกมาอย่างยังไม่ได้ “กู้หลิวเฟิ่ง !
แม้เกอซีไม่เคยได้ยินชื่อกู้หลิวเฟิ่งผู้นี้มาก่อน หากทว่านางย่อมรู้จักโรงโอสถเซิงเต๋อแห่งเมืองเหยียนจิงเป็นอย่างดี แม้รูปลักษณ์ภายนอกล้วนปรากฏเพียงโรงโอสถหลังน้อย หากทว่าแท้จริงนี้คือองค์กรลับผู้ทรงอิทธิพลทั้งผู้ให้การสนับสนุนองค์กรอยู่เบื้องหลังล้วนไม่อาจดูเบา
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
สันนิษฐานได้ว่า บุรุษผู้ถูกโจวเหยียนอันขนานนามว่า นายน้อย ย่อมต้องเป็นเจ้าของโรงโอสถเซิงเต๋อ
กู้หลิวเฟิ่งขยับปากเอ่ยกล่าววาจาอย่างไม่เร่งร้อน “เทพธิดาบัวเยือกแข็ง ไม่พบเจอกันเสียนาน เจ้ายังสบายดีอยู่หรือ ?”
เพียงถูกทักทาย ใบหน้าของเฟิ่งเหลียนอิ่งกลับบิดเบ้อย่างร้ายกาจ!
นางไม่เข้าใจยิ่งนัก นางเพียงคิดลงมือสังหารเด็กเหลือขอเศษ , สวะปราณปฐมภูมิโลกันตร์เท่านั้น ! สมควรเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก ทว่าเหตุใดจึงมีผู้คนโผล่มาวุ่นวายมากมายถึงเพียงนี้ ? หรือเจ้าเด็กนี้จะวาสนาดีจริง ๆ ?
เฟิ่งเหลียนอิ่งกัดฟันตอบคํา “กู้หลิวเฟิ่ง เจ้าคงไม่คิดก้าวก่ายเรื่องของข้าใช่หรือไม่ ? หากเจ้าคิดสอดมือเข้ามาย่อมสมควรไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ว่าตัวเจ้าแข็งแกร่งพอจะเทียบรัศมีสํานักหลิวหลีของข้าหรือไม่ !”
เมื่อกู้หลิวเฟิ่งสวมใส่หน้ากาก สีหน้าการแสดงออกของคนผู้นี้จึงไม่อาจแลเห็นได้อย่างชัดเจน หากกระนั้นน้ำเสียงเฉื่อยเนือยไร้อารมณ์ยังคงสัมผัสได้
“เทพธิดาบัวเยือกแข็งก็จริงจังเกินไป ที่ข้าเกลียดยิ่งนักคือการสอดเรื่องชาวบ้าน ดังเช่นกับคนของข้า กู้หลิวเฟิ่ง ย่อมหาใช่ผู้ที่คนนอกจะลงมือสั่งสอนได้ ! ข้ายังมีข้อกังขาว่าท่านผู้ดูแลโจวล่วงเกินเทพธิดาบัวเผือกแข็งในเรื่องใด กระทั่งทําให้เจ้าต้องหนักมือกับเขาถึงเพียงนี้ ?”
หญิงสาวหันมองกลับไปมาระหว่างโจวเหยียนอัน และกู้หลิวเฟิ่ง ก่อนจะกล่าวตอบพร้อมประกายตาอันเย็นชา “ผู้สร้างความขุ่นเคืองให้แก่เทพธิดาผู้นี้แท้จริงหาใช่ท่านผู้ดูแลโรงโอสถไม่ หากทว่าคือเจ้าหนุ่มหน้าเหม็นผู้มีพลังปราณเพียงปฐมภูมิโลกันตร์ผู้นั้น เช่นนั้นหากเจ้วลากคนของเจ้าหลีกไปเสียแต่ในยามนี้ ให้เขากล่าวสัตย์ปฏิญาณไม่แพร่งพรายเรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้าจะยอมปล่อยพวกเจ้าไป เช่นนี้เป็นอย่างไร ?
เพียงได้ฟังถ้อยคําจากอีกฝ่าย สีหน้าของโจวเหยียนอันกลับกลายประหวั่นในใจ
บุรุษใหญ่หันกลับมองเกอซีด้วยความกังวล ทั้งอดไม่ได้ที่จะเบียงสายตากลับมาหากู้หลิวเฟิง นิ่งไปครู่หนึ่งกว่าจะสามารถรวบรวมความกล้าเอ่ยวาจาออกไป “นายน้อยขอรับ ข้าติดค้างคุณชายซีผู้ช่วยชีวิตข้าไว้…ข้า….ไม่ว่าอย่างไรข้าย่อมไม่อาจละทิ้งเขาไปได้”
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
หากทว่ากู้หลิวเฟิ่งคล้ายไม่ได้ยินคําเอ่ยกล่าว ชายหนุ่มหรี่นัยน์ตาจ้องเฟิ่งเหลียนอิ่งผู้แสดงท่าที่หยิ่งผยองอยู่เบื้องหน้าพลางทอดถอนใจเบาบาง “ดูเหมือนเทพธิดาบัวเยือกแข็งจะเข้าใจความมุ่งหมายของข้าคลาดเคลื่อน ข้าขอให้ท่านปล่อยตัวผู้ดูแลโจวเสียเมื่อไร ?”
ได้ฟังคําโต้กลับเช่นนี้ รอยยิ้มนุ่มนวล เผยถึงความคลายใจปรากฏขึ้นบนดวงหน้าของหญิงสาว “เมื่อคุณชายกู้รู้จักสถานการณ์ เข้าใจการควรมิควร์เช่นนี้ ย่อมเหมาะสมยิ่งแล้ว เป็นโจวเหยียนอันไม่ให้เกียรติแก่เทพธิดาผู้นี้ก่อน เช่นนั้นจึงต้องน้อมรับการสั่งสอนเสียบ้าง ข้าให้คํามั่นจะยอมรักษาชีวิตน้อย ๆของเขาไว้”
***จบตอน กู้หลิวเฟิ่ง***